ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
05 มีนาคม 2025, 05:02:17
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Car Knowledge => คลังความรู้คู่รถ  |  หัวข้อ: สอบถามเรื่องเรกูเลเตอร์หน่อยครับ 0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] 2 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: สอบถามเรื่องเรกูเลเตอร์หน่อยครับ  (อ่าน 30952 ครั้ง)
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« เมื่อ: 17 พฤษภาคม 2011, 23:00:31 »



เจ้าตัวนี้ที่มันทำหน้าที่ปรับแรงดันน้ำมันเบนซินแล้วส่งกลับถังน้ำมัน

โดยปรกติถ้าเราทำการบิดกุญแจโดยยังไม่ได้สตาทร์  แต่พอให้แค่สัญญาณต่างๆบนหน้าปัดโชว์แล้วปั้มติ๊กทำงาน  ระหว่างนี้ตรงท่อน้ำมันเบนซินที่ส่งกลับถังน้ำมันมันจะมีน้ำมันพุ่งออกมาหรือเปล่าครับ  หรือว่าไม่มี (ย้ำนะครับว่ายังไม่ได้ติดเครื่องแค่ปิดกุญแจมาตรง on เฉยๆ)

ขอบคุณครับ  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #1 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 08:45:02 »

รอผู้รู้  จุมพิต
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #2 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 09:57:27 »

 ลังเล ลังเล ลังเล

รอ อิอิ  ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #3 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 12:43:22 »

ผมไม่เคยลองเช็คซักที เท่าที่ทราบถ้ายังไม่สตาทเครื่อง สายน้ำมันที่ต่อจากกรองเบนซินมันจะบีบไม่ลงเลยทีเดียว แสดงว่ามันต้องมีแรงดันพอควร และหัวฉีดก็ยังไม่ฉีดน้ำมัน
เรตกูเลเตอร์ ก็น่าจะยังไม่ส่งน้ำมันกลับถังถึงแม้จะมีแรงดันพอควร เพราะแรงดันน่าจะยังไม่สูงพอและ แรงดูดจากเครื่องยนต์ ซึ่งเรตกูเลเตอร์จะทำงานก็ต้องอาศัยแรงดูดนี้

ถ้าช่วงก่อนสตาทร์แล้วเรตกูเลเตอร์ส่งน้ำมันกลับเลย แรงดันน้ำมันที่หัวฉีดอาจจะยังไม่สูงพอที่จะฉีดน้ำมันได้ ดังนั้น ตามความคิดผม ช่วงที่ปั้มติ๊กทำงานแค่ไม่กี่วินาที และเครื่องยังไม่ติดผมว่า เรตกูเลเตอร์น่าจะยังไม่ส่งน้ำมันกลับถัง ต้องรอเครื่องติดปั้มทำงานอีกรอบ มีแรงดูดจากเครื่อง เรกูเลเตอร์ถึงจะทำงาน และคิดว่า คงไม่ทำงานตลอด รอยสูงๆจ่ายน้ำมันเยอะๆก็อาจจะไม่ส่งน้ำมันกลับครับ
 ลังเล ลังเล ลังเล ลังเล ลังเล

ว่าแต่ สงสัยไปทำอะไรหรอครับ จะทำอะไรหรอ ขยิบตา ขยิบตา
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #4 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 13:05:54 »

ผมไม่เคยลองเช็คซักที เท่าที่ทราบถ้ายังไม่สตาทเครื่อง สายน้ำมันที่ต่อจากกรองเบนซินมันจะบีบไม่ลงเลยทีเดียว แสดงว่ามันต้องมีแรงดันพอควร และหัวฉีดก็ยังไม่ฉีดน้ำมัน
เรตกูเลเตอร์ ก็น่าจะยังไม่ส่งน้ำมันกลับถังถึงแม้จะมีแรงดันพอควร เพราะแรงดันน่าจะยังไม่สูงพอและ แรงดูดจากเครื่องยนต์ ซึ่งเรตกูเลเตอร์จะทำงานก็ต้องอาศัยแรงดูดนี้

ถ้าช่วงก่อนสตาทร์แล้วเรตกูเลเตอร์ส่งน้ำมันกลับเลย แรงดันน้ำมันที่หัวฉีดอาจจะยังไม่สูงพอที่จะฉีดน้ำมันได้ ดังนั้น ตามความคิดผม ช่วงที่ปั้มติ๊กทำงานแค่ไม่กี่วินาที และเครื่องยังไม่ติดผมว่า เรตกูเลเตอร์น่าจะยังไม่ส่งน้ำมันกลับถัง ต้องรอเครื่องติดปั้มทำงานอีกรอบ มีแรงดูดจากเครื่อง เรกูเลเตอร์ถึงจะทำงาน และคิดว่า คงไม่ทำงานตลอด รอยสูงๆจ่ายน้ำมันเยอะๆก็อาจจะไม่ส่งน้ำมันกลับครับ
 ลังเล ลังเล ลังเล ลังเล ลังเล

ว่าแต่ สงสัยไปทำอะไรหรอครับ จะทำอะไรหรอ ขยิบตา ขยิบตา
ผมก็คิดแบบนี้แหละครับ  แต่พอดีสายน้ำมันเบนซินส่งกลับผมมันแตกก็เลยเปลี่ยน แต่ก่อนใส่นึกยังไงไม่รู้ลองไปบิดกุญแจดู  ทีนี้มันก็มีน้ำมันเบนซินพุ่งออกมาทางท่อส่งน้ำมันกลับถังนี้ละครับ

พอดีรถผมเกิดอาการสตาทร์แล้ววูบดับ สตาทร์ยาก แล้ววิ่งบางทีก็พุ่งบางทีก็วูบ และจะเป็นที่น้ำมันอย่างเดียว  แก๊สวิ่งปรกติ ตอนนี้เปลี่ยนปั้มติ๊กแล้ว แรงดันมาแล้ว และตอนนี้คิดว่าคงเป็นที่หัวฉีดตัน  แต่บังเอิญมาเจอเจ้าตัวเรกูเลเตอร์ที่มีน้ำมันเบนซินพุ่งออกมาก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องนี้ละครับ

ก็เลยอยากจะถามว่าจริงๆ แล้วมันจะส่งน้ำมันกลับตอนไหนนะครับ

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #5 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 13:49:14 »

ผมก็คิดแบบนี้แหละครับ  แต่พอดีสายน้ำมันเบนซินส่งกลับผมมันแตกก็เลยเปลี่ยน แต่ก่อนใส่นึกยังไงไม่รู้ลองไปบิดกุญแจดู  ทีนี้มันก็มีน้ำมันเบนซินพุ่งออกมาทางท่อส่งน้ำมันกลับถังนี้ละครับ

พอดีรถผมเกิดอาการสตาทร์แล้ววูบดับ สตาทร์ยาก แล้ววิ่งบางทีก็พุ่งบางทีก็วูบ และจะเป็นที่น้ำมันอย่างเดียว  แก๊สวิ่งปรกติ ตอนนี้เปลี่ยนปั้มติ๊กแล้ว แรงดันมาแล้ว และตอนนี้คิดว่าคงเป็นที่หัวฉีดตัน  แต่บังเอิญมาเจอเจ้าตัวเรกูเลเตอร์ที่มีน้ำมันเบนซินพุ่งออกมาก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องนี้ละครับ

ก็เลยอยากจะถามว่าจริงๆ แล้วมันจะส่งน้ำมันกลับตอนไหนนะครับ

ขอบคุณครับ

อืม ผมว่าก็มีส่วนนะครับที่เรตกูเลเตอร์อาจจะเสื่อม อ้อ เช็คสายยางเส้นเล็กๆที่ต่อจากท่อร่วมไอดีไปเรตกูเลเตอร์ว่ามันมีรอยรั่วรึเปล่า   
สงสัยคงต้องหาร้านที่มีเครื่องวัดแรงดันเบนซินวัดดูให้แล้วมั้งครับ ว่าแรงดันมันตรงตามสเป็คหรือไม่
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #6 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 13:52:21 »

อืม ผมว่าก็มีส่วนนะครับที่เรตกูเลเตอร์อาจจะเสื่อม อ้อ เช็คสายยางเส้นเล็กๆที่ต่อจากท่อร่วมไอดีไปเรตกูเลเตอร์ว่ามันมีรอยรั่วรึเปล่า   
สงสัยคงต้องหาร้านที่มีเครื่องวัดแรงดันเบนซินวัดดูให้แล้วมั้งครับ ว่าแรงดันมันตรงตามสเป็คหรือไม่

สายท่ออากาศที่อยู่บนเรกูเลเตอร์นี้ไม่รั่วครับเช็คเรียบร้อย  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #7 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 15:13:24 »

สายท่ออากาศที่อยู่บนเรกูเลเตอร์นี้ไม่รั่วครับเช็คเรียบร้อย  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
งั้นก็น่าจะมีอยู่ สามตัวเลือก ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
หาอู่ที่มีตัววัดแรงดันเบนซินให้เค้าวัดให้ ถ้าไม่ใช่0 คงจะหายาก ตกใจ ตกใจ ตกใจ
ติดเกจ์วัดแรงดันเบนซินเพิ่ม จะคุ้มไม๊ ปกติก็วิ่งแก๊ส ขยิบตา ขยิบตา ขยิบตา
รอท่านอื่นๆมาช่วยกันตอบ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

เดี๋ยวรอผมทำรถคราวหน้าจะลองเช็คดูครับ
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
chairat2521
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,227


เรียกกูว่า เอ๊ะ นครปฐม


« ตอบ #8 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 21:40:45 »

ไปหามาให้ ลองดูนะครับ  จุมพิต

เรกูเลเตอร์ วาล์วควบคุมแรงดันน้ำมันที่รางหัวฉีด ถ้ามันเสียจะสตาร์ทติดยาก
เพราะมันกักน้ำมันไม่ได้..ขณะสตาร์ทรถ

วิธีเช็ค เอาแบบบ้าน ๆ..

ง่าย ๆไม่ยากถอดสายน้ำมันเส้นที่ไหลย้อนกลับลงถังดูว่ามันพุ่งแรงมั๊ย ?(ต้องติดเครื่องอยู่ด้วยนะถึงจะรู้)
ถ้าพุ่งแรงระบบน้ำมันไม่มีปํญหา..แต่ถ้าถอดสายน้ำมันไหลกลับลงถังแล้วไม่มีน้ำมันไหลออกมาแต่เครื่องยังทำงาน
อยู่แสดงว่าตัวปรับแรงดันน้ำมันเสียหรือที่เรียกว่า"เรกูเรเตอร์"เสียครับ..
บันทึกการเข้า
desperado
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,943


ไม่มีคำอธิบายใดๆ จนกว่าจะได้ลอง


« ตอบ #9 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 21:50:45 »

เจ้าตัวนี้ที่มันทำหน้าที่ปรับแรงดันน้ำมันเบนซินแล้วส่งกลับถังน้ำมัน

โดยปรกติถ้าเราทำการบิดกุญแจโดยยังไม่ได้สตาทร์  แต่พอให้แค่สัญญาณต่างๆบนหน้าปัดโชว์แล้วปั้มติ๊กทำงาน  ระหว่างนี้ตรงท่อน้ำมันเบนซินที่ส่งกลับถังน้ำมันมันจะมีน้ำมันพุ่งออกมาหรือเปล่าครับ  หรือว่าไม่มี (ย้ำนะครับว่ายังไม่ได้ติดเครื่องแค่ปิดกุญแจมาตรง on เฉยๆ)

ขอบคุณครับ  ยิงฟันยิ้ม
ถ้ายังไม่บิดสตาร์ทไหลกลับถังแน่นอน ครับ...เพราะยังไม่มีแรงดูดจากสายแวคฯมาควบคุมการจ่ายน้ำมันกลับ(มากน้อยตามการทำงานของรอบเครื่องยนต์ )
บันทึกการเข้า

4D ผุๆอย่างข้าฯจะขออยู่ค้ำฟ้าให้ดู...................-><-
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #10 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 22:25:17 »

ถ้ายังไม่บิดสตาร์ทไหลกลับถังแน่นอน ครับ...เพราะยังไม่มีแรงดูดจากสายแวคฯมาควบคุมการจ่ายน้ำมันกลับ(มากน้อยตามการทำงานของรอบเครื่องยนต์ )

ขอบคุณมากกกกกกกครับๆ  จุมพิต  บิดแค่ให้ปั้มติ๊กทำงานนะครับมันก็จะไหลกลับถังเลยใช้ใหมครับ  ถ้าเป็นแบบนี้รถผมก็ปรกติดีอยู่

สงสัยหัวฉีดจะเจ้งๆ  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #11 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 22:26:44 »

ไปหามาให้ ลองดูนะครับ  จุมพิต

เรกูเลเตอร์ วาล์วควบคุมแรงดันน้ำมันที่รางหัวฉีด ถ้ามันเสียจะสตาร์ทติดยาก
เพราะมันกักน้ำมันไม่ได้..ขณะสตาร์ทรถ

วิธีเช็ค เอาแบบบ้าน ๆ..

ง่าย ๆไม่ยากถอดสายน้ำมันเส้นที่ไหลย้อนกลับลงถังดูว่ามันพุ่งแรงมั๊ย ?(ต้องติดเครื่องอยู่ด้วยนะถึงจะรู้)
ถ้าพุ่งแรงระบบน้ำมันไม่มีปํญหา..แต่ถ้าถอดสายน้ำมันไหลกลับลงถังแล้วไม่มีน้ำมันไหลออกมาแต่เครื่องยังทำงาน
อยู่แสดงว่าตัวปรับแรงดันน้ำมันเสียหรือที่เรียกว่า"เรกูเรเตอร์"เสียครับ..


ขอบคุณอีกท่านครับ  เดียวต้องลองดู  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
chairat2521
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,227


เรียกกูว่า เอ๊ะ นครปฐม


« ตอบ #12 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 22:41:40 »

 จุมพิต จุมพิต จุมพิต
บันทึกการเข้า
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #13 เมื่อ: 18 พฤษภาคม 2011, 23:50:15 »

เดี๋ยวมีโอกาศต้องไปลองเช็คดูบ้างแล้ว ลังเล ลังเล ลังเล ลังเล
จากสองท่านมาช่วยกันตอบ กลายเป้นผมรู้สึกว่าไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเลย
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #14 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2011, 08:01:03 »

เดี๋ยวมีโอกาศต้องไปลองเช็คดูบ้างแล้ว ลังเล ลังเล ลังเล ลังเล
จากสองท่านมาช่วยกันตอบ กลายเป้นผมรู้สึกว่าไม่เป็นอย่างที่ผมคิดเลย

ฝากเช็คให้ด้วยครับ  พอดีผมกำลังจะจัดหัวฉีดเครื่อง J อยู่พี่ดี  กลัวเปลี่ยนเกลอ   ตกใจ ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #15 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2011, 10:23:48 »

ฝากเช็คให้ด้วยครับ  พอดีผมกำลังจะจัดหัวฉีดเครื่อง J อยู่พี่ดี  กลัวเปลี่ยนเกลอ   ตกใจ ตกใจ ตกใจ
อย่างเร็วก็วันจัทร์นี้แหละครับ
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #16 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2011, 11:46:39 »

อย่างเร็วก็วันจัทร์นี้แหละครับ

งั้นช่วงนี้ผมสตาทร์แก๊สไปก่อนละกันรอๆๆ  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์

เพราะตอนนี้เหลือ 3 อย่างที่คิดว่าน่าจะเสีย 
1 หัวฉีด
2 เรกูเลเตอร์
3 กรองเบนซิน (ส่วนกรองเบนซินนี้ไม่น่าจะตัน เพราะน้ำมันเบนซินพุ่งแรงมาก)

อาการขับน้ำมันตอนนี้คือรอบเครื่องที่ 1000-2000 รอบ  เร่งไม่ค่อยขึ้นบางทีวอดบางทีเร่งดี เป็นน้ำมันอย่างเดียว  แก๊สปรกติ อิอิ
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #17 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2011, 12:03:03 »

งั้นช่วงนี้ผมสตาทร์แก๊สไปก่อนละกันรอๆๆ  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์

เพราะตอนนี้เหลือ 3 อย่างที่คิดว่าน่าจะเสีย 
1 หัวฉีด
2 เรกูเลเตอร์
3 กรองเบนซิน (ส่วนกรองเบนซินนี้ไม่น่าจะตัน เพราะน้ำมันเบนซินพุ่งแรงมาก)

อาการขับน้ำมันตอนนี้คือรอบเครื่องที่ 1000-2000 รอบ  เร่งไม่ค่อยขึ้นบางทีวอดบางทีเร่งดี เป็นน้ำมันอย่างเดียว  แก๊สปรกติ อิอิ
ลังเล ลังเล ลังเล ลังเล ลังเล
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
desperado
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,943


ไม่มีคำอธิบายใดๆ จนกว่าจะได้ลอง


« ตอบ #18 เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2011, 12:04:47 »

งั้นช่วงนี้ผมสตาทร์แก๊สไปก่อนละกันรอๆๆ  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์

เพราะตอนนี้เหลือ 3 อย่างที่คิดว่าน่าจะเสีย 
1 หัวฉีด
2 เรกูเลเตอร์
3 กรองเบนซิน (ส่วนกรองเบนซินนี้ไม่น่าจะตัน เพราะน้ำมันเบนซินพุ่งแรงมาก)

อาการขับน้ำมันตอนนี้คือรอบเครื่องที่ 1000-2000 รอบ  เร่งไม่ค่อยขึ้นบางทีวอดบางทีเร่งดี เป็นน้ำมันอย่างเดียว  แก๊สปรกติ อิอิ
เป็นที่แรงดันน้ำมันเบนซินแรงไม่พอครับ...แรงดันจากปั๊มในถัง แรงมากนะครับ ลองเอาหัวแม่มือกดดูก็ได้(ถอดสายก่อนจะเข้ารางหัวฉีดทดสอบดู) **กดแทบไม่อยู่**
บันทึกการเข้า

4D ผุๆอย่างข้าฯจะขออยู่ค้ำฟ้าให้ดู...................-><-
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #19 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2011, 19:36:19 »

ลองมาแล้วครับ วันนี้ลองถอดสายที่กลับไปถังออกแล้วเปิดกุจแจออน ไม่มีน้ำมันออกมาครับ ติดเครื่องก็ยังไม่ออก เดินเบาซักพักถึงออกมาอ่ะ เจ๋ง เจ๋ง
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #20 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2011, 19:44:06 »

ลองมาแล้วครับ วันนี้ลองถอดสายที่กลับไปถังออกแล้วเปิดกุจแจออน ไม่มีน้ำมันออกมาครับ ติดเครื่องก็ยังไม่ออก เดินเบาซักพักถึงออกมาอ่ะ เจ๋ง เจ๋ง

กำแล้ว  งั้น เรกูเลเตอร์ของผมมันน่าจะพัง  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์

ดีนะยังไม่ได้ซื้อหัวฉีด เพราะตอนนี้ยังสตาทร์แก๊สอยู่ครับ 

ขอบคุณมากครับที่เป็นหนูทดลองให้ อิอิ  ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #21 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2011, 07:39:35 »

เมื่อวานตอนกลับบ้านเลยลองเอาสายน้ำมันงอดู (สายน้ำมันกลับเข้าเครื่อง) พองอปุปแรงดันน้ำมันเพิ่ม  ปรากฏว่าเครื่องเดินนิ่ง ติดง่ายซะงั้น  สงสัยเจอตัวการเรกูเลเตอร์เสียแน่นอนซะแล้ว
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #22 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2011, 11:53:48 »

 จุมพิต จุมพิต จุมพิต
นานๆจะเจอ ไอ้ตัวนี้มันเสีย วิ่งแก็สมันตัดปั้มติ๊กไม๊ครับ
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #23 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2011, 12:11:22 »

จุมพิต จุมพิต จุมพิต
นานๆจะเจอ ไอ้ตัวนี้มันเสีย วิ่งแก็สมันตัดปั้มติ๊กไม๊ครับ

ไม่ตัดครับ  เพราะผมใช้สลับกันตลอด  ที่รอบสูงจะให้วิ่งน้ำมัน พอดีใช้แก๊สรอบชิวๆไม่เกิน 3000 รอบนะครับ พอเกินละใช้น้ำมัน

พอจะทราบใหมครับว่าเจ้าตัวเรกกูเลเตอร์นี้ของใหม่กี่บาทครับ  ขยิบตา
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #24 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2011, 12:47:58 »

ไม่ตัดครับ  เพราะผมใช้สลับกันตลอด  ที่รอบสูงจะให้วิ่งน้ำมัน พอดีใช้แก๊สรอบชิวๆไม่เกิน 3000 รอบนะครับ พอเกินละใช้น้ำมัน

พอจะทราบใหมครับว่าเจ้าตัวเรกกูเลเตอร์นี้ของใหม่กี่บาทครับ  ขยิบตา
โทรถาม0 .ใกล้บ้านดีกว่าครับ ผม ลองหาๆราคาดูก็ไม่เจอ อายจัง อายจัง 
แต่ของแต่งมันไม่เกินสองถึงสามพันอ่ะครับ
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
MANUTS
= ท่านรอง รปภ. สป. =
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,972


นัต.....สมุทรปราการ


« ตอบ #25 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2011, 13:36:31 »

ของเก่าๆมือสอง2000+ครับ  เอาแบบสะภาพกริ๊บๆพี่ยุ่น4000 อัพครับเคยไปถามให้B16 +b20   ของมีเยอะทีเชียงกงบางนา
บันทึกการเข้า

Forgive  AND  Forget
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #26 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2011, 14:13:50 »

ของเก่าๆมือสอง2000+ครับ  เอาแบบสะภาพกริ๊บๆพี่ยุ่น4000 อัพครับเคยไปถามให้B16 +b20   ของมีเยอะทีเชียงกงบางนา

ราคาเชียงกงแรงแท้ๆๆ   ร้องไห้ ร้องไห้

สงสัยต้องหาตามในบอร์ดแล้ว  เพราะเคยเห็นขายๆ อยู่พร้อมรางหัวฉีดแค่ 800-1200 บาทเองงะครับ  ร้องไห้ ร้องไห้

บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #27 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2011, 16:43:06 »

ของเก่าๆมือสอง2000+ครับ  เอาแบบสะภาพกริ๊บๆพี่ยุ่น4000 อัพครับเคยไปถามให้B16 +b20   ของมีเยอะทีเชียงกงบางนา
ของแต่งทำไมมันถูกอ่ะ ของเดิม แพงขนาดนี้เลยหรอ ร้องไห้ ร้องไห้
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #28 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2011, 17:52:59 »

ตะกี่ผมเข้าไปดูของแต่งมา ราคา SARD กับ HKS มันประมาณ 2000-2500 นะครับ มือสองเหมือนกัน  ร้องไห้ ร้องไห้
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #29 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2011, 18:37:04 »

ตะกี่ผมเข้าไปดูของแต่งมา ราคา SARD กับ HKS มันประมาณ 2000-2500 นะครับ มือสองเหมือนกัน  ร้องไห้ ร้องไห้
สงสัยผมจะดูราคาผิด อายจัง อายจัง อายจัง   เดี๋ยวคืนนี้จะดูอีกที
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
MANUTS
= ท่านรอง รปภ. สป. =
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,972


นัต.....สมุทรปราการ


« ตอบ #30 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2011, 12:00:26 »

 อ่านเล่นๆนะครับ  ยิ้มเท่ห์


เรกกูเรเตอร์ หรือ ตัวควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในระบบเชื้อเพลิง
โดยมีหน้าที่ควบคุมแรงดันน้ำมันที่ดูดมาจากถังน้ำมัน ปั้มน้ำมันหรือปั้มติ๊ก แล้วถูกส่งไปยังท่อน้ำมัน
แล้วผ่านระบบกรองน้ำมันหรือ กรองเบนซิล จึงไหลเข้าสู่รางหัวฉีดแล้วจึงจะไหลผ่านเจ้า เรคกูเรเตอร์ก่อนไหลกลับสู่ถังน้ำมันไหลกลับ

หน้าที่การทำงานด้วยสุญญากาศ
เรคกูเรเตอร์ จะทำงานร่วมกับระบบสุญญากาศ โดยสังเกตุเห็นว่าบนหัวของเรคกูเรเตอร์ทุกตัว
จะมีท่อสูญญากาศเล็กๆเพื่อต่อกับท่อร่วมไอดีด้านหลังลิ้นปีกผีเสื้อ ดังนั้นเมื่อเหยียบคันเร่งน้อยเเรงดูดจากเครื่องจะมากอากาศไหลผ่านลิ้นน้อย
สูญญากาศก็เกิดมาก เมื่อเหยียบคันเร่งมากอากาศไหลผ่านลิ้นมากสูญญากาศก็เกิดน้อย
แรงดูดตัวนี้หละที่จะคอยควบคุมให้เรกกูเรเตอร์ทำงานเพื่อควบคุมเเรงดันน้ำมันให้คงที่
ไม่ว่าจะลิ้นปีกผีเสี้อจะเปิดมากหรือเปิดน้อยก็ตามที
 เริ่มต้นการทำงานตั้งแต่ก่อนสตาร์ทเครื่อง
เมื่อเราเปิดสวิทย์กุญแจ ปั้มน้ำมันเชื้อเผลิงจะทำงาน
แรงดันน้ำมันจะสูงมาก เพราะเครื่องยังไม่ติด ไม่มีแรงดูดสุญญากาศเเละเมื่อเราเริ่มสตาร์ทเครื่อง
จะทำให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันมากทำให้เครื่องยนต์
์สตาร์ทติดง่าย เมื่อเครื่องติดแล้วในรอบเดินเบา
เครื่องยนต์ต้องการน้ำมันน้อย เรกกูเรเตอร์จะเปิดน้ำมัน
ให้ไหลกลับสู่ถัง ไหลกลับมาก เพื่อให้ประหยัดน้ำมัน



เมื่อเริ่มต้นเหยียบคันเร่ง
เครื่องยนต์จะต้องการปริมาณน้ำมันเเพิ่มขึ้น
ตามความต้องการของเครื่องยนต์ ที่ต้องการเร่งรอบ
ให้สูงขึ้นโดยรับข้อมูลมาจากเซนเซอร์ต่างเช่น
airfrowmeter , totelsensor,vaccumesensor,
และเซนเซอร์รอบเครื่องยนต์โดยทั้งหมด
นี้จะส่งข้อมูลไปยังกล่อง ECU โดยกล่อง ECU
จะไปสั่งให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันถี่ขึ้นเพื่อเร่งรอบเครื่องยนต ์ ปริมาณการใช้น้ำมันสูงขึ้นซึ่งอาจทำให้แรงดันน้ำมัน
ในรางหัวฉีดตกลง ก็เจ้าเรกกูเรเตอร์นี่แหละ
ที่จะคอยควบคุม ให้แรงดันน้ำมันเพิ่มขึ้นโดย
ทำการปิดน้ำมันไหลกลับสู่ถังน้ำมันไหลกลับน้อยลง
 
ทฤษฎี
แรงดันน้ำมันในรางหัวฉีดจะอยู่ที่ 2.5-3.3 bar หรือ 36-48 ปอนด์ แล้วแต่ spec ของเครื่องแต่ละยี่ห้อเช่น Toyota จะกำหนดไว้ที่ 2.7 bar Mitsubishi จะกำหนดไว้ที่ 3.3 bar และ Nissan,Honda จะกำหนดไว้ที่ 2.5 bar
เพื่อให้ส่วนผสมของอากาศ และน้ำมันในการเผาไหม้อยู่ที่ 14.7-15 : 1 คือ อากาศ 14.7-15 ต่อน้ำมัน 1 ส่วน
จึงจะถือว่าการเผาไหม้สมบูรณ์ที่สุด ดั้งนั้นเรคกูเรเตอร์ต้องทำหน้าที่รักษาแรงดันน้ำมันให้สอดคล้องกับ
ปริมาณการฉีดน้ำมันของหัวฉีดในแต่ระรอบความเร็ว

เปลี่ยนใหม่ดีหรือไม่
ในเครื่องยนต์ standard เรคกูเรเตอร์มีโอกาสเสียหายได้ เช่นแผ่นไดอะแฟรมขาดเกิดการกระทบ
กระเเทกรุนเเรง การอุดตันในท่อสุญญากาศ และอาการค้างไม่ยอมให้น้ำมันไหลกลับในเครื่องยนต
์ที่ไม่ใช้งานนานๆ มีผลให้ เครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด สตาร์ทติดยาก ไม่มีแรง หรือทำให้กินน้ำมันมากผิดปกติ
จึงควรตรวจเช็คหรือทำการเปลี่ยนเสียใหม่

ในเครื่องยนต์โมดิฟลายในเสตปเริ่มต้น หรือเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ติดเทอร์โบเพิ่ม เปลี่ยนเทอร์โบใหม่ หรือปรับบูชให้สูงขึ้น ส่วนใหญ่แล้วยังถือว่า ยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเรคกูเรเตอร์ เพราะเรคกูเรตอร์
ที่ติดตั้งมา ให้กับเครื่องยนต์แต่ละรุ่นได้ออกแบบมาได้เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว หรือบางรุ่นทำงานได้ดีกว่า
แบบปรับตั้งได้เสียอีก ดังนั้นควรจะหันมาใส่ใจ ปั้มน้ำมันเชื้อเผลิงจะดีกว่าเพราะมีผลต่อความต้องการ
ของเครื่องยนต์แท้จริง

ในเครื่องยนต์ทีมีการโมดิฟลายในสเตปสูง เช่นการเปลี่ยนหัวฉีดให้มีซีซีสูงขึ้น เปลี่ยนรางหัวฉีด
ที่มีขนาดใหญ่ เพิ่มปั้มแรงดันน้ำมันเชื้อเผลิง เปลี่ยนแอร์โฟร์ ลิ้นปีกผีเสื้อให้มีขนาดใหญ
่ ขยายปริมาตรกระบอกสูบ จนเรคกูเรเตอร์เดิมไม่สามารถรองรับการใช้งานได้ ควรเปลี่ยนเสียใหม่
ทั้งนี้ต้องติดตั้งเกจ์วัดแรงดันน้ำมันเพื่อใช้ในการอ้างอิงในการปรับจูนอยู่เสมอ
การติดตั้ง

ก่อนทำการติดตั้งควรหาเกจ์วัดแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง
มาตรวจวัดเสียก่อนว่าแรงดันที่ใช้อยู่
ในปัจจุบันมีค่าเท่าไร เพื่อตรวจเช็คความพร้อม
ของระบบ และอ้างอิงถึงเเรงดันของเรกกูเรเตอร
์ที่จะถูกเปลี่ยนเข้าไปใหม่

ในบางยี่ห้อที่ทำชุดคิดมาสำหรับเเต่ละเครื่องยนต์ สามารถถอดของเดิมออกและนำของใหม่ใส่แทน
ลงไปได้เลย

ในยี่ห้อที่ต้องติดตั้งใหม่ ควรถอดเรกกูเรเตอร์เดิมออก
แล้วกลึงน็อต หรือต่อท่อไหลกลับมายังเรกกูเตอร์ใหม่ แล้วต่อท่อไหลกลับลงสู่ถังน้ำมัน และอย่าลืมต่อท่อ
สุญญากาศ ที่หัวของเรกกูเรเตอร์แทนที่ของเดิม
หรือหลังลิ้นปีกผีเสื้อไว้ด้วย

การติดตั้งควรอยู่ห่างจากความร้อนเช่นท่อไอเสีย จุดหมุนพวกสายพานต่างๆ และควรสร้างจึดยึด
ให้แน่นหนา เพื่อไม่ให้แกว่งไปตามแรง
เครื่องยนต์ จนท่อน้ำมันเกิดการฉีกขาดได้

ควรเปลี่ยนท่อน้ำมันเชื้อเผลิง และเหล็กรัด
ไปใช้ที่สามารถทนเเรงดันสูงขึ้นเพราะต้องรับภาระ
แรงดันน้ำมันสูงจนเกิดการหลุดแตก 
 
ข้อดี
สามารถเพิ่มปริมาณการฉีดน้ำมันให้สูงได้ง่ายๆ ทำให้เครื่องยนต์มีแรงขึ้นแก้ไขในกรณีปั้มเเรงดันเชื้อเพลิง
เริ่มเสื่อมประสิทธิภาพ และในการปรับจูนเครื่องยนต์ให้ที่ต้องการแรงดันน้ำมันสูงกว่าปกติมากๆ

ข้อเสีย
ในเครื่องยนต์ที่เรคกูเรเตอร์เดิมสามารถทำงานได้ดีอยู่แล้ว หรือปรับแต่งไม่ถูกต้อง ทำให้เครื่องยนต์กินน้ำมัน
โดยใช่เหตุ เครื่องแรงตก แรงต้นปลายไม่แรงเผาไหม้ไม่หมดเกิดมลภาวะ หรือถ้าแรงดันน้ำมัน น้อยเกินไป
ทำให้ส่วนผสมบางเครื่องยนต์อาจพังได้
บันทึกการเข้า

Forgive  AND  Forget
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #31 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2011, 14:16:09 »

ูููู^^^^^ รถผมไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย  ตกใจ ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #32 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2011, 14:45:00 »

หน้าที่การทำงานด้วยสุญญากาศ
เรคกูเรเตอร์ จะทำงานร่วมกับระบบสุญญากาศ โดยสังเกตุเห็นว่าบนหัวของเรคกูเรเตอร์ทุกตัว
จะมีท่อสูญญากาศเล็กๆเพื่อต่อกับท่อร่วมไอดีด้านหลังลิ้นปีกผีเสื้อ ดังนั้นเมื่อเหยียบคันเร่งน้อยเเรงดูดจากเครื่องจะมากอากาศไหลผ่านลิ้นน้อย
สูญญากาศก็เกิดมาก เมื่อเหยียบคันเร่งมากอากาศไหลผ่านลิ้นมากสูญญากาศก็เกิดน้อย
แรงดูดตัวนี้หละที่จะคอยควบคุมให้เรกกูเรเตอร์ทำงานเพื่อควบคุมเเรงดันน้ำมันให้คงที่
ไม่ว่าจะลิ้นปีกผีเสี้อจะเปิดมากหรือเปิดน้อยก็ตามที
 เริ่มต้นการทำงานตั้งแต่ก่อนสตาร์ทเครื่อง
เมื่อเราเปิดสวิทย์กุญแจ ปั้มน้ำมันเชื้อเผลิงจะทำงาน
แรงดันน้ำมันจะสูงมาก เพราะเครื่องยังไม่ติด ไม่มีแรงดูดสุญญากาศเเละเมื่อเราเริ่มสตาร์ทเครื่อง
จะทำให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันมากทำให้เครื่องยนต์
์สตาร์ทติดง่าย เมื่อเครื่องติดแล้วในรอบเดินเบา
เครื่องยนต์ต้องการน้ำมันน้อย เรกกูเรเตอร์จะเปิดน้ำมัน
ให้ไหลกลับสู่ถัง ไหลกลับมาก เพื่อให้ประหยัดน้ำมัน



หมายความว่าเวลาเรายังไม่ติดเครื่อง  ไม่มีแรงดูด ก็คือเรกูเลเตอร์ปิดอยู่ใช้ใหมแบบที่คุณ  Regis100 บอก

แต่เวลาติดเครื่องแล้วในรอบเดินเขาจะมีแรงดูดมหาศาล จึงทำให้เรกูเลเตอร์เปิดมาก  ในรอบเครื่องยนต์สูง แรงดูดน้อย สปิงในเรกูเรเตอร์ก็ดันเพื่อให้น้ำมันไหลกลับถังน้อยเพื่อให้เพียงพอกับการส่งน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ได้ทั้น ผมเข้าใจถูกใหมครับ ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #33 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2011, 16:58:25 »




หมายความว่าเวลาเรายังไม่ติดเครื่อง  ไม่มีแรงดูด ก็คือเรกูเลเตอร์ปิดอยู่ใช้ใหมแบบที่คุณ  Regis100 บอก

แต่เวลาติดเครื่องแล้วในรอบเดินเขาจะมีแรงดูดมหาศาล จึงทำให้เรกูเลเตอร์เปิดมาก  ในรอบเครื่องยนต์สูง แรงดูดน้อย สปิงในเรกูเรเตอร์ก็ดันเพื่อให้น้ำมันไหลกลับถังน้อยเพื่อให้เพียงพอกับการส่งน้ำมันไปยังเครื่องยนต์ได้ทั้น ผมเข้าใจถูกใหมครับ ตกใจ ตกใจ
คาดว่าน่าจะถูกล่ะครับ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
Drager
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,371


WAZA Cover of skills


« ตอบ #34 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2011, 18:24:15 »

อ้างถึง
   ดังนั้นเมื่อเหยียบคันเร่งน้อยเเรงดูดจากเครื่องจะมากอากาศไหลผ่านลิ้นน้อย
สูญญากาศก็เกิดมาก เมื่อเหยียบคันเร่งมากอากาศไหลผ่านลิ้นมากสูญญากาศก็เกิดน้อย

   ตรงนี้รู้สึกจะสลับกันนะคับ ตามหลักการของ Venturi Flow แล้วยิ่งมวลอากาศไหลผ่าน ด้วยความเร็วสูง แรงดูดรอบข้างก็จะยิ่งมากขึ้น สูญญากาศก็มากขึ้นไปด้วย

   รูปตรงกลางยิ่ง คอด ความเร็วยิ่งเพิ่ม แรงดูดในท่อก็จะมากขึ้นไปด้วย สังเกตุ จาก ของเหลวในท่อที่ต่อกับ เวนทูรี่ จะสูงขึ้น หลักการเดียวกับ คาบูเรเตอร์ และ MIXER แก๊ส


* TH8G1.jpg (39.66 KB, 819x455 - ดู 7303 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #35 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2011, 21:16:02 »

ตอนนี้มืดแปดด้านละครับ  ตกใจ ตกใจ

แต่อาทิตย์นี้รู้กัน  เดียวซื้อมัน 2 อย่างเลย  เรกูเลเตอร์ด้วย หัวฉีดด้วย  ตกใจ ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #36 เมื่อ: 25 พฤษภาคม 2011, 21:27:08 »

ตอนนี้มืดแปดด้านละครับ  ตกใจ ตกใจ

แต่อาทิตย์นี้รู้กัน  เดียวซื้อมัน 2 อย่างเลย  เรกูเลเตอร์ด้วย หัวฉีดด้วย  ตกใจ ตกใจ ตกใจ
อะไรถูกกว่าเอาอันนั้นก่อน ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
b16avtec
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 488



« ตอบ #37 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2011, 07:41:48 »

เรื่องแรงดูดนี้ผมว่ารอบต่ำ  ในขณะที่ลิ้นปีกผีเสื้อมันปิดหมด  แต่เครื่องต้องการอากาศ  มันก็ต้องมีแรงดูดมหาศาลอยู่แล้วนะครับ  ฮืม ฮืม


แต่ในรอบสูงลิ้นปีกผีเสื้อเปิดเยอะ  ลมเข้าสบาย  แรงดูดตามรูเล็กๆ ช่องเล็กๆ ก็จะไม่ค่อยมี  มันน่าจะเป็นแบบนี้ใหมครับ  ตกใจ ตกใจ


คือผมลองทดสอบแล้วจากการดึงท่อเวคคั่มตรงเรกูเลเตอร์ออก แล้วลองเร่งเครื่อง พอลิ้นเปิดเยอะ แรงดูดจากท่อนี้แทบจะไม่มีเลย (เอามาดูดตรงหลังมือนะครับ)   แต่พอรอบเดินเบาลิ้นปิดหมด  แรงดูดจ๊วบๆ เลยครับ  ตกใจ ตกใจ
บันทึกการเข้า

หน้าตาดี  มีรถขับ  โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปได้
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #38 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2011, 10:43:46 »

เรื่องแรงดูดนี้ผมว่ารอบต่ำ  ในขณะที่ลิ้นปีกผีเสื้อมันปิดหมด  แต่เครื่องต้องการอากาศ  มันก็ต้องมีแรงดูดมหาศาลอยู่แล้วนะครับ  ฮืม ฮืม


แต่ในรอบสูงลิ้นปีกผีเสื้อเปิดเยอะ  ลมเข้าสบาย  แรงดูดตามรูเล็กๆ ช่องเล็กๆ ก็จะไม่ค่อยมี  มันน่าจะเป็นแบบนี้ใหมครับ  ตกใจ ตกใจ


คือผมลองทดสอบแล้วจากการดึงท่อเวคคั่มตรงเรกูเลเตอร์ออก แล้วลองเร่งเครื่อง พอลิ้นเปิดเยอะ แรงดูดจากท่อนี้แทบจะไม่มีเลย (เอามาดูดตรงหลังมือนะครับ)   แต่พอรอบเดินเบาลิ้นปิดหมด  แรงดูดจ๊วบๆ เลยครับ  ตกใจ ตกใจ
ใช่ครับ ถ้าลิ้นเร่งเปิดมากขึ้น แรงดูด ตรงท่อที่เสียบๆอยู่ก็จะน้อยลงเป็นธรรมดาครับ อากาศก็ต้องเลือกเข้าทางที่เข้าได้ง่ายกว่า ยกเว้นกรองอากาศตันมากกกกกกกก
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #39 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2011, 14:59:35 »

เรียน ท่านจขกท ผมเช็ค ราคา เรกูเลเตอร์ ของแท้แล้ว ของ0 2409   ร้านอะไหล่ กทม 2250 ตกใจ ตกใจ ตกใจ ตกใจ


บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
หน้า: [1] 2 ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Car Knowledge => คลังความรู้คู่รถ  |  หัวข้อ: สอบถามเรื่องเรกูเลเตอร์หน่อยครับ
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2009, Simple Machines -->
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |