ห้ามรถติดก๊าซจอดในตึก [26 ส.ค. 51 - 16:04]
ผมมีโอกาสคุยกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่เป็นเจ้าของอาคารสูงในกรุงเทพฯ ท่านหนึ่ง เกี่ยวกับรถยนต์ที่ติดก๊าซหุงต้ม LPG ที่วิ่งกันเกลื่อนเมือง จากตัวเลขล่าสุดของ กรมการขนส่งทางบกที่มีการแจ้งเปลี่ยนระบบเชื้อเพลิง พบว่ามีรถยนต์ที่ติดก๊าซ LPG กว่า 4 แสนคันแล้ว ที่ยังไม่แจ้งมีอีกมากมาย
เจ้าของรถที่หันมาติดก๊าซหุงตุ้ม LPG เพราะมีราคาถูกกว่าเบนซินถึงสามเท่า เพราะรัฐดันไปชดเชยให้ ปัจจุบันโรงงานอุตสาหกรรมก็หันมาใช้ด้วยเพื่อลดต้นทุน ทำให้ยอดนำเข้าและเงินภาษีชดเชยพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ที่มันอันตรายและน่ากลัวก็คือ ก๊าซ LPG หรือ ก๊าซหุงต้ม เป็น ก๊าซที่ติดไฟได้อย่างรวดเร็ว และเป็น ก๊าซหนัก เมื่อรั่วแล้วจะกระจายไปในพื้นราบ ไม่ลอยหายไปในอากาศ ต่างหาก ก๊าซ NGV ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยให้ใช้ในรถยนต์ได้ เพราะเป็น ก๊าซเบา เมื่อรั่วออกมาหรือรถชนกันถังแตกก็ไม่ระเบิดไม่ติดไฟ เพราะก๊าซจะลอยหนีขึ้นไปในอากาศและจางหายไป
ก๊าซแอลพีจี ที่อยู่ในถังรถยนต์ มันก็คือ ?ระเบิดเพลิง? ดีๆนี่เอง
หลายวันที่ผ่านมาเริ่มมีข่าวให้เห็นปละปลายแล้ว รถยนต์ที่ติดก๊าซแอลพีจีชนกันไฟลุกท่วม ถ้าเป็นรถที่ติดก๊าซแอลพีจีด้วยกันชนกัน มันก็ไม่ต่างไปจากโศกนาฏกรรม รถก๊าซระเบิดย่อมๆนี่เอง
ที่คิดแล้วชวนขนลุกก็คือ ถ้ารถยนต์ติดก๊าซแอลพีจีหลายสิบคัน หรือเป็นร้อยคัน ไปจอดอยู่ในที่จอดรถใต้อาคารสูง แล้วเกิดระเบิดเพลิงไหม้ขึ้นมา มันก็ไม่ต่างไปจากระเบิดเพลิงหลายสิบลูกหรือเป็นร้อยลูก ระเบิดเป็นลูกโซ่ต่อเนื่องกัน ถ้าตึกไม่ถล่มก็ต้องลุกท่วมเป็นไฟแน่นอน
ผมไม่รู้สึกแปลกใจที่ผู้บริหารเจ้าของตึก เริ่มคิดถึง ?มหันตภัย? ในข้อนี้ เพราะผมเองก็เคยเขียนเตือนหลายครั้งแล้วกับ ความไม่ถูกต้องในเรื่องนี้ และ ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยให้รถยนต์ติดตั้งก๊าซหุงต้มแทนน้ำมัน และก๊าซเอ็นจีวี ซึ่งเป็นการ ?บ่อนทำลายความปลอดภัย? ของสังคมและประชาชนที่ไม่รู้เรื่องโดยตรงทุกคนต้องเสี่ยงภัย ทุกวันทุกที่ทุกเวลาจากรถยนต์ติดก๊าซแอลพีจี
เท่าที่ทราบมีผู้บริหารบางแห่งเริ่มมีคำสั่งให้ รถยนต์พนักงานที่ติดก๊าซแอลพีจี ไป จอดนอกตึก ในบริเวณที่จัดไวให้โดยไม่ยอมให้จอดในอาคารจอดรถใต้ตึกแล้ว
ทำไมรัฐบาลจึงปล่อยปละละเลยเรื่องที่มีผลร้ายแรงต่อสังคมอย่างนี้ ผมเองก็ไม่เข้าใจ เห็นแต่ว่าในวันนี้ ?ปั๊มก๊าซแอลพีจี? ตามซอกซอยตามริมถนนในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด เปิดกันง่ายเหลือเกิน เรื่อง ?คุณภาพ? และ ?ความปลอดภัย? คงไม่ต้องไปพูดถึง
ยิ่งความรู้เรื่องภัยของก๊าซแอลพีจีในรถยนต์ของเด็กปั๊มและเจ้าของรถ ผมเชื่อว่าคงไม่ค่อยรู้เท่าไร คิดเพียงเรื่องราคาถูกและประหยัดเท่านั้น โดยไม่คิดถึง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตน ซึ่ง ?มีค่ามากกว่า? ก๊าซราคาถูกเยอะ
เห็นตัวเลขทางการมีคนติดตั้ง ?ระเบิดเพลิง? ไว้กับตัวเองในรถยนต์ที่ขับกว่า 4 แสนคันแล้ว เป็นตัวเลขที่น่าตกใจที่ไม่แจ้งมีอีกเท่าไรยังไม่มีใครทราบ
ผมอยากเรียกร้อง ท่านรัฐมนตรีพลังงาน พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ ไว้ตรงนี้ ช่วยหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาทบทวนหน่อยเถอะครับ ก่อนที่จะสายเกินไป ทำให้ถูกต้อง ยึด ?ความปลอดภัยสูงสุด? เป็นหลัก ไม่ควรอะลุ่มอล่วยให้กับเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นภัยต่อสังคมส่วนรวมในระยะยาว
กระทรวงพลังงานไม่ควรสนับสนุนให้รถยนต์ใช้ก๊าซแอลพีจีอีกต่อไป และไม่ควรจ่ายเงินชดเชยให้กับรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรมที่ใช้ก๊าซแอลพีจี แต่ควรจะกำหนดโทษด้วยซ้ำ เพราะก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสังคมส่วนรวม เพื่อบีบบังคับทางอ้อมให้คนที่อยากประหยัดหันไปติดตั้งก๊าซ NGV ที่ปลอดภัยแทน
ก๊าซที่ปลอดภัยและถูกต้องอย่าง ก๊าซ NGV ก็มีอยู่แล้ว น่าจะเอาเงินไปสนับสนุนทางนั้นดีกว่า เอาเงินไปสนับสนุนความไม่ถูกต้องทำไม.
?ลม เปลี่ยนทิศ?
บทความดังกล่าวผมคัดลอกมาจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 26/08/08 นะครับ
ผมขอขออนุญาตบุคคลที่เกี่ยวข้องในการคัดลอกบทความนี้มา
http://www.thairath.co.th/news.php?section=society03&content=101879

ฝากทุก ๆ คนอ่านกันนึดนึงนะครับ ผมไม่เข้าใจว่าคุณ ลม เปลี่ยนทิศ เค้าคิดอะไรของเค้า เค้าไปถือหุ้นใน ปตท หรือป่าว ทำไมเขียนบทความนี้ขึ้นมา ในเมื่อถังก๊าช LPG หรือที่เรียกกันทั่ว ๆ ไปว่าก๊าชหุงต้ม เป็นระเบิดเพลิง อันตราย เป็นการบ่อนทำลายความปลอดภัย ทำไมแทบทุกบ้านแทบทุกครัวมีถังนี้อยู่ อาคารสูงที่เค้ากล่าวถึงส่วนใหญ่ก้อมีถังก๊าชนี้อยู่แทบจะทุกตึกเช่นกันซึ่งล้วนแต่เป็นถึงขนาดใหญ่กว่าถึงในรถยนต์ด้วยซ้ำ ที่สำคัญอาคารสูงทั้งหลายที่เค้ากล่าวถึงก้อได้เอาระเบิดเพลิงที่เค้ากล่าวถึงนี้ไปไว้รวมกัน ในจุด ๆ เดียว มันน่าจะอันตรายมากกว่ามั้ยครับ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างได้ผ่านการตรวจสอบเจ้าเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องจากหน่วยงานราชการเรียบร้อยแล้วนะครับ
ผมก้อแค่พนักงานบริษัท ที่ทำงานเกี่ยวกับบริหารอาคารสูง ใน กทม คนนึงครับ
