คู่มือจาก ชาว www.gasthai.com การหมุน เปิด-ปิด ทั้ง 3 ตัว ในทีนี้ ให้นึกถึง ก๊อกน้ำอ่ะคับ ตามเข็มปิด ทวนเข็มเปิด
ตัวจูนจะมีทั้งหมด 3 ตัว บางรุ่นมี2 แต่ส่วนมากมี 3 ตัว(นอกนั้นจะเป็น น็อตรัดท่อ น็อตประกอบหม้อต้ม) 1.ไอเดิล น็อตตัวเล็กที่สุดอยู่หม้อต้ม
2.เซ้น น็อตตัวกลางจะยาว ประมาณ 1เซ็น อยู่ที่หม้อต้ม
3.พาวเวอร์วาล์ว น็อตตัวใหญ่สุด ใหญ่ก่าหัวแม่โป้งหน่อย อยู่นอกหม้อต้ม จะอยู่ระหว่าง ท่อยาง2 เส้น
(ตามรูป ก=ไอเดิล ข = เซ้น หรือสังเกตลักษณะหม้อต้ม ส่วนมากจะคล้ายๆกันหมด ว่าน็อตแต่ละตัวอยู่ตรงส่วนใดของหม้อต้ม)
เริ่มต้น จะจูน ก็ต้องทำความเข้าใจกับวาล์ว ทั้งสามก่อน ว่ามีหน้าที่อะไร ข้อดีของแต่ละวาล์วคืออะไร 1 ไอเดิล จ่ายจากแรงดันถัง หมุนเท่าไหร่ ก็จ่ายเท่านั้น
2 เซ้น จ่ายจากแรงดูดของเครื่องยนต์ เหยียบเยอะ ดูดเยอะ ก็จ่ายเยอะ ครับ
สองวาล์วด้านบน อยู่ที่หม้อ
3 พาวเวอร์วาล์ว เป็นตัวกำหนดแรงดูด ไปกระทำที่หม้อต้ม เพื่อให้อากาศ กับแก๊ส ผสมกันได้พอเหมาะ
หยุดทำความเข้าใจนิดนึง แล้วใช้หมอง นั่งมาธิ หุหุหุ ทีนี้ มาทำความเข้าใจกันนิดนึงว่า การทำงานของเครื่องยนต์ แบ่งเป็น 2 สถานะ ใหญ่ๆ 1 อยู่ในเดินเบา
2 อยู่นอกเดินเบา (หรือง่ายๆ ก็คือ กดคันเร่ง เพื่อเร่งเครื่อง หรือวิ่งนั่นหล่ะ)
มาทำความเข้าใจกันต่อ พาวเวอร์วาล์ว เมื่อจูนเสร็จแล้ว จะอยู่คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง
ไอเดิล ก็จะอยู่คงที่ ไม่เปลี่ยนแปลง
เซ้น ตัวนี้หล่ะ จะเปลี่ยนตามแรงดูด เพราะตัวมันเป็นสปริง จ่ายแก๊สมากน้อยได้ตามแรงดูด
ฉะนั้น เราต้องหา ตำแหน่งที่เหมาะสมของเซ้นก่อน
แต่เซ้น ก็จะเปลี่ยนแปลงตามแรงดูด ฉะนั้น ก็ต้องหา ตำแหน่ง พาวเวอร์วาล์ว แบบคร่าวๆ ก่อน
งั้นเริ่มกันเลยครับ จูนพีคก่อนเลยครับ ขั้นตอนคร่าวๆ (หาละเอียดๆ ให้เสริชเอา) หาคนขานิ่งๆ เหยียบที่ 3000 หรือ 4000 รอบ แล้วหมุนพาวเวอร์วาล์ว
หาจุดที่อยู่ระหว่าง รอบสูงสุด กับรอบเริ่มตก (อ่ะ ไม่ต้อง งง ไปเสริชเอาครับ ว่าดูยังงัย เด๋วยาวไป)
วิธีการจูนพีค (พาวเวอร์วาล์ว)1. หาคนมาเหยียบรอบเครื่องให้อยู่สัก 3 หรือ 4000 รอบ เลือกเอาครับ แล้วให้ขานิ่งๆไว้
2. บิดพาวเวอร์วาล์วตามเข็ม ให้รอบตกปิดไปเรื่อยๆๆๆๆๆ ช้าๆๆๆๆๆ เมื่อรอบตก แสดงว่า จ่ายแก๊สไม่พอ
3. เปิดพาวเวอร์วาล์วทวนเข็ม รอบจะค่อยๆขึ้น
4. เปิดทวนเข็ม ไปเรื่อยๆๆๆๆๆ ขึ้นไปเรื่อยๆๆๆ ช้าๆๆๆๆๆ
5. จนถึงจุดนึง บิดเพิ่ม เอ๊ะ!!! รอบไม่เพิ่ม นั่นหล่ะครับแก๊สเกินความต้องการ
6. บิดพาวเวอร์วาล์วกลับมาหาจุดที่รอบเริ่มจะตก นั่นคือ จุดพีค!!!!!!
สำหรับบางคน ที่ต้องการความแรง มีโหลดแล้วแรงไม่ตก แนะนำ เปิดพาวเวอร์วาล์ซ ทวนเข็ม อีกสัก 1/4 รอบ
สำหรับคนที่ต้องการขับเนิบๆ เน้นประหยัดๆ แนะนำ ปิดพาวเวอร์วาล์ว ตามเข็ม ไม่เกิน 1/4 รอบครับผม
เมื่อได้ตำแหน่งพีคของพาวเวอร์วาล์วแล้ว
ไปเริ่มหาตำแหน่งของเซ้น
งั้นอย่าให้ไอเดิลมากวน จัดการปิดมันซะ
หมุนเซ้น ให้รอบเดินเบา นิ่ง
เมื่อนิ่ง หมุนเซ้นเข้า มันจะเริ่มแข็งมากขึ้น ทำให้จ่ายแก๊สได้ลดลง เอาแค่พอรอบตกลงมา สัก 200-300 รอบ (กะกะเอา)
นั่นคือตำแหน่งที่เหมาะสมของเซ้น คือสามารถจ่ายแก๊สได้เกือบจะเพียงพอในรอบเดินเบา และเมื่อมีการเปิดแอร์ หรือโหลดเพิ่มขึ้น ตัวชดเชยจะทำให้แรงดูดเพิ่มขึ้น เจ้าเซ้นก็จะจ่ายได้เพิ่มขึ้น ทำให้รอบตกน้อยลง
แล้วทำไมเราไม่จูนให้เซ้น มันพอดีไปเลย
คำตอบก็คือ รอบเดินเบา การทำงานของเครื่องยนต์ มันจะไม่ค่อยราบเรียบ ทำให้แรงดูด ค่อนข้างผันผวน กระแทกๆ ผลก็คือ
เดินเบาได้ แต่ไม่นิ่ง ไม่นิ่มนวล
วิธีการปรับเซ้นวาล์ว แบบละเอียด 1. เปิดเซ้นออกมาเผื่อ เยอะๆหน่อย (ทวนเข็ม) เพื่อให้เครื่องยนต์ จ่ายแก๊สได้พอ
2. ปิดไอเดิล
สองข้อแรก พยายามปรับไปพร้อมๆกัน เพื่อเลี้ยงไม่ให้เครื่องดับ
จนกว่าจะปิดไอเดิลได้หมด
3. เปิดเซ้นออกมาเรื่อยๆ รอบจะนิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดนึง จะหนาเกิน
เครื่องจะทำท่าจะดับ (รีบบิดกลับ เพื่อเลี้ยงไม่ให้มันดับ)
4. ลดลงมา หาจุดที่เครื่องยนต์เดินได้นิ่ง
5. ไปดูรอบเครื่องยนต์ จำไว้ (ถ้าไม่มี ให้ใช้ความรู้สึก)
6. ปิดเซ้น (ตามเข็ม) ลงมาเรื่อยๆ ให้รอบเริ่มตก สัก 200-300 รอบ
หรือเริ่มสั่นพอประมาณ ไม่ต้องมากไป ไม่น้อยไป
จบ.... เรื่องเซ้น
นั่นจึงต้องมีไอเดิล มาแก้ปัญหานี้ โดยให้ เซ้นจ่ายได้เกือบพอ แต่ไม่พอ
แล้วเปิดไอเดิลมาจ่ายส่วนที่ขาด ตัวไอเดิล จะจ่ายแก๊สออกมาคงที่ เป็นการปรับแก๊สให้ค่อนข้างราบเรียบ เครื่องจึงเดินเบาได้นิ่งกว่า
จูนไอเดิล แบบเหมาะสม เป็นขั้นตอนต่อจากได้ตำแหน่งเซ้นวาล์วแล้ว
1. คลายไอเดิลออกมา (ทวนเข็ม) เรื่อยๆ ถึงจุดนึง รอบจะค่อยๆเพิ่ม
2. คลายไปเรื่อยๆ รอบก็จะขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ไม่เพิ่ม
3. คลายต่อไปอีก เพื่อหาจุดที่หนาเกิน รอบจะตกลงอย่างไว เพราะหนา จำตำแหน่งนั้นไว้ (เป็นเขตห้ามเกิน อิอิ เด๋วหนาไป ดับ)
4. ลดไอเดิล (ตามเข็ม) หาตำแหน่ง ที่รอบเครื่องเริ่มตก จำตำแหน่งไว้ (เป็นเขต ห้ามตำกว่าเช่นกัน เด๋วบางเกิน)
5. เมื่อได้ เขตห้ามเกิน กับเขตห้ามต่ำ แล้ว เราก็มาปรับไอเดิล ให้อยู่ระหว่าง สองจุดนี้ และรอบยังนิ่งอยู่ ทั้งเปิดแอร์ และปิดแอร์
ลป.. โดยปกติแล้ว จุดไอเดิล ตอนเปิดแอร์แล้วนิ่ง กับตอนปิดแอร์แล้วนิ่ง มันจะอยู่คนละจุดกัน ให้เราเปิดไอเดิลไว้กลางๆ ระหว่างสองจุดนี้ ก็เป็นอันใช้ได้แล้วครับ
อธิบายการจูนระหว่าง เซ้นและไอเดิลอย่างง่ายๆ ก็คือ ถ้ารอบ ปกติ รถคุณคือ 900นั่นหมายความว่า ถ้าคุณจูนแก๊ส ปรับเซ้นไว้ที่ 600
คุณก็ต้อง ปรับไอเดิลขึ้นมาชดเชยอีก 300
หรือถ้าคุณ ปรับ เซ้นไว้ที่ 700
คุณ ก็ต้องปรับ ไอเดิล ให้รอบขึ้นมาอีก 200
คือยังไง ก็ได้ ให้มันบวกกันแล้วได้ รอบปกติ ของคุณ จะให้ เซ้น 900 ไอเดิล เป็น 0 เลยก็ยังได้
ขึ้นอยู่กับรถของคุณ ว่าเหมาะกับแบบไหนที่สุด บางคัน ปรับ เซ้นกว่าจะนิ่งได้ รอบมันมาอยู่ ที่ 800 คุณก็ต้องปรับ ไอเดิล มาอีก 100 ไปโดยอัตโนมัติ
สรุปข้างบนคือ ไม่เน้นวิธีการ แต่เน้นเข้าใจแล้วนำไปประยุกต์ใช้เอง ตามประสบการณ์ของแต่ละคนครับ
สรุปวิธีการคร่าวๆ 1 จูนพีคที่พาวเวอร์วาล์ว
2 ปิดไอเดิล
3 จูนเซ้นให้เครื่องนิ่ง
4 ลดเซ้นให้รอบตก 200-300 รอบ
5 เปิดไอเดิลมาชดเชย ให้เครื่องนิ่ง
เอาไปลองทำดู แล้วประยุกต์แก้ปัญหากันไปในแต่ละกรณีครับ
คำถาม รถแก๊ส วิ่งเร็ว วิ่งช้า ก็กินแก๊สเท่ากันหรือป่าว ตอบ
มีความแตกต่างครับ แต่ว่า จะต่างมากต่างน้อย ขึ้นอยู่กับระบบ
> ถ้าเป็น FixMixธรรมดา ไม่มีLambda
>> ตอนเดินเบา ก็จ่ายตามแรงดันแก๊ส ที่พ่นตัวเองออกมาจากหม้อต้ม ตามที่จูนไว้ (ไอเดิล)
>> ตอนเร่ง จะมีการดูดเพิ่ม (เซ้น)
> ถ้าเป็น FixMix + Lambda หรือระบบหัวฉีด จะระบบECUควบคุม
จะจ่ายตามการเช็คค่า O2 ที่เหลือจากการเผาไหม้ ถ้าเหยียบมาก O2 เข้ามาก
เมื่อ O2 เหลือที่ไอเสียมาก ก็จ่ายเพิ่ม
เมื่อเหยียบน้อยก็จ่ายน้อย และสามารถSet เพิ่มประสิทธิภาพได้อีก เช่น
ตรวจสอบว่ากดคันเร่งมากแค่นี้ ให้จ่ายเพิ่มไปอีกเท่าไหร่น่ะครับ
คู่มือ หม้อต้มวิธีการปรับจูน (ADJUSTMENT OF TOMASETTO LPG REDUCER) หม้อต้มโทมาเซตโต้ มีแกนปรับจูน 2 ตำแหน่ง คือ จูนปกติซึ่งเป็นตัวจูนรอบเดินเบา(sensitive จูน) และตัวจูนเล็ก (idel จูน) เพื่อช่วยในการจ่ายแก๊สที่มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสภาพเครื่องยนต์ของรถแต่ละคัน หลังจากติดตั้งหม้อต้มโทมาเซตโต้อย่างถูกต้องแล้ว ให้ปรับจูนหม้อต้ม ดังนี้:-
1. ตรวจสอบว่าแกนจูนตัวเล็ก (idel จูน) ที่อยู่บริเวณข้างกรองแก๊ส (FILTER) จะต้องปิดอยู่โดยจะต้องหมุนตามเข็มนาฬิกาจนสุด โดยใช้ไขควงปากเล็ก (โดยปกติแล้วแกนจูนตัวเล็กจะถูกปิดอยู่แล้ว เมื่อหม้อต้มถูกผลิตส่งออกจากโรงงานที่ประเทศอิตาลี)
2. หมุนเปิดแกนจูนปกติ (แกนจูนตัวใหญ่ หรือ sensitive จูน) ที่อยู่บริเวณใกล้กับติ๊กแก๊ส (Solenoid Valve) โดยหมุนทวนเข็มนาฬิกาในระดับพอประมาณ
3. สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยน้ำมัน
4. อุ่นเครื่องยนต์ด้วยการเร่งเครื่องยนต์ในขณะรถจอดนิ่ง (โดยไม่ต้องวิ่งบนถนน) จนเครื่องยนต์มีอุณหภูมิร้อนเท่ากับสภาพการใช้งานปกติ จึงลดคันเร่งให้รอบเครื่องยนต์กลับสู่รอบเดินเบา ระดับปกติ
5. เปิดสวิทซ์แก๊ส เพื่อให้แก๊สไหลเข้าหม้อต้ม และเครื่องยนต์
6. หลังจากนั้นให้ทำการปรับจูน โดยค่อย ๆ หมุนเปิด-ปิดแกนจูนตัวใหญ่ เพื่อกำหนดปริมาณแก๊สไหลเข้าหม้อต้มและเครื่องยนต์ ในปริมาณที่พอเหมาะ จนรู้สึกว่ารอบเครื่องยนต์อยู่ในระดับปกติ เหมือนรอบของน้ำมัน การจูน
สำหรับรถเครื่องยนต์คาร์บูเรเตอร์ (Carburettor) 1. กรณีที่มีตัวจูนกลางสายแยกต่างหากจากหม้อต้ม (เป็นตัวจูนที่ท่อแก๊สอยู่ระหว่างหม้อต้มกับมิกเซอร์) ให้เปิดตัวจูน กลางสายนี้จนสุด แล้วเร่งเครื่องไว้ที่ 3,000 รอบ/นาที
2. หมุนปิดตัวจูนกลางสายจนเครื่องยนต์เบาลง
3. หมุนเปิดอีกครั้งให้วัดรอบกลับมาที่ 3,000 รอบ/นาที
4. จากนั้นเบาเครื่องยนต์ (ถอนคันเร่ง) กลับสู่ระดับปกติ-หากจำเป็นให้ทำการปรับจูนตาม 1 ? 4 อีกครั้ง โดยใช้ตัวปรับจูนตัวใหญ่ที่หม้อต้ม (sensitive l จูน) รวมด้วย
ข้อสังเกต : สำหรับกรณีการปรับจูนทั่ว ๆ ไป ผู้ติดตั้งจะใช้แกนจูน ตัวใหญ่ เพียงตัวเดียวเท่านั้น (หรือจะใช้ตัวจูน 2 ตัว ร่วมกันก็ได้ หากมีประสบการณ์การจูนหม้อต้มดีแล้ว)
แต่หาก รถยนต์ที่มีสภาพเครื่องยนต์ไม่ปกติอยู่แล้ว (เช่น รอบเดินเบาไม่นิ่ง ฯลฯ) เมื่อใช้หม้อต้ม โทมาเซตโต้ แล้วหากเครื่องยนต์ดับ เมื่อเบรครถอย่างแรง หรือเบรคกะทันหัน หรือขณะหมุนพวงมาลัยเลี้ยว แนะนำให้ปรับจูนดังนี้ :-
1. ให้ปิดหรือลด แกนปรับจูน ตัวใหญ่ลง (หมุนตามเข็มนาฬิกา) จนรอบเดินเบาลดลง
2. ให้เปิดหรือเพิ่ม แกนปรับจูนตัวเล็กขึ้น (idel จูน) โดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา จนได้ระดับพอเหมาะที่รอบเครื่องยนต์เดินตามปกติ
การบำรุงรักษา (MAINTENANCE)เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุดของหม้อต้มโทมาเซตโต้ (TOMASETTO) และเพื่อเป็นการบำรุงรักษาสภาพเครื่องยนต์ ควรทำการบำรุงรักษาหม้อต้ม ดังนี้:
1. ทุก ๆ 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร ควรถ่ายน้ำมันแก๊ส (หรือขี้แก๊ส) ซึ่งเป็นน้ำมันเก่าติดค้างอยู่ในหม้อต้มโดยการ เดรนแก๊ส (Drain Gas) ที่อยู่ในหม้อต้มออกโดยการใช้ไขควง 6 เหลี่ยมเปิดรูเดรนแก๊ส (อยู่บริเวณตำแหน่งล่างใกล้ท่อน้ำร้อน) เพื่อให้ขี้แก๊สไหลทิ้งออกจากหม้อต้ม การเดรนแก๊ส (ถ่ายขี้แก๊ส) ควรทำเมื่อภายหลังที่เครื่องยนต์ได้มีการอุ่นเครื่องแล้ว
2. ทุก ๆ 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ควรเปลี่ยนแผ่นกรอง (Filter) ด้วยอะไหล่แท้ของ โทมาเซตโต้ เท่านั้น เพื่อความสะอาดของแก๊สที่ไหลเข้าเครื่องยนต์ และรักษาสภาพของเครื่องยนต์ และยืดอายุการใช้งานของหม้อต้มให้นานมากขึ้นได้อีกด้วย
ปล.แก๊สระบบอื่น ไม่ได้ศึกษาครับ เพราะผมใช้แต่ระบบดูด ส่วน มิกซ์เซอร์ มีแลมด้า และระบบหัวฉีด ต้องมีโน๊ตบุ้ค ช่วยในการจูน และต้องมีโปรแกรม แลมด้า หรือ หัวฉีด ยี่ห้อ นั้นๆ เสียก่อน พอมีโปรแกรม โน๊ตบุ้ค แล้ว ก็เข้าไปศึกษา ใน
www.gasthai.com เอา ผมว่า ไม่ยาก แรกๆ อาจจะงงๆ แต่ค่อยๆ ศึกษาไปครับ ขอให้โชคดี
สรุปแก๊สมี3 ระบบ ไล่จากที่ดีที่สุด ไปน้อยสุดแล้วกัน
1. ระบบ หัวฉีด ดีที่สุด ราคาประมาณ 3หมื่น ต้นๆ ส่วนมาก ฮิตยี่ห้อ ออโทรนิค ระบบนี้ส่วนมาก ไม่ต้องทำไรมาก ร้านทำแล้วส่วนมากจะจบ ไม่ต้องแก้งานมาก การใช้งานคล้ายคลึงน้ำมันมากที่สุด
2. ระบบ ดูด+แลมด้า (แลมด้า คือกล่องอิเลคโทรนิค เป็น อุปกรณ์เสริม ให้การทำงาน เลียนแบบระบบหัวฉีด) ระบบนี้ต้องจูนนิดหน่อย ถึงจะลงตัว ข้อเสียต้องมีคอมฯและโปรแกรมร่วมในการจูนแลมด้า
3. ระบบ ดูด ระบบพื้นบ้านที่สุด ใช้มือ กะไขควง จูนได้เรย ระบบนี้ต้องจูนนิดหน่อย ถึงมากๆๆๆ แล้วแต่คนเรื่องมากรึป่าว ผมจูนไปเรื่อยอ่ะ ให้วิ่งไม่อืด และประหยัดที่สุดไปเรื่อยๆ
(ตามรูป ก=ไอเดิล ข = เซ้น หรือสังเกตลักษณะหม้อต้ม ส่วนมากจะคล้ายๆกันหมด ว่าน็อตแต่ละตัวอยู่ตรงส่วนใดของหม้อต้ม)
แค่นี้ล่ะ ครับ ถ้าคุณ พยายามอ่านจนจบ และพยายามทำความเข้าใจไปทีละบรรทัด ทีละประโยค
เราจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับแก๊สมากขึ้น ว่าไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด
ไม่ต้องไปเสียเงิน ทีละ200-300 บาท สำหรับค่าจูนที่แสนง่ายนี้
ไปจูนให้ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงยังได้เลย คิดค่าเบียร์ป๋องนึง หุหุ
เพิ่มต่ออีกนิด ถ้าจูนยังไงก็ยังจูนไม่ได้ ไม่ลงตัว เปลี่ยนอะไหล่ อะไรก็ยังไม่หาย ยังเปลืองอยู่ ให้ระวัง เรื่อง วาล์วไว้ครับรถแก๊สต้องตั้งวาล์ว เร็วกว่าปกติ ประมาณ 20,000 - 40,000 โล แล้วแต่คัน
อาการที่สังเกตุได้คร่าวๆ เปลืองแก๊สกว่าเดิมมาก จะเริ่มมีกลิ่นแก๊สหนาขึ้น เนื่องจากเผาไหม้ไม่หมด
กลิ่นยังไง ก็ ถ้าไปเดินท้ายรถ จะได้กลิ่นแก๊สจากท่อ อันนี้ปกติ
แต่ถ้าเดิน ข้างๆรถ หรือหน้ารถยังได้กลิ่นอันนี้ผิดปกติ อาจจะเผาไหม้ไม่หมด หรือมีส่วนนึงส่วนใดรั่ว