วันนี้มาเตือนภัยผู้ที่จะไปสัตหีบโดยใช้เส้นทางเขาไม้แก้วทะลุผ่านสัตหีบ
(หลังจากอ่านดู น่าจะเป็นเส้น 331 ช่วงตัดจากถนนกระทิงลาย (สาย 36) แล้วตรงไปทางสัตหีบ )+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่เพิ่งจะผ่านมาสด ๆ ร้อน ๆ นี่เอง
อยากจะเล่าให้เป็นอุทาหรณ์ เตือนเพื่อน ๆ ที่ขับรถเอง
โดยใช้เส้นทาง เขาไม้แก้ว ทะลุผ่านสัตหีบ (สามารถแยกไประยองได้)
เส้นทางนี้เกือบทำให้ปูและพี่อุ๊ด เป็นอะไรที่อันตรายได้มากมายเลยทีเดียว
เรื่องมีอยู่ว่า...................
เมื่อวันเสาร์ที่ 11 พอเลิกงาน 5 โมงเย็น ปูกับพี่อุ๊ด
ก็รีบขับรถไปหาพ่อกับแม่พี่อุ๊ด ที่ สัตหีบ (ชลบุรี) ทันที
เราสองคนขับไปเส้นมอเตอร์เวย์ จนกระทั่งเกือบถึง
ทางแยกที่ป้ายจะบอกว่า ตรงไปพัทยา เลี้ยวซ้ายไประยอง (เขาไม้แก้ว)
ตอนนั้นเห็นว่าจะ 4 ทุ่มแล้ว ถ้าเราไปเส้นพัทยา ก็กลัวว่ารถจะติด และนานถึง
จึงเลี่ยงไปเส้นระยอง (เขาไม้แก้ว) ซึ่งสามารถทะลุไปถึง กม. 10 ( รพ.สิริกิต์ )
เลี้ยวขวาอีกนิด ก็ถึงบ้านพ่อกับแม่...........
ขับมาเรื่อย ๆ (ถ้าเพื่อน ๆ เช่น จัน แม่แหม่ม เปิ้ล แม่หน่อย เพื่อน ๆ ที่อยู่ระยอง)
จะรู้ว่าเส้นทางนี้เปลี่ยวมาก และรถยนต์วิ่งสวนทางกัน..................
ขณะนั้นเกือบ 4 ทุ่ม รถเริ่มไม่ค่อยมีวิ่ง นาน ๆ จะขับสวนทางกันสักคัน
ปูกับพี่อุ๊ดขับมาเกือบจะถึงทางเข้าด้านหลังวัดชีจรรย์
ระหว่างทางปูสังเกตุเห็นขอนไม้ วางพาดไหล่ทางเยอะมากกกกกกกก
จนเอ่ยปากคุยกับพี่อุ๊ดว่า ทำไมขอนไม้เยอะจังเน๊อะ
พี่อุ๊ดก็บอกว่าสงสัยฝนตกลมแรง พากิ่งไม้หักมั้ง
แต่ปูดูแล้ว มันไม่ใช่กิ่งไม้หัก แต่เป็นขอนไม้ขนาดย่อม
ที่วางพาดไหล่ทาง ประมาณว่าจะให้รถที่วิ่งมาหักหลบอย่างนั้นเลย
แล้ว.............ก็มองเห็นเห็นรถคันหนึ่ง..............
กำลังจะวิ่งสวนทางรถปูไป ...................................แต่แล้วจู่ ๆ...................................
รถยนต์ ( โฟวิวสีน้ำเงิน ) ก็ขับปาดหน้า ทำให้รถปูต้องเหยียบเบรคกระทันหัน
(ถ้าไม่เบรคอย่างเร็ว ต้องชนกันแน่ ๆ ) ตอนนั้นตกใจมาก .......หัวทิ่มเลยอ่ะ.....
รถโฟวิว ห่างกับรถปูประมาณ 6-7 ก้าว
คิดกันว่า สงสัยรถคันนั้นจะเลี้ยวเข้าซอย แต่เอ๊ะ มันไม่มีซอย..............
คิดกันอีกว่า รถคันนั้นจะเลี้ยวรถกลับ แต่เอ๊ะ ทำไมมันจอดนานจัง..............
เวลาผ่านไปประมาณ 30 วินาที ( มันนานนะ ถ้าเขาจะเลี้ยวรถกลับ )
แต่รถคันนั้นก็ไม่ยอมทำอะไรสักที นิ่งอยู่อย่างนั้น...................
สักพัก รถคันนั้นดับไฟหน้ารถ....................
ปูกับพี่อุ๊ด ก็รู้เลยว่ามีอะไรไม่ดีแน่ ๆ รีบเช็ค ว่ารถล็อครึยัง
เปิดไฟสูงใส่มัน แล้วพี่อุ๊ดก็ รีบเอามีดข้างเบาะ มาให้ปูถือไว้............ส่วนพี่อุ๊ดเอง
รีบหันไปคว้าปืนหลังเบาะ ( เวลาต้องการใช้มัน ทำไมมันหาไม่เจอสักที ถึงหาเจอ ก็ยังไม่ได้
ใส่ลูก....ฮ่วย... )
ตอนนั้น เวลานั้น เชื่อมั้ยเพื่อน ๆ ไม่มีรถผ่านมาสักคันเลย..............ปูกลัวมากกกกกกก
มองดูพี่อุ๊ดเอง ก็คงไม่ต่างจากปู........ปูมองที่รถมันตลอด แต่เหมือนกับว่า
มันดูเชิงเรา คือมันเองก็ยังไม่ลงจากรถ คือต่างคนต่างจอดอย่างนั้น
รถปูจะถอยหลังก็ไม่ได้ เพราะมีขอนไม้พาดอยู่เยอะมากกกก จะเดินหน้าก็ไม่ได้
เพราะคงไม่พ้นรถมัน กลัวว่ามันจะถอยชนด้วย...........
มือปูก็คลำหาโทรศัพท์ หาไม่เจอ.............กดไม่ถูก.........
สักพัก ................................. มันเปิดประตูรถออกมา เป็นผู้ชาย 2 คน
แต่คนขับยังอยู่
ในรถ.............................. ไม่ปิดหน้า ไม่ใสหมวกเป็นวัยกลางคน.............
หัวใจปูแทบอยู่ตาตุ่ม.............กลัวมากกกกกกกกกกกก รู้ว่าตัวเองเสียงสั่นนนบอกพี่อุ๊ดว่า พี่อุ๊ดทำไงดี มันจะทำอะไร ปูกลัว............(สติไม่อยู่กับตัวแล้ว)
พี่อุ๊ดบอกปูว่าใจเย็น ๆ ปู ใจเย็น ๆ ให้ปูข้ามไปอยู่เบาะหลังแล้วถ้ามันทุกกระจกรถ ให้ปูเอามีดแทงมันเลยนะ( ถ้าเป็นเพื่อน ๆ จะก้าวไปหลังรถกันมั้ยอ่ะ..............
แต่ปูไม่ไป ตอนนั้นคิดว่า อยู่ด้วยกัน เป็นอะไรก็เป็นด้วยกัน )แล้วพี่อุ๊ดก็บีบแตรรถ ให้มันเสียงดัง บีบแบบต่อเนื่อง เท่าที่จะบีบได้ ให้เสียงดังเข้าไว้
ส่วนปูเอง ก็จับมีดแน่น หัวสมองคิดไรไม่ออก รู้แค่ว่าปูจ้องมันอยู่ ( ทำได้แค่นั้น )พอผู้ชายคนที่ 2 ลงจากรถ มันก็เดิมมาหาผู้ชายคนแรก แล้วก็เดินมาทางรถปูมันเดินมาจวนจะถึงอยู่แล้ว พี่อุ๊ดก็บีบแตรเสียงดัง...............................................
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เดี๋ยวมาเล่าต่อตอน 4 โมงเย็น