สงกรานต์ หลวงพระบาง 52 (day 1 ห้วยทราย-ปากแบง 9 เมสา 2009)

[Uncle_T]

สงกรานต์ 53 ใกล้เข้ามาอีกแล้ว

ปีนี้วันหยุดหลายวัน

ได้ข่าวว่าแม่น้ำโขงแห้งที่สุดในรอบ 10 ปี

ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไร ผูกพันนัก กับสายน้ำแห่งนี้ และเมืองหลวงพระบาง

หรือว่า...การเดินทางจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง

ปล.ขอแก้ไขชื่อกระทู้ใหม่ ตอนแรกว่าจะจุดกระแส ไป ๆ มา กลายเป็นรีวิวไปละ อิอิ

[@GuY]

ลุงเทพ ปลุกกระแสอีกแล้วววว 

[Uncle_T]

เช็คข่าวไปที่เชียงของ

ตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.53 มา เรือช้า หยุดวิ่งระหว่างห้วยซาย-ปากแบง แล้ว

เนื่องจากระดับน้ำลดต่ำลงมากมาย

ถ้าจะไปต้องทางรถยนต์ ม่ายงั้น ออกทางห้วยโก๋น เข้าด่านน้ำเงิน -หงสา-หลวงพระบาง

[BEbenjamin]

 

[Uncle_T]

เวลาผ่านไป ข่าวที่เข้ามา เกี่ยวกับน้ำโขงแห้ง ถี่ขึ้นทุกวัน ปีนี้เห็นจะไม่ได้นั่งเรือไปหลวงพระบางแน่นอนแล้ว

อย่ากระนั้นเลย รีวิว ทริปปีที่แล้ว เอาใจสมาชิกที่เปิดเข้ามาดูดีกว่า แต่คงใช้เวลาพอสมควรนะ

เรา หมายถึงผมกับตาไก่ นัดแนะกันนั่งรถทัวร์ไปลงเชียงของแล้วข้ามแม่น้ำโขงเข้าไปยังเมืองห้วยทรายของ สปป.ลาว

เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 52 เพื่อลงเรือต่อไปยังหลวงพระบาง

สมบัติทัวร์ กรุงเทพ-เชียงของรถนอน VIP แปดร้อยกว่าบาทมาปีนี้เล่นไปถึง 986 บาททีเดียว
สามล้อเครื่องจากท่ารถไปด่านขาออกเชียงของ 30 บาท
ค่าเรือข้ามฟาก 40 บาท

ไปแต๊มป์ พาสปอร์ต เข้าเมืองลาวไม่เสียตังค์ แลกเงินกีบได้ 241 kip/baht

จากด่านต้องนั่งรถไปยังท่าเรือ วันนั้นได้รถตู้หรูเชียว 2 คน 1 หมื่นกีบ

ตีตั๋วเรือช้าไปหลวงพระบางคนละ 2 แสนกีบ เสร็จแล้วต้องเอาตั๋วไปแสดง+ประทับตราพาสปอร์ตที่ท่าเรืออีกที

คราวนี้ก็นั่งรอเรือออก

[Uncle_T]

ยังมีเวลาเหลือกว่าชั่วโมงครึ่ง เลยเดินหาร้านอาหารแถวท่าเรือ

เล่นแซนด์วิช+กาแฟร้อน 60 บาท น้ำส้มแก้ว 20 บาท แถวนี้เขารับเงินไทยด้วย

11.30 น.เดินมาลงเรือ ฝรั่ง+ลาว+ไทย มากันเยอะมาก

(ภาพตลาดห้วยทรายก่อนนั่งรถตู้มาขึ้นเรือ)

เรือนี้เรียกเรือช้านั่งได้เกือบร้อยคน ส่วนเรือเร็ว นั่งได้แค่ 6-8 คน ค่าโดยสารแพงกว่า เรือช้า

[srithanon]

หลวงพระบางช่วงสงกรานต์  ปีนี้น้ำในลำโขงมีระดับน้ำต่ำมาก  ผมนำเจ้าซีวิคตาโต และเบ็นซ์ ขับเดินทางไปเที่ยวที่หลวงพระบาง เชียงขวาง โพนสวรรค์  เมื่อเดือนธันวา ที่ผ่านมา ช่วงนั้นน้ำในลำโขง ด้านหน้าวัดเชียงทองก็แห้งขอด เป็นหย่อมๆแล้ว ดูไม่ค่อนสวยงาม  ช่วงหน้าถ่ำติ่ง ที่ดูท้องน้ำลำโขงยามน้ำมาก ทิวทัศน์สวยงาม ตอนเดือนธันวาที่ผ่านมา  น้ำลดลงมาก  มีแต่ขุ่นแดง ไม่น่าภิรมย์เลย  การเดินทางน่าจะขับรถไปเที่ยวมากกว่าทางเรือ   ผมไปมาสองครั้งแล้ว โดยขับรถไปทั้งสองครั้ง  ข้ามที่ด่านหนองคาย ไปพักที่วังเวียง แล้วเดนทางต่อไปยังหลวงพระบาง  และย้อนกลับมาที่สามแยกภูคูณ เพื่อเดินทางต่อไปยังโพนสวรรค์ เชียงขวาง เลยไปชายแดนของลาวที่ติดกับ้วียตนาม 
ถามว่าหากจะเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามของลาวทางตอนเหนือ หมายถึงที่กล่าวมาข้างบน  ควรจะไปหน้าฤดูฝน  สวยงามมาก ธรมชาติที่นั้น รวมถึงช่วงเชียงขวาง   เป็นช่วงเดินสิงหากันยา  ไม่ผิดหวัง หากเที่ยวหน้าหนาว ธรรมชาติที่นั้นจะได้อย่างเสียอย่าง  ธรรมชาติที่เขียวขจีจะหดหายไป มีแต่หมอก ทะเลหมอกที่สวยงาม สวยกว่าบ้านเรา  แถมที่เชียงขวาง เหมือนเมืองในหมอก ยามเช้ามืด มองแถบไม่เห็นถนน ไม่เห็นบ้านเรือน ก็สวยไปอีกแบบหนึ่ง  แถมหนาวสะใจดีครับ  ส่วนลาวใต้  จะสวยงามเรื่องน้ำตกเท่านั้น  ธรรมชาติขุนเขาไม่มี  แต่ที่นั้นน้ำตกแปลกกว่าบ้านเรา  เนื่องจากน้ำตกที่นั้นจะไหลลงสู่เบื้องล่าง จากแนวพื้นดินที่เรายืนอยู่  เหมือนหุบเหว  อันมาจากทางธรณีวิทยาของเปลือกโลกเกิดแผ่นดินตัวทรุดต่ำลง เช่นน้ำตกคอนพะเพ็ง ที่มีการทรุดตัวของแนวหินกลางแม่น้ำโขง ทำให้เหมือนน้ำตกในแองการ่า สวยงามที่สุดในบรรดาน้ำตกที่ลาวใต้    ช่วงที่น่าเที่ยวก็หน้าฝนเช่นกัน
แต่ถ้าอยากจะชมวัฒนธรรม ที่หลวงพระบางก็ยังพอชมได้อยู่  ประเพณีอันงดงามกำลังจะถูกกลืนไปด้วยวัฒนธรรมตะวันตก  ที่เข้าไปครอบงำ   จนหลวงพระบาง ณ วันนี้ ดูเป็นเมืองคล้ายกับ พัทยา ยุกแรกๆ  มีแต่ฝรั่งมังค่า  ชาวบ้านชาวพื้นเมืองที่เป็นคนเก่าแก่ ก็ล้มหายตายจากเกือบหมด เหลือแต่คนรุ่นใหม่ๆเข้ามาแทนที่  ผมคาดว่าอีกไม่เกินสิบปีคงหาคนพื้นเมืองเดิมๆยาก    แล้วที่ตกใจน่ากลัวก็เวียตนาม ที่เข้าไปล้มล้างเผ่าพันธ์ชาวลาวแท้ๆ ด้วยการส่งประชาชนของเขาเข้ามากลืนในเชื้อชาติหมดไปทุกวัน  ที่เมืองเชียงขวาง หาคนลาวแท้ๆยาก เพราะเชียงขวางถูกเวียดนามยึดเมือง ในสมัยที่สหรัฐอเมริกาถอนทัพ และถูกเวียดนามเข้ายึดครอง  และส่งประชาชนของเวียตนามมาแทนที่คนลาว   ปัจจุบันนี้จึงเห็นว่าเมืองเชียงขวางมีแต่คนเวียตนามเกือบทั้งเมือง  เศรฐกิจและธุระกิจเป็นของคนเวียตนามเกือบหมด
ใครที่อยากจะเที่ยวลาวโดยเฉพาะเวลานี้ก็เที่ยวๆซะ  วัฒนธรรมจะถูกกลืนไปอีกไม่นาน  ไปแล้วจะเสียความรู้สึก  ผมมีภาพการไปเที่ยวทั้งลาวเหนือและลาวใต้เป็นพันภาพ  ที่ถูกบันทึกเอาไว้เมื่อคราวขับรถไปเที่ยวที่นั้น  ว่างๆ หากสมาชิกที่นี้สนใจจะทยอยเอาลงมาโพสให้ชมกันครับ   ....srithanon

[Uncle_T]

ขอบคุณ คุณsrithanon ลองเข้าไปดูกระทู้ลุงหลานลุยลาวดูบ้างซิครับ

แล้วอย่าลืมมาตั้งกระทู้ของคุณ และเอารูปที่ว่ามาลงแบ่งปันกันดู เผื่อจะได้เห็นเป็นบุญตาครับ

ต่อกันเลย ดีกว่า

ได้เวลา 11 โมงกว่า ๆ ลากกระเป๋าไปลงเรือ เกือบช้าไปนิดเดียว ได้เลือกที่นั่งค่อนข้างจะด้านหน้า

แต่เก้าอี้ก็เป็นอย่างที่เห็น ส่วนที่เป็นเบาะหนังด้านหลังเต็มหมดแล้ว ยังดีที่มีเบาะผ้าขนาด 1 ตารางฟุตเก่า ๆ ให้รองนั่ง

เรานั่งแยกกันคนละข้าง เผื่ออ่อยเหยื่อให้ฝรั่งสาว ๆ มานั่งข้าง ๆ แต่ตลอดทางไม่มีใครมานั่งด้วยเลย อิอิ ดีไปอย่าง

ความที่ต้องนั่งอย่างนี้ไปอีก 2 วันเต็ม ๆ คือสาเหตุที่เราออกจะเห็นแก่ตัวเล็กน้อย

เพราะถ้านั่ง 2 คนจะต้องเบียดกันตลอดทาง ถ้าคนไม่ได้มาด้วยกันจะอึดอัดมาก

ด้านหน้าผมมีชาวลาว 1 คู่ (ตามรูป) อพยพไปอยู่ออสซี่ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง วันนี้กลับมาเยี่ยมบ้านเก่าที่หลวงพระ
บางโดยผ่านไทย และอยากจะนั่งเรือล่องแม่น้ำโขงเพื่อซึมซับบรรยากาศถิ่นเกิด

ด้านหลังผมเป็นชายไทย+สาวลาว มาทำงานที่เมืองไทย สงกรานต์กลับไปเยี่ยมบ้านที่ไชยยะบุรี แกจะลงเรือที่ปากแบง แล้วเดินทางต่อโดยรถยนต์

[Uncle_T]

วันนั้นผู้โดยสารเริ่มทะยอยลงเรือมากันเรื่อย ๆ จนกระทั่งเต็ม และล้น ในที่สุดต้องเพิ่มเรืออีกลำ

กว่าจะออกเรือได้ปาเข้าไปเที่ยงกว่า เรือเริ่มบ่ายหัวลงทิศใต้ ล่องตามลำน้ำ ผ่านเมืองเชียงของ อีกครั้ง

บ้านเรือนฝั่งไทย ตัวเมืองเชียงของยังคึกคัก รวมทั้งการขนส่งน้ำมันทางน้ำเข้าไปในลาว

[Uncle_T]

บรรยากาศริมน้ำ
วิถีประมงชายโขง
โขดหินมหึมาที่ขวางตะหง่านเป็นระยะ กับ
การเผาไร่ที่สร้างปัญหาให้กับระบบนิเวศน์ทุก ๆ ฤดูแล้งของภาคเหนือ

[Uncle_T]

เที่ยงกว่าแล้ว เรือยังล่องตามลำน้ำโขงที่ยังเป็นเส้นกั้นเขตแดนไทย-ลาว ช่วงนี้น่าจะเป็นเขต อ.เวียงแก่นของไทย

อีกไม่ช้า แม่น้ำโขงจะไหลเข้าสู่เขตแดนของลาว ที่บ้านปากทา

บ่ายโมงกว่า เรือได้จอดเข้าเทียบท่าบ้านปากทาของลาว เพื่อประทับตราเรือผ่านเข้าแดนลาว

เด็กน้อยชาวลาว หอบสินค้าขึ้นมาขายบนเรือ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากไทย ในราคาแพงกว่านัก

เราถือโอกาส แกะสัมภาระ (มาม่าถ้วย สูตร Oreintal) เดินไปท้ายเรือเพื่อขอน้ำร้อน ทำอาหารกลางวัน

เล่นเอาชาวบ้านมองค้อนกันหลายคน เมื่อกลิ่นมาม่าโชยไป  การเดินทางครั้งนี้ผมเตรียมเสบียงเพื่อทานบนเรือไว้เพียบ

อีกส่วนหนึ่งจะเป็นขนมต่างชนิด เวเฟอร์ ลูกอม ปีโป้ มาม่าเป็นโหล พร้อมสมุดวาดเขียน ดินสอสี ถุงเบ้อเริ่มจากกรุงเทพ

เพื่อที่จะเอาไปแจกเด็ก ๆ แถวฝั่งเชียงแมน ซึ่งอยู่คนละฝั่งกับหลวงพระบาง แต่ด้อยโอกาสกว่า

[domiminic]

สุดสวยเลยครับ

[Uncle_T]

ไม่นานเรือเริ่มบ่ายหน้าออกจากปากทา เดินทางต่อไป ช่วงนี้จะเข้าเขตลาวทั้งสองฝั่งแล้ว

สองฟากฝั่ง มีทั้งป่าเขา หาดทราย และฝูงปศุสัตว์ ที่ยังคงสภาพย้อนเวลากลับไปนับสิบ ๆ ปี

ไม่ทันไร ก็มีการเผาป่ากันอีก

สามรูปกลาง บ่ายสองกว่า ๆ คนขับเรือชี้ให้ผมดู ยอดเขาพุ่งเสียดฟ้า นั่นคือยอด "ภูชี้ฟ้า" ที่มองไปจากแม่น้ำโขง วิวนี้เราไม่เคยเห็นกันมาก่อน และยังไม่เคยเห็นใคร post สักครั้ง ปี 51 ผมก็ผ่านมาตอนเดือนมีนา แต่ฟ้าปิดมองไม่เห็น

เกือบบ่าย 3 เรือเข้าจอดรับส่งผู้โดยสารอีกครั้งที่ "บ้านก้วนติน ม.ปากทา ข.บ่อแก้ว" ชื่อแปลกดี

ป้ายที่เห็นบอกราคาค่าเรือข้ามฟาก คนละ 5 พันกีบ ส่วนรถจักคันละ 2 หมื่นกีบ

[Uncle_T]

1.- เรือจอดรับส่งผู้โดยสารใช้เวลาไม่นาน แต่ก็ทำให้เวลาการเดินทางเรายืดออกไป

2.- โขดหินกลางน้ำมีเป็นระยะ ใหญ่พอที่เรือชนแล้วคงพังทั้งลำ

3.- น้ำเริ่มเชี่ยวขึ้น แสดงว่าข้างหน้ามีแก่งใหญ่ หรือไม่ทางน้ำแคบ คนเรือบีบแตรเสียงดังยาวนาน

4.- เข้าไปใกล้ เห็นบนโขดหิน มีเพิงพัก และคน 2 คนคอยถือไม้ไผ่ลำยาว ปลายผูกถุงพลาสติก ถามคนเรือรู้ทีหลังว่า เขาจะคอยโบกให้สัญญาณว่า จะให้เรือลำใดไปก่อน เนื่องจากทางน้ำตรงนี้ แคบมากเรือไม่สามารถสวนกันได้ (คิดทีหลังก็สยองพอควร ว่าคนที่คอยโบกบนโขดหินข้างบนนั้น รับผิดชอบได้แค่ไหน)

5.- พ้นช่องแคบมา ทางน้ำกว้างขึ้นตามปกติ จับภาพเรือใหญ่สวนมาพอดี ใหญ่ชนิดที่บ้านทั้งหลังสร้าง 2 ชั้นอยู่บนท้ายเรือครับ

6.-7.  แดดใกล้ลับเหลี่ยมเขา ห้าโมงกว่าแล้ว ผู้ที่อยู่อาศัยริมโขงลงเล่น - อาบน้ำริมน้ำเหมือนบ้านผมที่ริมน้ำน่านเมื่อ 40 ปีที่แล้ว

8.-9. ก่อนจะเข้าปากแบง ผมพบเมืองใหม่บนฝั่งขวาของลำน้ำ ซึ่งไม่เห็นเมื่อปี 51 คาดว่าจะเป็นท่าเรือแห่งใหม่ ที่มีถนนเชื่อมเข้าสู่ด่านน้ำเงิน-ห้วยโก๋น ของจ.น่าน ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียง 3-4 ชม.เท่านั้น

[Uncle_T]

17.45 น. เรือเดินทางถึงบ้านปากแบง ที่ที่เราต้องนอนพักคืนนี้ ผู้โดยสารจะต้องหอบสัมภาระทั้งหมดขึ้นไปหาที่พักกันเอาเอง ข้างบน

ปากแบง เป็นเมืองเล็ก ๆ อยู่กึ่งกลางระหว่าง "ห้วยทราย" กับ "หลวงพระบาง" ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์(น่าจะเป็นเฉพาะมือถือนะครับ) ไม่มีอินเตอร์เน็ท น้ำไฟปั่นดูดใช้กันเอง 4 ทุ่มไฟก็ดับทั้งเมือง

ถ้าผมจำไม่ผิด เบอร์ 081xxxxxx ของลาวจะเป็นโทรพื้นฐาน อย่างไรท้วงติงได้นะครับ

ที่พักบนฝั่ง มีตั้งแต่ราคา 100 กว่าบาท ไปจน 500 บาทเห็นจะได้ เราเลือก "เฮือนพักบุญมี" เป็นที่ซุกหัวนอนคืนนี้  ราคาตึกใหม่สามชั้น ห้องละ 250 บาท มีพัดลมแต่ก็ใช้ได้แค่ 4 ทุ่ม อากาศเย็นพอดีในตอนกลางคืนทำให้เราหลับสบาย สำหรับคืนนี้

[@GuY]

สุดยอดจริงเลยลุง  ผ่านไป 1 ปี ลุงเพิ่งมารีวิว    

ดูรูป + บรรยายลุงแล้ว หวนคิดถุง จังหวะบัดสะโลบ มากๆ


น้ำโขงแห้งแบบนี้   เอา ksr ไปลุยได้แล้วนะครับ

 

[srithanon]

ขอขอบคุณมากครับคุณ Uncle_T  ผมได้ชมภาพ ในหัวข้อกระทู้ ลุงหลานยลุยลาวแล้ว  ได้บรรยากาศดีครับ เท่าที่ได้ชมจะต่างกับที่ผมบันทึกภาพไว้  ผมจะเน้นในรูปแบบของธรรมชาติขุนเขา สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และทิวทัศน์ในความงามของธรรมชาติ ที่ทางประเทศลาว ยังคงเหลือเอาไว้ให้ได้ชมเต็มๆ   ย้อนยุคสักห้าสิบปีของไทย  ผมอยากจะขออนุญาตนำภาพเหล่านั้นมาให้เพื่อนๆสมาชิกได้ชมกัน  ถือว่าได้บรรยากาศไปอีกรูปแบบหนึ่ง  และช่วยกันหาแหล่งท่องเที่ยว ที่มีเกล็ดความรู้ และแหล่งที่เราไม่เคยได้พบเห็นในประเทศไทย มอบให้กันและกัน มิได้คิดไปอย่างอื่น  หากคุณ Uncle_T เห็นด้วย  ผมก็จะทยอยโพสภาพเหล่านั้นมาให้ชมครับ

[srithanon]

-ขออนุญาตนำภาพตัวอย่างมาให้ชมสักสามสี่ภาพครับ

[srithanon]

ภาพวิวธรรมชาติที่สวยงาม

[srithanon]

กับวิวธรรมชาติที่โพนสวรรค์

[srithanon]

ยังมีภาพสวยๆกับธรรมชาติอีกมากมาย

[srithanon]

กับภาพที่ทุ่งไหหินที่เชียงขวาง

[srithanon]

ตลาดสดข้างทางและกับธรรมชาตท้องนา

[@GuY]

รู้ไหมคุณ srithanon

คุณกะลังทำให้ผม ขนลุก น้ำตาคลอ   

[Uncle_T]

ขอขอบคุณมากครับคุณ Uncle_T  ผมได้ชมภาพ ในหัวข้อกระทู้ ลุงหลานยลุยลาวแล้ว  ได้บรรยากาศดีครับ เท่าที่ได้ชมจะต่างกับที่ผมบันทึกภาพไว้  ผมจะเน้นในรูปแบบของธรรมชาติขุนเขา สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และทิวทัศน์ในความงามของธรรมชาติ ที่ทางประเทศลาว ยังคงเหลือเอาไว้ให้ได้ชมเต็มๆ   ย้อนยุคสักห้าสิบปีของไทย  ผมอยากจะขออนุญาตนำภาพเหล่านั้นมาให้เพื่อนๆสมาชิกได้ชมกัน  ถือว่าได้บรรยากาศไปอีกรูปแบบหนึ่ง  และช่วยกันหาแหล่งท่องเที่ยว ที่มีเกล็ดความรู้ และแหล่งที่เราไม่เคยได้พบเห็นในประเทศไทย มอบให้กันและกัน มิได้คิดไปอย่างอื่น  หากคุณ Uncle_T เห็นด้วย  ผมก็จะทยอยโพสภาพเหล่านั้นมาให้ชมครับ

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณ srithanon เป็นอย่างสูง ที่ร่วมโพสภาพหายากมาให้ดูร่วมกัน

แต่ถ้าจะให้สวยงาม และเป็นผลงาน ความภูมิใจของคุณ Srithanon คุณน่าจะตั้งกระทู้ในนามของคุณเอง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถ บรรยายถึงที่คุณไปมาได้อย่างละเอียด เลือกใช้รูปแบบนำเสนอในแบบที่คุณชอบ และตรงนั้น คุณจะทยอยโพสภาพออกมาอย่างไร ก็จะเป็นการสะดวกแก่คุณเองนะครับ

[Uncle_T]

- และแล้วก็มาถึงภาพสุดท้ายของ วันแรกของการเดินทาง (ผมไม่นับรวมนั่งรถทัวร์ เมื่อคืนนี้นะครับ)

- เมื่อเรือเทียบท่าที่ปากแบง ข้อควรระวังคือ จะมีเด็กท้องถิ่น กรูกันมาช่วยยกกระเป๋าจากบนเรือ รวมทั้งพวกที่นำเสนอที่พักตรงบันไดทางขึ้น นักท่องเที่ยวต้องระวังอย่างมาก เพราะหากสูญหาย เจ้าของเรือก็ไม่รับผิดชอบ

- อาหารเย็นวันนี้ สั่งทานกันที่เรือนพัก แค่ข้าวเปล่า,ต้มยำไก่,ไข่เจียว,ผัดผัก และ เขยลาว 1 ขวด ตั้ง 83,000 บาทเอ๊ยกีบครับ

- ทุ่มกว่า พระจันทร์คืนวันเพ็ญเดือนห้าลอยโผล่จากทิวเขา เราทานเสร็จก็ออกไปเดินดูตลาดปากแบง เงียบดีจริง ๆ มีร้านขายเค๊กท่าทางจะอร่อย ตาไก่เลยซื้อช๊อคมัฟฟิน มา 1ชิ้น เอาไว้กินก่อนนอน

- ไม่กี่นาทีก็เดินรอบตลาด รีบกลับไปนอนดีกว่า เพราะพรุ่งนี้ต้องลงเรือเดินทางต่อ คงต้องลงไปแย่งที่นั่งกันอีกเหมือนเคย

Good Night ปากแบง สวัสดีครับ

[Uncle_T]

ติดตามสงกรานต์หลวงพระบาง วันที่ 10 เมสา 2009 ได้ที่  http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,55625.0.html   ครับ