:::CIVIC CLUB THAILAND:::

มุมสมาชิก => Civic Club Travel => ข้อความที่เริ่มโดย: Uncle_T ที่ 23 สิงหาคม 2007, 10:27:22



หัวข้อ: สังขละบุรี ปีที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Uncle_T ที่ 23 สิงหาคม 2007, 10:27:22
มาแล้วครับ ช้านิดดีกว่าไม่มา ทริป "สังขละบุรี 2 " ช่วงวันที่ 11 - 13 ส.ค.50 ที่ผ่านมา
จริง ๆ แล้วช่วงวันที่ 11 ผมกับเพื่อน ๆ 12 คน เข้าพักที่ รีสอร์ทแถว ๆ ไทรโยคน้อย ติดกับทางรถไฟสายมรณะ แต่ไม่ขอลงรูปในช่วงนี้ให้ดูเนื่องจากปีที่แล้วก็ลงไปครั้งหนึ่งแล้ว ขอไปเริ่มในเช้าที่ 12 ส.ค. เลยนะครับ
คณะเราออกจากที่พักที่ไทรโยคน้อยประมาณ 7.30 น. มุ่งหน้าสู่สังขละบุรี โดยเส้นทาง 323 ผ่านแยก ทองผาภูมิ เลี้ยวขวาจากจุดนี้อีกไม่ถึง 100 กม. ก็จะเป็นสังขละบุรี ดินแดนตะวันตกสุดของประเทศไทย ที่ยังคงสภาพท้องถิ่นที่เป็นธรรมชาติสมบูรณ์มาก ๆ ที่ความเจริญจากภายนอกยังรุกล้ำเข้ามาไม่สะดวกนัก เนื่องจากความห่างไกล และ ผู้คนที่นี่ยังรักและหวงแหนในธรรมชาติอยู่
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk01.jpg)

ตรงนี้เป็นวิวทะเลสาปเหนือเขื่อนเขาแหลม ตรงที่แม่น้ำสามสายได้แก่ "รันตี" "ซองกาเลีย" และ"บิคลี่" ไหลมาบรรจบกันเรียกว่า "สามประสพ" เจ้าของสถานที่แห่งนี้ตรงที่ผมยืนถ่ายรูป เป็นคนกรุงเทพ ย้ายมาอยู่สังขละบุรี เมื่อเขื่อนสร้างเสร็จ (เกือบ 30 ปีที่แล้ว)
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk02.jpg)

เขาบอกผมว่า "เขาไม่ต้องการความเจริญ ไม่ต้องการถนน 4 เลน เพราะสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ความเป็นสังขละบุรี ถูกกลืนหายไปกับความเจริญที่สวนเข้ามา"
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk03.jpg)

11 น.เศษ เราลงเรือลำละ 6 คน เที่ยวชมทะเลสาปหลังเขื่อน สะพานมอญ สัญญลักษณ์ของสังขละบุรี ภาพข้างล่างคือยอดของหอระฆัง วัดวังก์วิเวการามหลังเก่า ที่จมอยู่ใต้ผืนน้ำหลังเขื่อนสร้างเสร็จ
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk04.jpg)

ซากกำแพงโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำเพียงครึ่งเดียว เดือนนี้เมื่อปีที่แล้ว น้ำขึ้นสูงกว่านี้ประมาณ 3 เมตร แต่เมื่อเมษายนที่ผ่านมา น้ำลดจนลงไปเดินเล่นชมซากวัดโบราณได้
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk05.jpg)

ซากต้นไม้เหนือทะเลสาป เบื้องหลังคือสะพานข้ามแม่น้ำรันตี เป็นถนนเส้นเดียวที่เชื่อมระหว่างสังขละบุรี กับทองผาภูมิ เราจะลอดผ่านเข้าไปในนั้น
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk06.jpg)

หลังจากลอดสะพาน ลึกเข้าไปในแม่น้ำรันตี เบื้องหลังเป็นเมฆคลอเคลียกับยอดเขา
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk07.jpg)

ไม่เกิน 30 นาที เรือเร็วก็พาเราส่งขึ้นฝั่ง ตรงชายป่าแห่งหนึ่งริมแม่น้ำ ตรงที่ 1 พลาย กับ 8 พัง สงบนิ่งรออยู่บนฝั่ง คณะของเรากับผู้ร่วมทัวร์ป่าอีก 6 คน เริ่มทะยอยปีนขึ้นหลังช้างทั้ง 9 เชือก โดยที่ควาญช้างทั้งหมดเป็นชาวกระเหรี่ยง
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk08.jpg)

ขบวนช้างเริ่มลัดเลาะเข้าชายป่าห่างแม่น้ำออกไป
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk09.jpg)

บางครั้งสูงขึ้นไปบนเขา บางครั้งก็ลงตัดผ่านลำห้วย สายฝนเริ่มโปรยปราย ดีที่คณะของเราเตรียมเสื้อกันฝนกันมาทุกคน
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk10.jpg)

ฝนหยุดแล้ว ขณะที่ผ่านอีกลำห้วย
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk11.jpg)

ขึ้นและลงเขาอีกลูก
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk12.jpg)

เราใช้เวลาบนหลังช้างประมาณ 1 ชั่วโมง ในที่สุดปลายทางคือปางช้างของชาวกระเหรี่ยงอยู่หลังป่ายางปลูกใหม่เบื้องหน้า ก่อนลงจากหลังช้าง ฝนตกหนักอีกรอบ พวกเราลงจากหลังช้างอย่างทุลักทุเล
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk13.jpg)

เราหยุดทานข้าวผัดไข่ที่แสนจะธรรมดา แต่เวลาบ่าย 2 กว่าแล้ว ทำให้ข้าวผัดเย็นชืด มีรสชาติดีขึ้นมาอย่างประหลาด ฝนยังโปรยเม็ด เราทานข้าวกลางวันในเพิงไม้ไผ่กลางป่าลึก บรรยากาศที่ยากจะพบพานในเมือง
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk14.jpg)

ตามโปรแกรมเราจะนั่งเรือหางยาวทวนนำขึ้นไปอีกประมาณ 2- 3 กม. แล้วล่องแพไม้ไผ่แพละ 4 คนลงมา แต่วันนี้กระแสน้ำในแม่น้ำรันตีเชี่ยวจัด เนื่องจากพายุฝนตกเทือกเขาด้านบนติดต่อกันมาถึง 3 วัน ขนาดเรือเปล่ายังแทบวิ่งทวนน้ำไม่ไหว เลยจำเป็นต้องงดรายการล่องแพ ในภาพต้นไม้ริมฝั่งถึงกับล้มถอนรากเลย
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk15.jpg)

ฝนตกอีกครั้งตอนนั่งเรือกลับที่พัก
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk16.jpg)

เนื่องจากงดรายการล่องแพ ทำให้เวลาเหลือจึงเปลี่ยนเลื่อนทัวร์วัดจากพรุ่งนี้มาเป็นเย็นนี้ ในภาพคือเจดีย์พุทธคยา ของวัดวังก์วิเวการาม แห่งใหม่
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk17.jpg)

จากเจดีย์เราเข้าไปที่ตัววัด และในภาพคือปราสาทเก้ายอด ที่ชาวมอญแห่งสังขละบุรี บรรจงสร้างขึ้น เพื่อบรรจุร่างของหลวงพ่ออุตตมะซึ่งละสังขารแล้วให้ประชาชนกราบไหว้
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk18.jpg)

หลังกลับจากวัดก็เข้าสู่ที่พัก โชคดีคราวนี้เราได้ที่พักอยู่ที่คอสะพานมอญพอดี ในภาพเป็นทิวทัศน์ของ "สามประสพ" มองจากระเบียงที่พัก
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk19.jpg)

โชว์ตัวหลังอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ได้เวลาอาหารเย็น
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk20.jpg)

อีกด้านหนึ่ง ติดกับสะพานมอญ และหมู่บ้านวังกะ ที่อยู่ของชุมชนมอญแห่งสังขละบุรี
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk21.jpg)

รุ่งเช้าของวันที่ 13 ส.ค. ตื่นไม่ค่อยเช้าเท่าไหร่ คว้ากล้องได้ก็เดินลงมายังสะพานมอญ ข้ามไปยังหมู่บ้านฝั่งตรงข้าม ห่างจากคอสะพานไม่มาก กาแฟและโจ๊กเจ้าเก่าที่คุ้นรสชาติตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว แห่งร้านของคุณ "ละเอง วงษ์ษา"  ราคาแสนย่อมเยาว์ ปาท่องโก๋ทอดเองโรยงานิดหน่อย กรอบนุ่มอย่าบอกใคร มื้อนี้หมดไป 33 บาท (รวมปาท่องโก๋ 3 ตัว)
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk22.jpg)

จากนั้นก็เดินเท้าชมหมู่บ้าน และตลาดสดของชาวมอญ สิ่งที่นำมาฝากและเห็นเป็นของแปลกของที่นี่ก็คือวัฒนธรรมการแบกสัมภาระโดยใช้ศรีษะ คงจะฝึกนานพอสมควรนะ
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk23.jpg)

ย้อนกลับมาบนสะพานเข้าสู่ที่พัก ทิวทัศน์ยามเช้าที่แสนสงบ
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk24.jpg)

แต่บนสะพานมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลย
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk25.jpg)

สมควรแก่เวลา ก็เก็บข้าวของกลับกรุงเทพ ขากลับชะลอรถบนสะพานข้ามแม่น้ำรันตี เก็บภาพของแม่น้ำและขุนเขาจากบนสะพานไว้เป็นที่ระลึก .......Goodbye สังขละบุรี แล้งที่จะถึงนี้เราจะกลับมาอีก สวัสดีครับ
(http://i88.photobucket.com/albums/k167/stpdrk/300Y/sk26.jpg)


หัวข้อ: Re: สังขละบุรี ปีที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Tikkz ที่ 23 สิงหาคม 2007, 10:30:11
 :) :) :)  เที่ยวเมืองไทย


หัวข้อ: Re: สังขละบุรี ปีที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: TooN2929 ที่ 23 สิงหาคม 2007, 13:12:30
 :D :D :D สุดยอดเลยครับ...


หัวข้อ: Re: สังขละบุรี ปีที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Namwhan ที่ 24 สิงหาคม 2007, 13:27:44
ถ่ายรูปสวยมากเลยค่ะ :-* :-* :-*


หัวข้อ: Re: สังขละบุรี ปีที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: Uncle_T ที่ 24 สิงหาคม 2007, 14:16:56
ขอบคุณครับ เอาไว้ถ้าจะไปทัวร์อุบล-ภูจองนายอย  ก่อนไปจะขอข้อมูลจากน้ำหวานก่อน


หัวข้อ: Re: สังขละบุรี ปีที่ 2
เริ่มหัวข้อโดย: piya923 ที่ 01 กันยายน 2007, 09:33:52
 :) เห็นแล้วมีความสุขจังค่ะ