ผู้หญิงกับผู้ชาย ดาวอังคารกับดาวศุกร์ ขวากับซ้าย กลมกับเหลี่ยม หวานกับเผ็ด เค็มกับจืด โลกกลมๆ ใบน้อยๆ ของเรานี่ช่างมีอะไรที่แตกต่างกันเยอะแยะไปหมด แต่จะว่าไปแล้วความต่างเหล่านี้ คงเป็นความต่างที่ลงตัว เพราะหากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปความสมดุล ความสวยงาม ความอร่อย รสชาติที่กลมกล่อมคงจะขาดหายไปครึ่งหนึ่ง โลกใบนี้คงจืดชืดลงอย่างเห็นได้ชัด
มีความแตกต่างที่ลงตัวอีกคู่หนึ่งที่คงจะลืมไม่ได้คือ สามีกับภรรยา ไม่ว่าจะเพราะพรหมลิขิต เพราะฟ้าบันดาล หรือจะด้วยบุญทำกรรมแต่งที่มีร่วมกันมาแต่ชาติปางไหนๆ ก็ตาม
ที่สุดแล้วเขาและเธอก็ได้มาเป็นคู่กัน ได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน ต้องมาใช้หลายสิ่งหลายอย่างร่วมกัน ตั้งแต่ร่วมใช้ชายคาบ้านเดียวกัน ห้องนอนห้องเดียวกัน มาเป็นคน คนเดียวกัน รวมทั้งสามีภรรยาส่วนใหญ่ใช้ทรัพย์สินเงินทองร่วมกัน คนสองคนจากซึ่งมาจากที่ต่างกัน มีรูปร่างหน้าตาต่างกัน มีความคิดความเห็นต่างกัน เมื่อต้องมาอยู่ร่วมกัน รับรองว่ามีเรื่องให้ต้องปรับตัวอยู่ไม่น้อยทีเดียว
หลายคนบอกว่ารู้จักกันมาตั้งนานแล้ว คบหาดูใจกันมาก็หลายปีแล้ว ก็น่าจะรู้จักกันดีแล้วนะ แต่ว่าเป็นแฟนกันยังไงก็ไม่น่าจะเหมือนเป็นสามีภรรยากันค่ะ ความรู้สึกถึงความเป็นคนร่วมชีวิตของความเป็นสามีภรรยาน่าจะรุนแรงกว่า ซึ่งหนีไม่พ้นต้องปรับตัวให้หลอมรวมเป็นทองแผ่นเดียวกัน
ก็แล้วแต่ว่าคุณสามีและคุณภรรยาจะเลือกเป็นคู่ชีวิตแบบใด จะเป็นคู่สร้างคู่สม คู่ทุกข์คู่ยาก คู่บุญคู่กรรม คู่พี่คู่น้อง คู่เพื่อนคู่มิตร ไม่ว่าจะออกแบบชีวิตคู่ให้เป็นคู่แบบใดก็ตาม ควรให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบทางด้านการเงินของครอบครัวเป็นอันดับต้นๆ โดยเริ่มต้นง่ายๆ ที่การพูดจากันให้เข้าใจค่ะ กำหนดเป้าหมายทางการเงิน วางแผนการเงินร่วมกัน รับรู้รายได้ รายจ่ายของกันและกันอย่างตรงไป ตรงมา ที่สำคัญที่สุด ก็คือการพูดความจริงต่อกัน เพราะการสื่อที่ดี เพื่อส่งสารที่ถูกต้องจะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น และจะจัดการได้ง่ายขึ้น
หากจะอ้างอิงหลักธรรมคำสอนในพระพุทธศาสนาที่คู่สามีภรรยาจะสามารถน้อมนำมาแนวปฏิบัติในการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ก็จะขอยกตัวอย่าง สมชีวิธรรม หรือหลักธรรมของคู่ชีวิตที่เป็นสร้างรากฐานอันมั่นคงให้ชีวิตครอบครัวดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน ซึ่งมี 4 ประการ คือ 1) สมสัทธา หรือการมีศรัทธาสมกัน คือมีแนวคิด ความเชื่อ ความสนใจใกล้เคียงกัน 2) สมสีลา หรือการมีศีลสมกัน คือมีความประพฤติ ศีลธรรม จรรยา มารยาทสอดคล้องกัน 3) สมจาคา หรือการมีจาคะสมกัน คือมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความเสียสละ ความโอบอ้อมอารี ที่ไม่ขัดแย้งกัน 4) สมปัญญา หรือการมีปัญญาสมกัน คือรู้เหตุรู้ผล เข้าใจกัน พูดจากันรู้เรื่อง
คู่ไหนที่มีความต่างกันมากๆ ประเภทภรรยาใช้เงินเก่งมากๆ ซื้อของข้าวแบบไม่เคยคิด ไม่เคยวางแผน อยากได้อะไรก็ซื้อ ส่วนสามีตระหนี่มากๆ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าใช้จนเก่า จนผุจนพัง เงินทองหามาได้ไม่เคยใช้ ให้ภรรยาจัดการทั้งหมด คู่ชีวิตประเภทนี้ อาจจะต้องคอยตรวจสอบระดับความอดทนของกันและกันดูบ้าง เพื่อคอยระวังว่าใกล้จะถึงจุดอิ่มตัวหรือยัง ใกล้จะถึงจุดระเบิดหรือยัง
ส่วนทางออกที่ดีก็คงจะต้องค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน ความรัก ความเข้าใจที่มีให้กันน่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนได้อย่างดี การปรับตัวให้มีพฤติกรรมใกล้เคียงกันหรือคล้ายๆ กัน โดยเฉพาะเรื่องการบริหารการเงิน ทั้งการใช้เงิน การออมเงิน การลงทุนเพื่อให้การใช้ชีวิตเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือไม่แตกต่างกันมากนักจะช่วยให้การร่วมชีวิตคู่มีความสุขความสมบูรณ์มากขึ้น
หรือในหลักการรักษาความสัมพันธ์ต่อทิศทั้งหก ที่ระบุไว้ว่าหนึ่งในหน้าที่สำคัญที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามี คือการรู้จักรักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้ ในครอบครัวที่จะประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตคู่ ให้มีความมั่งคั่งมั่งมี ไม่ต้องเดือดร้อนเงินทองได้ การหาเงินได้มากอาจจะไม่สำคัญเท่ากับการเก็บรักษาเงินที่หามาได้
หากเปรียบเทียบสามีหรือหัวหน้าครอบครัวที่เป็นผู้หารายได้หลักเป็นขันหรือถังตักน้ำ ที่คอยตักน้ำมาใส่ตุ่มที่มีภรรยาเป็นผู้ดูแลรักษา คุณสามีที่ดีก็ตั้งหน้าตั้งตา ตั้งใจทำงานหาเงิน ขยันตักน้ำอย่างขันแข็ง ส่วนคุณภรรยาก็จะต้องดูแลเก็บรักษาน้ำ หรือบริหารการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม เพื่อให้มีปริมาณน้ำในตุ่ม ในระดับที่เหมาะสม เพียงพอต่อความต้องการของสมาชิกในครอบครัวทุกคน ในทางตรงข้าม หากภรรยาไม่สนใจดูแลบริหารปริมาณน้ำในตุ่ม หรือปล่อยปละละเลยให้ตุ่มมีรูรั่วเล็กๆ น้อยๆ หรือมีรอยรั่วซึมมากมาย จนมีน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ถ้าเป็นกรณีแบบนี้ ถามว่า ถ้าต้องการให้มีน้ำเต็มตุ่ม...สามีควรรีบตักน้ำ เร่งตักน้ำให้มากขึ้น ให้เร็วขึ้น เปลี่ยนถังให้ใหญ่ขึ้น หรือว่าคุณภรรยาควรจะอุดรูรั่วเล็กๆ น้อยๆ ของตุ่มน้ำก่อน?? วิธีไหนจะง่ายกว่ากัน วิธีไหนที่จะสร้างความสุขได้อย่างสมดุลมากกว่า?? ลองพิจารณาดีๆ ในเรื่องการบริหารการเงิน การอุดรูรั่วของตุ่มน้ำ โดยการตัดลดรายจ่ายฟุ่มเฟือย รายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงบ้าง น่าจะง่ายกว่าการเร่งเพิ่มรายได้ เพราะการพยายามเพิ่มรายได้บางครั้งอาจไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะควบคุมได้ หรือเป็นปัจจัยภายนอก ที่เกินอำนาจการจัดการของเรา อย่างเช่น หลายคนบอกว่าจะทำงานล่วงเวลาเพิ่ม เพื่อจะได้ค่าโอทีเพิ่ม บางคนบอกว่าจะหาของมาขายเป็นรายได้เสริม
ในยุคเศรษฐกิจเงียบเหงาซึมเซาขนาดนี้ บางทีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ทันทีทันใด ลดค่าบุหรี่ลงวันละมวน ค่ากาแฟวันละแก้ว หรือลดค่าเสื้อผ้าเดือนละชุดน่าจะอยู่ในวิสัยที่จะทำได้ง่ายกว่ากันเยอะ จริงมั้ยคะ คุณสามีต้องฉลาดหา ส่วนคุณภรรยาก็ต้องฉลาดใช้นะคะ