:::CIVIC CLUB THAILAND:::

จัดไปสำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยเปลี่ยนเอง เมื่อสงสัยว่าเครื่องร้อน วาล์วน้ำทำงานไหม หรือสกปรกมาก ถอดออกมาดู หรือเปลี่ยนไปเลยสบายใจหน่อย วาล์วน้ำแท้ 785 บาท ท่อน้ำบน 116 บาท ท่อล่าง 156 บาท ฝาปิดหม้อน้ำ 121 บาท ทุกอย่าแท้หมด ส่วนฝาครอบวาล์วตัวนอก เทียมเพราะงานด่วนไปซื้อของแท้ไม่ได้เลยหาเอาแถวใกล้ๆ 250 + ค่ามอไซต์รับจ้าง อีก 70 บาท มาเริ่มลงมือกันเลย ดูตามรูปละกันครับ

ลืมไป นี่ลักษณะวาล์วน้ำแท้ และ เทียม

มอเตอร์พัดลมหม้อน้ำเทียมแท้ๆ ยี่ห้อ เย๊นเย็น ซื้อมาแบบแพง 850 ต่อก็ไม่ลด ร้านแถวหน้าสะพานใหม่ SK อะไหล่ขายที่ 750 (แยกลาดปลาเค้า จากทาง ม.เกษตรไปเลี้ยวขวา) :-[

คราวหน้าถ้าซ่อมอะไรจะจัดมาให้นะครับ อย่าให้ได้ซ่อมบ่อยเลยขี้เกียจเสียเงินค่าอะไหล่ ขี้เกียจมือดำ  :D

ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ   :-* :-* :-* :-*

ขอบคุณคัฟ ความรุ้ดีดี กำลังจะเช๊ดระบบน้ำเหมือนกันคัฟ

 :-* :-* :-*

บางช่างเค้าว่า  วาล์วน้ำในบ้านเราไม่ใช้ก็ได้ ญี่ปุ่นใช้เพราะเป็นเมืองหนาว  หมายถึง ให้น้ำไหลผ่านอยู่ตลอดเวลา ซึ่งต้องเกย์วาล์วนิดหน่อย  เข็มความร้อนก็จะอยู่ประมาณ 1/4 ไม่ถึงครึ่ง  และไม่มีผลกระทบใด ๆ กับเครื่องยนต์ เลยขอถามผู้รู้ว่า ควรทำเช่นนี้หรือไม่อย่างไร  ขอบคุณครับ

วาล์วน้ำมีหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของน้ำให้คงที่ตลอดเวลา วาล์วน้ำจะทำงานตามค่าอุณหภูมิที่เขากำหนดไว้ เช่น ถ้ากำหนดให้วาล์วเปิดที่ 78 องศา ขณะที่เครื่องยนต์สตาร์ทใหม่ๆรับรองได้เลยว่าอุณหภูมิยังไงก็ไม่ถึง วาล์วน้ำจะปิดเพื่อไม่ให้น้ำไหลวนไปยังหม้อน้ำ เพราะเขาไม่ต้องการให้เอาน้ำไประบายความร้อนทิ้ง เครื่องยนต์จะทำงานโดยไม่สึกหรอก็ต่อเมื่อเครื่องยนต์มีความร้อนตามค่าที่กำหนด เขาจึงมีเซนเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำอีกตัวคอยควบคุมพัดลมหม้อน้ำให้ทำงานเพื่อระบายความร้อนส่วนเกินที่ไม่ต้องการออกไป ถ้าเครื่องเย็นลงวาล์วน้ำก็จะปิดลงตามอุณหภูมิเพื่อไม่ให้น้ำออกไประบายความร้อน ฉนั้นวาล์วน้ำมีหน้าที่รักษาอุณหภูมิเครื่องยนต์ให้คงที่ ถ้าเอาออกไปมันก็ไม่สามารถรักษาอุณหภูมิให้คงที่ตามค่าที่วิศวะกรเขาออกแบบได้  ผมว่าคนไทยเราเก่งเกินญี่ปุ่นเขาครับ แต่ไม่ค่อยจะเห็นรถยนต์ยี่ห้อของคนไทยออกมาวิ่งกันเท่าไหร่นัก แต่เห็นคนไทยเราคิดเก่งกันจริงๆครับ

อัพเรื่องมอเตอร์พัดลมหม้อน้ำให้ต่อนะ

ต่ออีก1

เจอพอดีว่าจะเปี่ยนพัดลมอยู่พอดี

ได้ผู้ถ่ายทอดวิชา อีกคนแล้วครับ พี่น้อง CIVIC
ผมชอบมาก แบบที่มีรูปและมีคำอธิบาย  ขอดันครับ :-*

บางเรื่องผมก็มาเรียนรู้ในนี้ครับ ต้องยกเครดิตให้พี่ๆทุกท่าน สมัยแรกๆผมก็ล้างปีกผีเสื้อไม่เป็นหรอกครับ แกะไม่เป็นด้วยซ้ำ พอดีได้ไปเรียนทฤษฎีและปฏิบัติมาบ้าง แต่ที่เรียนใช้เครื่องโตโยต้า 4AGE แต่ทางทฤษฎีแล้วคือหลักการเดียวกันครับ นำความรู้นั้นมาใช้กับฮอนด้าครับ หลักการเดียวกันครับ เพียงแต่อุปกรณ์ต่างกัน การตรวจวัดก็ย่อมมีต่างกันบ้างครับ ขอบคุณครับที่ให้ความสนใจครับ

รถผมมีปัญหาความร้อนขึ้นสูง เข็มชี้เกือบถึง H เลยครับ ด้วยเหตุที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจในการเปิดฝาหม้อน้ำดูน้ำเท่าไหร่ ดูแต่ถังพักน้ำ ที่ถังพักน้ำมันก็ยังอยู่ปกติ ไม่ขาดไม่เกิน เลยคิดว่าสบายใจได้ ขับไปขับมาไม่เคยมองเข็มความร้อนที่หน้าปัทม์ พอมาดูอีกทีเข็มขึ้นสูงลิ่วเลย ตายห่าาาาา อะไร ไปดูถังพักน้ำก็ปกติ พอเปิดฝาหม้อน้ำดูขี้โคลนเหนียวๆมาจากไหนไม่รู้อุดฝาหม้อน้ำอยู่ เอามือล้วงออกเหนียวกรังเลย พอล้วงออกเสร็จส่องลงไปในหม้อน้ำ น้ำแห้ง เติมน้ำเข้าไปเป็นลิตรเลย แล้วถอดท่อยางเล็กๆที่ต่อไปถังพักน้ำไปล้าง รูมันก็มีขี้โคลนเกาะอยู่ ผลสุดท้ายไม่สบายใจ กลัววาล์วน้ำตัน เลยรื้อออกมาเปลี่ยนวาล์วใหม่ท่อน้ำใหม่ ประกอบกับพัดลมหมุนบ้างไม่หมุนบ้าง เลยรื้อเปลี่ยนหมดเลยดังที่ได้ตั้งกระทู้ไว้

ไล่ระบบไฟฟ้าวงจรแล้วก็ปกติ ไม่มีสายขาด ฟิวส์ก็ไม่ขาด เลยไล่เปลี่ยนไปหมดเลย พอรื้อวาล์นน้ำออกมาซีลมันก็ขาดเลยต้องเปลี่ยน ท่อน้ำก็เก่าแล้ว ฝาครอบวาล์วน้ำก็สนิมกินจนทะลุ พัดลมก็ไม่หมุน เข็มความร้อนก็ขึ้นสูง ไม่ได้แล้วต้องจัดการให้หายสงสัย ถอดสวิทซ์ความร้อนพัดลมไปต้มน้ำตรวจการต่อวงจรแล้ว มันก็ทำงานที่ 96 องศาขึ้นไป ในสเปคมันบอกประมาณ 91-95 ไม่ได้การเลยเปลี่ยนใหม่ของแท้อีก 1782 บาท ถ้าของญี่ปุ่นประมาณ 500 บาท ล้างหม้อน้ำไป 400 สรุปหม้อน้ำตันด้วยครับ เปลี่ยนแทบทุกอย่างยังร้อนอีก ชักจะปวดหัวแล้วสิ อะไรของมันวะ

วันนี้เลยไปทำการถอดตัววัดอุณหภูมิความร้อนที่อยู่ใต้จานจ่าย ตัวเล็กๆที่มีเขี้ยวเดียว ดึงแทบไม่ออก ดึงจนปลั๊กที่มันผ่านความร้อนมานานแตกเลย จึงออก ผลคือมีความสกปรกมาก เลยล้างทำความสะอาด เสียบกลับเข้าไปใหม่ พอวิ่งอัดๆไป เข็มความร้อนก็ขึ้นอีกแต่ลดลงมากว่าเดิมหน่อยหนึ่ง สงสัยมากเลยใช้ลูกบล็อคเบอร์12 ถอดตัวนี้ออกมา ก็ดูมีคราบผงๆฝุ่นนิดหน่อย เลยล้างด้วยผงซักฟอก เอาสก๊อตไบรท์ขัดๆออกให้สะอาด แล้วเอามาประกอบกลับเข้าเหมือนเดิม เสร็จก็เติมน้ำ สตาร์ทเครื่องยนต์เร่งรอบให้สูงๆ แต่ยังไม่ได้ปิดฝาหม้อน้ำ น้ำก็ดันพุ่งปุดๆออกมา วาล์วน้ำก็ยังไม่เปิดสักที บีบดูท่อยางล่างก็อ่อนๆไม่มีแรงต้านนิ้ว แสดงว่าวาล์วน้ำไม่เปิด จึงต้องเติมน้ำใหม่แล้วปิดฝาหม้อน้ำ แล้วเร่งเครื่องไปเกือบ6000 รอบ เพื่อให้เรื่องร้อน ต้องการให้วาล์วน้ำเปิด

เมื่อวาล์วน้ำเปิดสวิทซ์พัดลมความร้อนโดนน้ำร้อนๆไหลผ่านจึงทำการต่อวงจรให้พัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำทำงาน แสดงว่าวงจรปกติ สักพักจึงดับเครื่องยนต์ แล้วหาผ้าหนาๆมาคลุมปิดฝาหม้อน้ำเอาน้ำเย็นราดลงไปแล้วค่อยๆบิดฝาหม้อน้ำเพื่อเปิดเติมน้ำ ที่ต้องเติมตอนนี้เพราะวาล์วน้ำยังเปิดอยู่ มันจะไล่ลมง่ายกว่า เติมน้ำได้เต็มระบบดีกว่า ถ้ามีแรงดันจากภายในหม้อน้ำพ่นออกมาก็จะไม่โดนเราเพราะเราได้เอาฝ้าปิดไว้อยู่ รอจนมันหมดแรงดันสักพักรีบเปิดฝาหม้อน้ำเพื่อเติมน้ำทันที เมื่อเต็มก็ให้ปิดฝาหม้อน้ำ และเติมน้ำในถังพักน้ำด้วยให้สูงกว่าระดับ max นิดหน่อย เพราะเมื่อเครื่องเย็นแล้วมันจะดูดน้ำจากถังพักเข้าไปได้เต็มพอดี เมื่อเครื่องเย็น เปิดฝาหม้อน้ำดูอีกครั้ง ถ้าขาดให้เติม ถ้าพอดีก็ให้ดูที่ถังพักน้ำให้อยูในระดับ max ทีนี้ผมลองติดเครื่องยนต์ แล้วเร่งรอบไปเกือบ 7000 รอบ ปรากฏว่าเข็มความร้อนเป็นปกติ ไม่ขึ้นสูงอีก พัดลมทำงานปกติ ตอนนี้เอามอเตอร์พัดลมตัวเดิมที่เปลี่ยนถ่านแล้วกลับมาใส่ ตัวที่ซื้อมาใหม่ถอดออกแล้วครับ ตอนเย็นวิ่งกลับบ้านลองลากเกียร์ต่ำๆไปสัก 4000 รอบ เข็มความร้อนไม่ขึ้นอีกเลย

สรุปงานนี้คือ หม้อน้ำตัน เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิมันสกปรก ปลั๊กมันก็สกปรก สวิทซ์พัดลมหม้อน้ำทำงานไม่ตามค่าที่กำหนด มอเตอร์พัดลมหม้อน้ำสกปรก เพราะไม่ค่อยได้สนใจดูแลมันเลย ไปใสใจแต่เรื่องอื่น เฮ้อชีวิต แต่งานนี้ก็ถือว่าจบไปได้ด้วยดี จึงเอามาเล่าให้ฟัง เพื่อเป็นแนวทางในการรักษาอาการป่วยของรถท่านทั้งหลายครับ :'(

โครงการต่อไปคือเปลี่ยนบูชปีกนกหลัง ตัวใหญ่ๆน่ะครับ ขาดแล้ว แต่ไมรู้จะไหวไหมเพราะมันใหญ่มาก ดูท่าจะหนัก ไม่มีลูกมือช่วย จะไหวไหมเนี่ย แต่ต้องลองกำลังตัวเองสักหน่อยงานนี้ ถ้าไหวคงได้เอามาถ่ายทอดกันอีกครับ รอสิ้นเดือนเงินเดือนออกก่อนครับ ดูท่าจะหลายตังอยู่ เพราะผมเน้นอะไหล่ญี่ปุ่นครับเพราะเปลี่ยนทั้งทีขอเอาดีหน่อยครับ

อีกอย่างนึงครับลืม ถ้าเครื่องร้อนจัด มีน้ำดันออกมาจากหม้อน้ำจนล้นถังพักน้ำสำรอง น้ำเดือดปุดๆเลย คืออาการฝาหม้อน้ำไม่สามารถรักษาแรงดันได้แล้ว น้ำในหม้อน้ำจะถูกดันทิ้งทำให้น้ำขาดจากหม้อน้ำ อาการนี้อันตรายมากครับ เครื่องจะร้อนจัด อาจถึงลูกสูบติดได้ ผมว่าซื้อของแท้ดีกว่านะครับ 121 บาท ผมโดนของเทียมมาแล้วซื้อตามร้านขายอะไหล่นี่แหละมีซองห่ออย่างดี ตีตราฮอนด้าประเทศไทยด้วย 100 บาท พอซื้อมาใช้สักพักเจ้งครับ พอมาซื้ออีกที่ที่เขาจำหน่ายอะไหล่ฮอนด้าโดยตรงมีจุดสังเกตุต่างกันอยูคือ
1 ของแท้จะปั้มโลโก้ลึกลงจนเป็นร่องลึกเห็นได้จนถึงข้างใต้ฝา ของเทียมใต้ฝาจะเรียบไม่มีรอยปั้มลงมาถึง
2 Logo ของแท้จะเป็นรูปเหมือนวงกลมใหญ่กับวงกลมเล็กติดกันเลย ปั้มลึกลงมองเห็นถึงด้านล่าง  ของเทียมเป็นวงใหญ่ แยกออกจากวงเล็ก อยู่ห่างกันไม่ติดกัน ปั้มไม่ลึก มองด้านล่างไม่เห็น
3 ของแท้ใช้กระดาษสติ๊กเกอร์ที่คล้ายแผ่นพลาสติกโดนน้ำไม่เปื่อย ของเทียมเป็นกระดาษธรรมดาโดนน้ำเปื่อยเลย

ต้องขอโทษทีครับในมือถือมันไม่ยอมให้อัพรูป เดี๋ยวค่อยอัพให้ดูวันหลังนะครับ

ขอบคุณครับ :-*

ได้แหล่งความรู้อีกล่ะ  :-*

อื้อ ถ้าเป็นไปได้ ขอพิกัดภาพ.... ชัดๆหน่อยครับ เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิมันสกปรก ปลั๊กมันก็สกปรก สวิทซ์พัดลมหม้อน้ำทำงานไม่ตามค่าที่กำหนดระบบไฟ Sensor มีปัญหาก็งานเข้าได้เหมือนกัน  บางคนแก้ไขไม่ถูกจุด ไล่กันยาว  .....ขอบคุณครับ  :-* :-* :-* :-*

อัพให้ต่อครับ

ต่อครับ

เพิ่มเติม

ต้องขอโทษนะครับที่เรียบเรียงไม่ค่อยดีน่ะครับ อ่านๆเอาก็ทนๆเอาหน่อยครับ แต่พอน่าจะจับใจความได้นะครับ รีบน่ะครับจะเลิกงานแล้วววววว

ส่วนระบบไฟก็ไล่ตามวงจรนี้น่ะครับ ถ้าใครไม่มีก็ไปหาโหลดในนี้แหละครับ ผมก็ได้คู่มือ วงจร จากที่นี่แหละครับ

ภาพที่ได้มันไม่ชัดเพราะผมเอาไฟล์มันลงมือถือแล้วดูในมือถือเอา จับภาพหน้าจอมาครับ แต่พอเป็นแนวทาง สมาชิกท่านใดต้องการก็หาโหลดเอานะครับ เพราะผมจำหน้าไม่ได้แล้วครับว่าอยู่กระทู้ไหน :'(

บางทีเปลี่ยนทุกอย่างแล้ว แต่เสียที่ตัว ECT Sensor ก็มีนะครับ  วาล์วน้ำเปิด ความร้อนขึ้นเพราะพัดลมไม่ยอมทำงาน เพราะตัว ECT Sensor ไม่ยอมต่อวงจรไปสั่งกล่องให้พัดลมความร้อนทำงาน เพราะมันไม่ครบวงจร ผมไล่จนมาถึงสองตัวนี้แหละครับ อาการเป็นๆหายๆ แต่คิดว่าน่าจะมาจากตัวใดตัวหนึ่งในสองตัวนี้ วันนี้จะลองวิ่งอัดเร็วๆดูความร้อนจะขึ้นไหม เอาไว้ให้ผมจบปัญหาแล้วจะมาต่อยอดครับ

1 ECT สวิตซ์ การทดสอบ ถอดออกมาทำการต้ม ต้องใช้ปรอทวัดอุณหภูมิเป็นอุปกรณ์ประกอบด้วยครับ เอาด้านล่างที่เป็นทองเหลืองจุ่มลงไปในน้ำให้ท่วม หันด้านที่เป็นปลั๊กขึ้นมา เอาสายไฟเสียบเข้าที่ขั้วสวิตซ์ ขั้วละ1เส้น แล้วต่อกับมัลติมิเตอร์เข็ม สายแดงต่อเส้นหนึ่ง สายดำต่ออีกเส้นหนึ่ง หรือจะทำปากคีบเลยก็ได้ครับ แล้วปรับย่านการวัดไปที่การวัดโอมห์ Rx1 ต่อทิ้งไว้เลยครับ
เอาปรอทจุ่มลงไปในน้ำ แต่อย่าให้ปรอทสัมผัสกับวัสดุใดนอกเหนือจากน้ำเท่านั้นเพื่อไม่ให้ค่าที่วัดผิดเพี้ยนไป ต้มไปจนถึงอุณหภูมิ 91-95 องศาเซลเซียส ตาจ้องมองไปที่ปรอท กับ มิเตอร์ เมื่ออุณหภูมิถึงค่าที่กพหนดไว้นี่ เข็มมิเตอร์ต้องชี้ขึ้น ถ้าไม่ขึ้นระหว่างช่วงนี้ให้เปลี่ยนใหม่ แต่ในความเห็นส่วนตัวผมถ้ามันต่อก่อน 91 นิดหน่อยผมถือว่ายังใช้ได้นะครับ หากใครจะใช้ผมว่ามันก็ยังไม่ร้ายแรงเท่าอุณหภูมิสูงเกินค่าที่กำหนดแล้วไม่ต่อวงจร แบบนี้เครื่องร้อนแน่ๆครับ

2 ตัววัดอุณหภูมิน้ำที่ส่งข้อมูลไปหน้าปัทม์ ผมพยายามหาข้อมูลแล้วครับ ในคู่มือไม่ได้กล่าวไว้ว่าทดสอบยังไง ในส่วนของระบบน้ำผมว่าผมดูแล้ว แต่หาไม่เจอจริงๆครับ ผมลองโทรไปถามร้านที่เขาขายอะไหล่ที่ผมไปซื้อแล้วเขาบอกไม่รู้ข้อมูลทางเทคนิคครับ ราคาของแท้ เก้าร้อยกว่าบาท ถ้าของญี่ปุ่น 250 บาทครับ ต้องให้พวกพี่ๆช่วยวัดโอมห์ที่รถของท่านเทียบให้หน่อยครับว่ามันกี่โอมห์ ตัวนี้คงใช้การวัดโอมห์น่ะครับ เพื่อเช็คว่าค่าความต้านทานยืดค่าหรือเปล่า ต้องลองเทียบหลายๆท่านล่ะครับ เพราะผมไม่มีสเปคเลยครับ
วิธีการวัด ถอดปลั๊กเขี้ยวเดียวออก แล้วใช้มิเตอร์ตั้งค่าไปที่ Rx1 จิ้มสายมิเตอร์ ด้านหนึ่งลงที่เขี้ยวมันเลย สายมิเตอร์อีกเส้นวัดที่ตัวถังรถหรือเสื้อสูบ เรียกง่ายๆว่าลงกราวน์ ดูค่าที่ได้ว่าได้กี่โอมห์ ต้องเทียบกับรถของท่านที่ไม่มีปัญหาเรื่องระบบน้ำหรือความร้อนนะครับว่าได้เท่าไหร่ ของผมวัดได้ประมาณ 180 โอมห์ครับ หรือใครมีเครื่องมือดีๆที่เป็นมิเตอร์ดิจิตอลที่น่าเชื่อถ่อได้ก็วัดได้ครับ แต่บางยี่ห้อกะโหลกกะลาค่ามันจะเพี้ยนมากนะครับ ผมใช้มิเตอร์เข็มซันวา ญี่ปุ่นครับ

ส่วนตัวที่3 ECT (Engine Coolant Temperature Sensor) ตัวนี้ผมก็ยังหาคำตอบอยู่ครับ พอดีไม่เก่งภาษาอังกฤษ เลยพอเดาๆเอาน่ะครับ จากคู่มือ Honda Civic 1996 บทที่ 11 หน้า 76 ครับ แปลมั่วๆประมาณว่า
1 สตาร์ทเครื่องยนต์ ไม่ต้องเปิดโหลดใดๆ เร่งเครื่องไว้ที่ 3000 รอบ จนกว่าพัดลมหม้อน้ำจะทำงาน หลังจากนั้นจึงปล่อยให้อยู่ในสถานะเดินเบา
2 ใช้เครื่องมือสแกน เพื่อเช็ค ECT (พอมาถึงตรงนี้ผมเลยจบเลยครับ)

ตัว ECT ค่าโอมห์ประมาณเท่าไหร่ครับ

ECT เซ็นเซอร์ ตัวที่อยูด้านนอกตรงท่อน้ำบนของผมวัดได้ 1700 โอมห์ครับ
ส่วนตัว ECT สวิตซ์ ที่อยู่ตรงวาล์วน้ำ ผมไม่ได้วัดเพราะเขาให้ทดสอบโดยการต้มน้ำครับ เมื่อทดสอบแล้วมีปัญหาเลยเปลี่ยนเลยครับ
ส่วนตัวเขี้ยวเดียวผมวัดได้ 180 โอมห์ครับ

ECT สวิตซ์ ตรงวาล์วน้ำ วัดโอมห์ไม่ได้นะครับ เพราะมันทำหน้าที่ตัดต่อแบบคล้ายรีเรย์  คือเมื่อความร้อนถึงค่าที่กำหนด มันจะต่อหน้าคอนแทค เรียกง่ายๆว่าสะพานไฟ ยอมให้ไฟไหลผ่าน ต่อเมื่อความร้อนถึงค่าที่กำหนด พอความร้อนลดลงก็ตัด จึงไม่จพเป็นต้องวัดโอมห์ ต้องทดสอบโดยการต้มน้ำให้ความร้อนถึงค่าที่กำหนดแล้วดูการต่อสะพานไฟครับ เมื่อเราใช้มิเตอร์แตะไว้ที่ขั้วถ้าวงจรหรือสะพานไฟต่อ เข็มมิเตอร์ก็จะชี้ขึ้น แต่ไม่ต้องไปสนใจค่ามันครับว่าขึ้นเท่าไหร่

มีข้อมูลเพิ่มจะพยายามทำให้จบครับ เหลือแค่นิดเดียวจริงๆครับ :-\

จากคู่มือกล่าวไว้ว่า ที่อุณหภูมิ 80-93 องศา ECT sensor พร้อมจะทำงาน รอเพียงให้วาล์วน้ำเปิดที่ 78 องศา  ให้น้ำร้อนไหลผ่าน ECT Switch ที่อุณหภูมิประมาณ 91-95 องศา (นี่คือระบบทำงานที่สมบูรณ์)พัดลมหม้อน้ำจะทำงาน ถ้าพัดลมหม้อน้ำทำงานล้มเหลวเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ทำงาน ให้ตรวจเช็คระบบน้ำ แต่ถ้าระบบน้ำโอเค คือ วาล์วน้ำเปิด(วิธีดูก็คือเมื่อเราสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ๆ ขณะเครื่องยังไม่ร้อนท่อน้ำล่างจะพองถ้าเราเอามือบีบดูจะแข็งต้านนิ้ว เมื่อเครื่องยนต์ร้อนจนวาล์วน้ำเปิด จะสามารถบีบท่อน้ำลงได้ง่าย) เมื่อวาล์วน้ำเปิด ถ้ามอเตอร์พัดลมปกติ วงจรไฟฟ้าไม่ขาด พัดลมจะต้องทำงาน แต่อย่าลืมเงื่อนไขคือเราได้ทำการตรวจเช็ค ECT Switch แล้วว่าอยู่ในค่าที่กำหนด วาล์วน้ำก็เปิดแล้ว คือระบบน้ำปกติ หม้อน้ำก็ไม่ตัน ให้เปลี่ยน ECT Sensor (คู่มือไม่ได้เขียนละเอียดขนาดนี้หรอกครับ แต่ผมอ่านแล้วจับใจความมาแล้วอธิบายเสริมให้จัะได้เข้าใจง่ายขึ้นน่ะครับ)

เมื่อมาถึงตรงนี้ ECT senser คือผู้ต้องสงสัยที่สุด เนื่องจาก ในขณะที่ผมใช้งานรถช่วงแรกๆ ที่วิ่งอัดๆไปบ้าง เข็มความร้อนขึ้นเลย แต่พอใช้ไปสักพัก พัดลมก็ยังไม่ยอมทำงาน รอๆไปขับผ่อนๆไปเรื่อย หรือจอดอยู่กับที่ แต่ไม่ดับเครื่อง นานสักพัก ความร้อนมันลดลง เข้าใจว่าพัดลมได้ทำงานแล้ว เข็มจะลดฮวบลงเลย ถ้ารถจอดอยู่กับที่ แต่หยุดเปิดดูไม่ได้เพราะอยู่บนถนนที่รถเยอะมาก แต่ก็เคยดูตอนที่เข็มมันขึ้นเกือบสุด พัดลมนิ่งสนิทเลย แต่ถ้าได้หมุนแล้ว ก็จะทำงานได้ ปกติแล้ว ในคู่มือบอกว่า ECT sensor อาจจะเสื่อม ให้เปลี่ยนใหม่
  คือถ้ารู้ค่าโอมห์ ของตัวเขี้ยวเดียวว่าค่าเท่าไหร่ จบเลยครับ ฟันธงได้เลยงานนี้ ผมก็ไม่รู้ มันน่าจะเรียกเซ็นเซอร์นะ เพราะมันทำหน้าที่เป็นตัวส่งค่าความต้านทานขึ้นหน้าปัทม์ วีธีการตรวจสอบคือวัดโอมห์ครับ

ECT sensor มันเป็นตัววัดความร้อน แปลงค่าความร้อนออกเป็นค่าความต้านทานส่งข้อมูลไปยังกล่อง ECM สเปคในชาร์ท บทที่ 11 หน้า 76 มีหน่วยเป็น kโอมห์ จากภาพ อุณหภูมิต่ำ -20 องศา ค่าประมาณ 20 k โอมห์
 30 องศา 2 k
40 องศา อยู่ที่ 1 k   100 องศา  0.25k
120 องศา อยู่ที่ 0.1 k (100 โอมห์) ถ้าอยากจะวัดจริงๆ ก็ต้องเอามาต้มดู ตามอุณหภูมิที่ว่านี้ แล้ววัดขั้วหาค่าโอมห์ ตั้งมิเตอร์ไปที่ 1k ก็ได้ครับ

ตัวนี้ ECT Switch วัดโอมห์ไม่ได้นะครับ มันทำหน้าที่เป็นสะพานไฟครับ วัดไม่ขึ้น จะวัดได้ต้องน้ำร้อนก่อนจึงจะต่อสะพานให้วัดได้ แต่เขาไม่วัดกันครับ ในภาพบนและล่างที่อ้างมาคือตัวเดียวกันครับ ติดอยู่ตรงวาล์วน้ำครับ

ครับ ขอบคุณ ที่เสริมให้ครับ ผมเปลี่ยนวาล์วน้ำใหม่เลยไม่ได้ต้มลองดูครับ ถ้าลองเปลี่ยน ECT sensor ไม่หายต้องรื้อวาล์วออกมาต้มดูอีกทีครับ ที่ไม่ได้ทดลองต้มก่อนเพราะเห็นว่าเป็นของแท้ เชื่อมั่นมากครับ เลยไม่ทดสอบ

เมื่อเช้า ฝนตก อากาศเย็น ขับมา เข็มไม่ขึ้นร้อนเลย ชี้กึ่งกลางปกติ วิเคราะห์ครับว่ามันยังไง รอค่าการวัดโอมห์ เซนเซอร์ วัดอุณหภูมิน้ำตัวเขี้ยวเดียวอยู่ครับว่ารถที่ไม่เคยมีประวัติความร้อนขึ้นเลยค่าอยู่ประมาณเท่าไหร่ครับ  :-\

ส่วนตัวของผม ตอนนี้ก็มีปัญหาเรื่องวาล์วน้ำเปิดช้าเกิน เข็มกระดิกขึ้นแล้ว
ก็ลงเมื่อ วาล์วเปิด ผมต้องการ test ระบบใหม่เองหมด ก็วางแผนไล่ระบบ
ตามคู่มือนั้นหละ แต่ต้องใช้เวลา กะจะเจาะแบบละเอียดทุกเม็ดเลย
พอดีกับท่าน จัดกระทู้นี้มาพอดี ก็ตรงตามแนวทางที่ผมวางแผนที่จะทำ
เลย ดีครับ จะเอาข้อมา share ให้เติมเต็มให้กระทู้มันสมบูรณ์ไปในตัว
เลย ในระบบ  cooling เปิดอ่านในกระทูนี้ ก็ให้จบไปในตัวเลย เหลืออีกไม่มากครับ :-*

ถ้าเป็นผมผมสงสัยตัว ECT Sensor ที่สุดครับ แต่ยังไม่มีเวลาทดสอบครับ เอาออกมาต้มตั้งค่าความร้อนไว้ว่าเท่าใดแล้ววัดโอมห์ ผมว่าผมวัดไม่ผิดนะของผมวัดได้ 1700 โอมห์ แต่ค่าที่มันกำหนดมา ตั้ง 20 K โอมห์ ถ้าวัดไม่ผิดคือค่ามันหายไปมากเลย วันนี้ถ้าว่างๆฝนไม่ตกจะเอามิเตอร์ FLUK ไปวัดสักหน่อยครับ ไม่รู้เขียนชื่อมันถูกหรือเปล่าไม่ได้จับนานแล้ว ซื้อมาแล้วเข้าตู้ไม่ค่อยได้ใช้เลย เอาไว้วัดค่าไฟจาก O2 sensor บ้าง เป็นบางครั้ง

 8)ของผมต้องมาบูรณะใหม่เหมือนกัน ปั๊มน้ำรั่วหยดติ๋งๆ

นอกจากนั้น คงหันมาดูระบบไฟ เซ็นเซอร์ต่างๆ ที่คุณ Sitti2519 ได้ทำไว้ก็น่าจะครอบคลุมในระบบ Cooling[/b][/size][/color]

ขอบคุณมากๆครับที่ช่วยเสริมจุดที่ขาดไปให้ครับ

เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำ ของญี่ปุ่น 250 บาท แท้ราวๆ 924 บาท ตอนนี้ขอใช้ของ เจแปนก่อนแล้วกันครับ เพราะงบหมด วันนี้ซื้อ ของหมดไป 6126 บาทแล้ว
ไว้เปลี่ยนอะไหล่เครื่องล่างน่ะครับ มี
บู๊ชกันโคลงหลัง 4 ตัว ๆ ละ 297
บู๊ชสวิงอาร์มหลัง 2 ตัว ๆ ละ 954
แขนยึดปีกนกบนตัวหลัง ซ้ายขวา 2 ตัว ๆ ละ 1258
ปะเก็นอ่างน้ำมันเครื่อง 490
และตัวนี้ เขาเรียกภาษาไทยว่าสวิตซ์วัดความร้อน ECT sending unit 250
ผอมเลยครับวันนี้ :-[

เย็นนี้จะลองเปลี่ยนตัวนี้ดู แต่คงไม่ได้ลองวิ่งเป็นแน่รถติด คงวิ่งอัดเร็วๆไม่ได้ เอาไว้มีโอกาส ผลออกมายังไงจะมารายงานครับ

จวนปิดงานแล้วครับ อีกนิดเดียวเองครับ ;D

ส่วนตัวก็สงสัยเช่นเดียวกัน ECT = เซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำ  มีหน้าที่วัดความร้อนหม้อน้ำแล้วส่งไปที่กล่อง ECU  ตัวนี้ผมว่ามันเพี้ยนๆ
เพราะน้ำร้อนซะขนาดนั้นวาล์วไม่เปิดได้ยังไง  อาการของผมอยู่ในช่วงแรกๆตอนวิ่งใหม่ๆ ซึ่งเข็มจะตีขึ้นทำงานปรกติ ฉะนั้น ตัวเขี้ยวเดียว
เล็กๆ คิดว่าคงไม่เสียเป็นแน่แท้  เพราะ ทำงานตามปรกติ เวลาหม้อน้ำเดือด เข็มขึ้น


ส่วนตัวบอกตรงๆ ไม่ได้เช็ค 2 ตัวนี้เลยปล่อยทิ้งไว้ไม่เคยสนใจ นอกนั้นทำหมด ไม่รู้เพราะอะไร ปล่อยปะละเลย ทั้งๆที่สำคัญ  ดูสภาพก่อนนะครับ
ซีลคอจานจ่ายไม่ดีหละ น้ำมันเลยหยดลงมา ใส่ตัวเซ็นเซอร์ ทั้ง 2 ตัวใต้จานจ่าย  เวลาไม่มีทำ มองดูตาปริๆ  เพราะ ทุกวันเข้าบ้านก็ถึง 2-3 ทุ่ม
ก็หมดแรงแล้ว

สภาพเหมือนยาจก ซกหม๊กมากครับ อย่าเอาอย่างผม ไม่ดี ไม่ดี :-[ :-[ (https://www.welovecivic.com/go.php?url=https://www.welovecivic.com/go.php?url=https://www.welovecivic.com/go.php?url=https://www.welovecivic.com/go.php?url=https://www.welovecivic.com/go.php?url=https://www.welovecivic.com/go.php?url=https://www.welovecivic.com/go.php?url=https://www.welovecivic.com/go.php?url=https://www.welovecivic.com/go.php?url=https://www.welovecivic.com/go.php?url=https://www.welovecivic.com/go.php?url=) (https://www.welovecivic.com/image/link.png) (https://www.welovecivic.com/image/link.png) (https://www.welovecivic.com/image/link.png) (https://www.welovecivic.com/image/link.png) (https://www.welovecivic.com/image/link.png) (https://www.welovecivic.com/image/link.png) (https://www.welovecivic.com/image/link.png) (https://www.welovecivic.com/image/link.png) (https://www.welovecivic.com/image/link.png) (https://www.welovecivic.com/image/link.png) (https://www.welovecivic.com/image/link.png)

วันนี้ทดลองเปลี่ยน ECT Sending Unit ญี่ปุ่นไปแล้ว วัดค่าโอมห์ของใหม่ได้ประมาณ 750 โอมห์ ครับ ใส่เข้าไปแล้วก็เหมือนเดิม คือช่วงแรกๆเข็มตีขึ้นแต่ไม่ถึงกับ H ขับไปนานพอสมควร เข็มค่อยลดลอง แต่ถ้าได้ลดลงแล้วก็จะไม่ขึ้นอีก ต่อให้เหยียบแค่ไหนก็ตามครับ แบบนี้คงต้องหมายหีว ECT Sensor แล้วครับ พรุ่งนี้ถ้าว่างๆจะถอดมันออกไปต้มดูหน่อยครับ ตามค่าที่กราฟมันบอกไว้ว่าจะได้ตามนั้นไหม ตัวนี้ของแท้ 1050 บาทครับ วันนี้ถามหาของญี่ปุ่น รายการนี้บอกไม่มีครับ ไม่รู้พี่ซื้อที่ไหนราคาเท่าไหร่ครับ  ;D

ผมว่าพี่เปลี่ยนตัวนี้เสร็จ อาการนี้ผมว่าน่าจะหายครับ ถ้ายังไม่หายยังมีให้ทดสอบต่ออีกสองหน้าถัดจากคู่มือที่ผมได้กล่าวไว้ คือถ้าทุกอย่างไม่เสีย มันบอกว่าเสียที่กล่อง ECM ครับ มันบอกให้เปลี่ยนกล่องครับ  ;) เวรเลยแหละถ้าแบบนั้น แต่ถ้าเป็นผม ผมจะรื้อกล่องออกมาแกะดูเลย ยังไม่เคยดูข้างในมันเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง ไม่รูมีตัวเก็บประจุอิเลคโตรไลท์ในนั้นไหม ถ้ามีมันบวมไหม ถ้าบวมก็เปลี่ยนใหม่ ถ้าแค่นี้ไม่น่ายาก แต่ถ้าต้องไล่วงจรหาจุดเสียคงไม่ไหวครับ

ตัวล่างสุดสองตัวนี้ ช่วยกรุณาวัดโอมห์ให้ด้วยก็ดีนะครับ จะได้เอาไว้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบดีเสียได้ครับ ตัวใหม่ของพี่วัดได้กี่โอมห์ครับ ::)

ติดตามความรู้นี้อยู่ตลอดนะครับ
ได้ผู้มีประสบการณ์ทั้ง 2 ท่าน มาร่วมต่อเติมความรู้ให้สมบูรณ์อย่างนี้ พี่น้อง CIVIC คงได้ของแท้ถูกต้องไปแน่นอนครับ
และขออภัยที่มา post กระทู้แซกกลาง ทำให้ข้อมูลไม่ติดต่อ 
และขอบคุณสำหรับการถ่ายทอดวิชา  ทำให้ผมเริ่มกล้าที่จะลองรื้อดูบ้างแล้วเพราะจะดูว่าที่ใช้ผงซักฟอกล้างหม้อน้ำไปผลเสียเป็นอย่างไรบ้าง   

ผมลองเดาๆเห็นภาพลางๆแล้วว่าของท่าน  sitti2519 ถ้าเปลี่ยน ect sending unit แล้ว
ผมว่ายังไงก็ไม่หาย เพราะ ตัวที่เสียคือ ect sensor เพราะค่ามันเพี้ยนไปจากเดิมที่กำหนดแล้ว
ก็เหมือนอย่างผมนั้นหละ  ระบบมันร้อนแล้ว แต่ ect sensor มันไม่วอ่งไปบอก ecu ให้เร็ว
ๆว่า น้อนแล้วน่ะโว้ย ไปสั่งให้วาล์วน้ำเปิดได้แล้ว

ในทั้งๆที่ ect sending  unit มันก็ทำงานแล้วบอกให้เราชัดเจนแล้วว่า เครื่องเริ่มร้อนแล้วน่ะ
จะทำอะไรก็รีบทำ....เปรียบเทียบเป็นอย่างนั้น

ฉะนั้น  ของท่านเริ่มงานก่อนผม ก็ไปหา  ect sensor มาจัดเลยครับ น่าจะหาย ถ้าไม่หายเราก็ไปต่อ
เรื่องอื่น เอาแบบสุดกึ๊นเลย ซ่อมไม่ว่าขอให้ซ่อมแบยตรงจุด  click to the point นี้ซิคือ professional

ผมยังไม่ไดจัดท่าน ตอนนี้ยังไม่ถึงบ้านเลย ขั้นแรกจะเอามาทำความสะอาด ขัด วัดค่าก่อนครับ
ถ้าเสีย ผมก็คงหามาจัดเลย  ซ่าดีนัก :-* :-*

ไม่หรอกครับ พอรู้ก็เลยเอามาเผยแพร่ ตอนนี้มีเวลารู้ แต่ไมีมีเวลาทำครับพี่ ;D

ท่านเอา ect sensor มาขัดดูก่อนครับ กระดาษทรายหยาบๆขัดให้เหลืองเลย
ไม่ต้องกลัวเสียนะครับ คราบโคลน สนิม มันฝั่งแน่น เอาให้เห็นทองเหลืองเลย
น่าจะดี ผมเคยทำมาได้ผลไม่เสียเงิน ถ้ามันเสียจริงค่อยเปลี่ยนใหม่

ผมแค่คนผ่านทางมาน่ะครับ ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ ที่ทำก็แค่ซ่อมรถตัวเองเท่านั้น คงไม่สามารถให้ความรู้อะไรท่านได้ ตอนแรกกะจะทำแบบง่ายๆให้คนมือใหม่จริงๆได้อ่านให้เข้าใจ และสามารถลงมือทำเองได้ จึงพยายามอธิบายประกอบภาพไปด้วย แต่บางทีมันก็ไม่ได้ถ่ายไว้ ขาดตกบกพร่องไปบ้าง ถ้าไม่มีคนสนใจก็กะจะจบโครงการม้วนเสื่อกลับบ้าน 55 แต่พอดีพี่ บูรณะศักดิ์ เขียนมาให้ทำต่อผมก็เลยทำต่อ เพราะเรื่องมันยังไม่จบ ผมก็ไม่ได้เป็นช่าง อาศัยอ่านคู่มือผสมเดาบ้างเพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ บางครั้งอ่านหลายกระทู้ ก็ไม่ชี้จุดให้ชัดเจน ผมก็ทำตามไม่ได้อยู่ดี เลยมีความคิดอยากช่วยมือใหม่ที่อยากซ่อมเอง แบบไม่ง้อช่าง ผมว่ามันสนุกดี ถ้าเราคิดถูก ทำถูกต้อง รถมันก็ใช้งานได้ดี ผมว่ามันเป็นงานอย่างหนึ่งที่ผมชอบทำเอง เพื่อพิสูจน์ความคิดว่าผมคิดถูกหรือคิดผิดได้ ซึ่งมันต่างจากงานประจำที่ทำ จึงลงมือซ่อมเอง เมื่อรู้แล้วก็อยากแบ่งปันความรู้นี้เพื่อเอาบุญ เกิดชาติหน้าจะได้เป็นผู้มีปัญญา เพราะเคยให้ความรู้แก่คนอื่นไว้ ต้องยกเครดิตให้พี่ท่านที่เรียกให้ผมมาเขียนต่อ เห็นไม่มีใครสนใจก็คิดว่าจะจบไปดื้อๆเหมือนกัน ผมคงไม่มีอะไรจะใหัท่านได้มากนัก แต่ถ้าได้ซ่อมอะไรไปก็คิดว่าจะเอามาลงให้ต่อไปอยู่นะครับ ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณ พี่บูรณะศักด้์ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

พรุ่งนี้ว่าจะถอดออกมาทำความสะอาดใหม่อีกที และลองต้ม วัดค่าดูอีกทีครับ ว่ามันได้ตามสเปคไหม ถ้าไม่ได้ก็คงต้องไปซื้อมาเปลี่ยนใหม่แหละครับ แต่กลัวพนักงานขายจะเหม็นขี้หน้าเอาน่ะครับ เดี๋ยวเขาว่าไอ้บ้านี่มาอีกแล้ว เห็นหลายรอบละ ไมมันไม่ซื้อไปทีเดียวให้มันจบๆวะ เขาคงคิดในใจอยู่น่ะครับ ร้านก็อยู่ไกลจริงๆ 
      ตอนนี้อยากทำเครื่องล่างใหม่จริงๆ เตรียมอะไหล่ไว้หมดแล้ว เหลือแค่รืัอปีกนกหลักออกมาทั้งชุดไปอัดบู๊ชใหม่ ขาดอย่างเดียวคือแรงงานครับ มีแต่ชิ้นใหญ่ๆทั้งนั้น จะไหวไหม๊ไม่รู้ คิดว่าเรื่องนี้จะเอามาลงอยู่ถ้าพร้อม

ขอบคุณครับ ถ้ามีโอกาสคงได้วิ่งไปดูอะไหล่ที่ร้านตามลิ้งค์นี้ดูครับ

ผมไม่ได้ซ่อมเป็นอาชีพขนาดนั้นครับ เลยไม่มีเครื่องมือขนาดนั้นครับ คงอาศัยประแจปอนด์ที่ด้ามยาวๆช่วยผ่อนแรงน่ะครับ มีอยู่ตัวหนึ่งขันได้ถึงน่าจะสัก150 หรือ 200 ปอนด์ จำไม่ได้คงมีแค่นั้นแหละครับที่ช่วยผ่อนแรงครับ  :-[

ผมอยู่คอนโดน่ะครับ ไม่มีที่ให้ซ่อม จะซ่อมทีไปที่ทำงานครับ หาลานทำ ต่อไฟฟ้าออกมายากครับ เลยไม่ค่อยได้สนใจพวกบล็อกลมเท่าไหร่นักน่ะครับ ไม่งั้นคงมีโปรเจคออกมาเยอะกว่านี้แน่ครับ ถ้ามีที่ทำขนาดนั้น ที่ทำนี้ก็เอาเวลาพักเที่ยง กับเลิกงานมาทำนิดหน่อยครับ ขอบคุณครับ ว่าหาซื้อปอนด์ตัวขันค่าต่ำๆอยู่สักหน่อยครับ ที่มีมันเริ่ม 30 ปอนด์ขึ้นไปยังสูงอยู่ อยากได้ของ King Tony ปอนด์ต่ำสุดจนถึงสักร้อยนี่ก็ดีเลยครับ

มาสรุปกันครับ ECT Sensor
ทำหน้าที่เป็น เทอร์มิสเตอร์ (Thermistors) ผมคุ้นๆคำนี้มาก นึกอยู่นาน นึกออกแล้ว สมัยเรียนซ่อมทีวี เทอร์มิสเตอร์ ทำหน้าที่วัดอุณหภูมิความร้อนแล้วเปลี่ยนค่าพลังงานความร้อนนั้นเป็นค่าความต้านทานจำไม่ได้ว่าใช้ในวงจรไหนของทีวี ถ้าจำไม่ผิดจะใช้ในวงจรดีเก๊าท์ซิ่งของทีวีหรือเปล่าไม่แน่ใจ
  หลักการทำงานของเทอร์มิสเตอร์ในระบบน้ำรถยนต์คือตรวจวัดค่าความร้อนของน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นค่าความต้านทานแบบปรับค่าได้ น้ำเย็นความต้านทานสูง  น้ำร้อนความต้านทานต่ำ ถ้าเทอร์มิสเตอร์อยู่ในสภาพดี ไม่เสื่อมค่า วัดความร้อนได้กับค่าที่แม่นยำ ก็จะส่งค่าที่ได้ออกไปแจ้งให้กล่อง ECM ทราบว่าตอนนี้ความต้านทานเท่านี้นะ เมื่อถึงค่าที่ถูกโปรแกรมไว้เช่น ใน สเปคบอกว่า 80-93 องศา กล่อง ECM จะต่อวงจรทั้งหมดให้พัดลมระบายความร้อนทำงาน เมื่อนั้นเข็มความร้อนก็จะลดลงได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเทอร์มิสเตอร์เสื่อมหรือยืดค่าค่าที่วัดได้ย่อมผิดเพี้ยนแน่นอน เครื่องร้อนจะตายเข็มความร้อนขึ้น แต่พัดลมไม่ยอมหมุน เข้าใจว่าพัดลมเสียไปซะงั้น ถอดมาทำความสะอาดเปลี่ยนแปรงถ่านเรียบร้อยก็แล้ว ต่อตรง หมุนติ้วๆ พอเข้าระบบไมายอมหมุน ไล่สายไฟทุกจุดปกติ ฟิวส์ก็ไม่ขาด รีเลย์พัดลมหม้อน้ำก็ไม่ขาด ยังไม่ยอมหมุน สงสัยวาล์วน้ำเจ้ง ก็เปลี่ยนใหม่แล้ว เปลี่ยน ECT Switch ก็แล้ว ฮ่วย...อะไรของมันวะ เข้าใจว่าตัวสวิตซ์วัดความร้อนหน้าปัทม์เสียก็เปลี่ยนแล้ว หม้อน้ำก็ล้างแล้ว ปั้มน้ำยังดีแน่นอนเพิ่งเปลี่ยนใหม่ ยังไม่จบ ไอ้ตัวก่อการร้ายมันก็เหลือแค่ตัวเดียวแล้ว พอมานั่งพิจารณาดูตามคู่มือ ว่ามันคือเทอร์มิสเตอร์ ถ้าค่ามันยืด มันก็ส่งข้อมูลไม่ตรง กล่องก็สั่งงานไม่ถูกต้อง เหมือนกับที่เห็นบางกระทู้ที่ท่านบอกเอาหัวฉีดเจมาเปลี่ยนใส่ ใส่ยังไงแหละหลับ ถ้าค่าที่ได้ไม่ตรงสเปคที่เขากำหนดมาต่อให้แซะ แกะงัดใส่ลงไปได้การทำงานก็ผิดเพี้ยนอยู่วันยังค่ำแหละครับ แถมให้นิดหนึ่ง การจะเปลี่ยนหัวฉีดหรืออุปกรณ์ใดๆ เราต้องรู้สเปคของหัวฉีดว่าของเดิมมีค่ากี่โอมห์ ถ้าเราเอาค่าที่ต่างกันมาใส่ กล่องมันประมวลผลให้ผิดหมดครับ
   สรุปแล้วสิ้นเดือนครับจะไปเบิกตัวเทอร์มิสเตอร์ หรือ ECT Sensor มาเปลี่ยนใหม่ครับ
ปัญหานี้ไม่น่าจะเกิดจากกล่อง ECM แน่นอนครับ เพราะมันยังสั่งให้พัดลมทำงานได้อยู่ หลังจากที่เข็มความร้อนลดลงมาเป็นปกติแล้ว พัดลมก็หมุนได้ปกติครับ ขับอัดเร่งกี่พันรอบความร้อนก็ไม่ขึ้นอีก จนสตาร์ทเครื่องใหม่ๆตอนเครื่องเย็นแล้ว อาการประจำนี้จะมาอีกครั้งหนึ่งครับ วันนี้เที่ยงจะลองแกะเจ้าตัวนี้ออกมาต้ม ขัด วัดค่าดูตามสเปคครับ ผมว่ามันน่าจะจบที่ตรงนี้แหละครับ

เห็นมีช่างหลายคนบอกฮอนด้าถ้าเครื่องร้อนขึ้นมาแก้ยาก แก้ไม่หาย ไสฝาสูบก็แล้ว ทำไงก็แล้วไม่หาย บางคนถึงกับบอกลูกค้าเปลี่ยนเครื่องใหม่เลย ผมว่าเขาไม่มีความรู้พอครับ แก้ไม่ตรงจุดมากกว่า คือไม่คิดจะหาทางแก้มากกว่าครับ

มาถึงตรงนี้คงจะปิดงานได้แล้วนะครับ เดี๋ยวเปลี่ยนตัวใหม่เสร็จจะเข้ามารายงานผลครับ

การวัดค่าความต้านทาน ของตัว ECT Sensor  ผมเห็นอยู่หลายวิธีเหมือนกันน่ะที่เขาทำ แต่ยังไง เนื่องจากเป็นการแก้ไขเชิงระบบ
ไฟฟ้า เซ็นเซอร์ต่างๆ  การใช้เครื่องมือวัด มิเตอร์ มาวัดก็ต้องนึกถึงความเที่ยงตรงของค่าด้วย โดยการวัดตัวต้านทานนั้น
ก่อนการวัดค่าทุกครั้ง ต้องทำการปรับแต่งโอห์มมิเตอร์ให้พร้อมใช้งาน โดยชอร์ตปลายเข็มวัดของโอห์มมิเตอร์เข้าด้วยกัน
และทำการปรับแต่งปุ่มปรับ 0  ADJ. ที่หน้าปัดมิเตอร์ ให้เข็มชี้ของมิเตอร์เคลื่อนไปชี้ที่ตำแหน่ง 0  พอดี
ที่สเกลโอห์มและการเปลี่ยนย่านวัดของโอห์มมิเตอร์ทุกย่าน จะต้องทำการปรับแต่งโอห์มมิเตอร์ใหม่ทุกครั้ง
เมื่อปรับแต่งโอห์มมิเตอร์พร้อมใช้งานเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถนำโอห์มมิเตอร์ไปวัดความต้านทานได้ตามต้องการ

ของผมก็ไม่ใช่ที่จะซื้อแพงๆมาใช้อย่างคนที่มีอาชีพด้านนี้ มิเตอร์เอาธรรมดาก็พอ    

ถอดออกมาทำความสะอาดแล้วครับ ใช้มิเตอร์ดิจิตอล FLUKE  115 วัดค่า ลองต้มดูแล้ว ที่
100 องศา ได้ค่า 166.5 โอมห์
80 องศา ได้ 300 โอมห์
40 องศา ได้ค่า 1060 โอมห์

ไปประกอบก่อนครับ ทดสอบได้ผลยังไงจะรายงานนะครับ แต่วันนี้ต้องถอดขั้วลบแบตด้วยเพื่อเคลียร์ข้อมูลกล่อง ECM ด้วยครับ ว่าจะหายไหม

ไม่เป็นไรครับ กราฟเอาของคุณ sitti2519 ไว้ก่อน ขัดทองเหลือง
ให้ถึงเนื้อเหลืองๆเลยนะครับ เสียช่างมัน จะได้รู้กันไป

Reset  ecu  ใหม่ก็จะเป็นสิ่งที่ดีให้มันเริ่มจำใหม่  ถ้าผลจบหละก็
เยี่ยมเลย ค่อยหาของใหม่แท้มาเปลี่ยนทีหลัง เมื่อมีงบ :-*

ผมเอกระดาษทรายเนื้อปานกลาง ไม่หยาบหือละเอียดเกิน หยิบเอาของเศษๆเก่าๆมาขัดจนเนื้อทองเหลืองหลุดออกไปพอสมควร พูดง่ายๆว่าเอี่ยมเลย แต่เนื้อมันจะหยาบไปหน่อย ขัดแล้วผิวไม่ค่อยสวย ทาปะเก็นเหลวสีดำตรงปลายแถวยางโอริงแล้วประกอบเข้าให้พอแน่น เติมน้ำในหม้อน้ำ ถอดขั้วลบแบตทิ้งไว้ 5 นาที แล้วประกอบกลับ แล้วใส่ขั้วลบกลับ สตาร์ทเครื่องได้ เกือบนาทีออกตัวไม่ถึง10 เมตร เหยียบให้เข้าระบบแก๊สเลย หวังจะให้เครื่องร้อนเร็วที่สุดจะดูเข็มความร้อนขึ้นหรือไม่ แต่เสียดายวันนี้อากาศไม่ร้อน รถก็ติดเลยไม่ได้ทำความเร็ว แต่พยายามลากเกียร์ให้เครื่องมันร้อนแล้ว ดูเข็มตลอด เหมือนจะขึีน แต่ไม่ขึ้น สุดท้ายผลการทดสอบคือความร้อนไม่ยอมขึ้น พอถึงจุดหมายเปิดฝากระโปรงดูพัดลม หมุนต่อเนื่องดีขึ้น ถี่ขึ้น สรุปดีขึ้น เดี๋ยวพรุ่งนี้จะทดสอบใหม่ตอนแดดร้อนๆ วิ่งเร็วๆลองดูครับ ได้ผลยังไงจะรายงานครับ

ครับพอดีวันนี้กลับมืดมากกว่าทุกวัน ที่คอนโดมีตลาดนัดรีบมาตลาดนัดเลยไม่ได้ทดลองเร่งเครื่องตอนรถจอดนิ่งๆครับ กับอีกอย่างเกรงใจที่ทำงานครับ ที่จอดรถติดตึกที่ทำงานบางคนยังไม่เลิกเลยไม่กล้าทำ เอาไว้วันหยุดจะทดสอบมาให้อีกทีครับ พรุ่งนี้ถ้าขยันกะว่าจะไปรื้อเครื่องล่างชุดล้อหลังออกหมดไปอัดบู๊ชใหม่น่ะครับ บู๊ชสวิงอาร์มหลังขาดแล้วครับขับไปดังแครกๆไป เสียอารมณ์ครับ ขับไม่สนุก หงุดหงิดน่ะครับ ไม่รู้ไหวไหมดูๆแล้วไม่ยากแต่จะมีแรงยกไหวหรือเปล่าไม่รู้ครับ

029316992 ร้าน ย.แสงชัย แถวๆวังหินน่ะครับ ถูกกว่าร้านที่พี่ว่ามาครับ
ดูราคาแล้วครับ
ECT sensor 1050  ECT switch จำราคาไม่ได้ ผมลงไว้แล้วในกระทู้ ส่วน ECT sending unit 924 บาท ไปซื้อเองลด 10% ทุกรายการครับ

น่าขะดีขึ้นน่ะ ลองดู ถ้าไม่ดีสงสัยต้องซื้อมาใหม่ หรือเดินหาตามเชียงกงก่อน
เผื่อได้ถูกๆ ที่ยังใช้ได้อยู่

ถ้าไม่มีตะเข้ เหนื่อยครับ หมดแรง

ของผมที่มาลงราคาให้ดู เป็นราคาอะไหล่ศูยน์ ยังไงก็แพงครับ

ว่าแต่ร้านนี้ มีของเทียบไหม เท่าไหร่

ร้านที่ผมว่านี้ มีของญี่ปุ่นเป็นบางรายการครับ ECT sensor มีแต่ของแท้ครับ ไม่มีของญี่ปุ่นเลยครับ

ลืมอีกเรื่องหนึ่งครับ ถ้าใครจะถ่ายน้ำในหม้อน้ำตอนเปลี่ยนท่อน้ำใหม่ผมแนะนำให้ถอดท่อน้ำล่างตรงวาล์วน้ำ ถอดวาล์วน้ำออกด้วยครับ แล้วเปิดผาหม้อน้ำ เปิดก๊อกปล่อยน้ำด้านล่างให้น้ำไหลทิ้งจนหมด แล้วหมุนก๊อกถ่ายน้ำเข้าที่เดิม แล้วถอดท่อน้ำบนตรงเครื่องยนต์ออก เอาสายยางฉีดน้ำเข้าตรงท่อน้ำด้านบนให้น้ำไหลเข้าไล่น้ำเก่าในเครื่องยนต์ออกให้หมดจนน้ำใส แล้วเช็ดตรงวาล์วน้ำให้แห้งก่อนทากาวดำประกอบวาล์วน้ำ และท่อน้ำตามลำดับ ที่เหลือก็ประกอบกลับตามที่ได้อธิบายไว้ครับ ถ้าทำวิธีนี้น้ำในเครื่องยนต์จะสะอาดที่สุดครับ ไม่ต้องมุดไปเปิดน็อตถ่ายน้ำที่เสื้อสูบตรงใกล้ๆกรองน้ำมันเครื่องครับ

ไม่รู้ผมลงหร้อยัง ECT sending unit วัดค่าโอมห์ ตัวใหม่ วัดภายนอกก่อนประกอบเข้ารถได้ 750 โอมห์ แต่ถ้าวัดตอนที่ประกอบเข้ารถแล้ว ประมาณ 400 กว่าโอมห์ จำไม่ได้ว่ากว่าเท่าไหร่

วันนี้ยังไม่ได้ไปลองเลยครับ พอดีบรรยากาศเป็นใจเหมือนฝนจะตก เลยไม่ได้ไปทำรถว่าจะรื้อเครื่ิงล่างออก กลัวฝนตกเลยนอนพักผ่อน ไม่ได้ไป พรุ่งนี้ถ้าได้ไปจะรายงานความคืบหน้าครับ

วันนี้ จัดการแก้ไข ECT Sensor และ ECT sending Unit โดยการนำมาทำความสะอาดใหม่ ขัดขาวเนียนเลย
ตอนวัดค่าโอมห์โดยไม่ต้อง Meter ผมไม่ขึ้นตอนวัดค่าโอมห์ นั้นหมายถึง 2000 K หรือไม่หว่า ::) ::)

และนำไปต้มใช้มิเตอร์ หลวยท้วย ของถูก ค่าตีขึ้นไปหาน้อย เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น นั้นหมายถึง เมื่ออุณหภูมิ
สูงขึ้น ค่า R ลดลง ....เลยประกอบเข้าไปหละ จะลองดูวันรุ่งขึ้น

ประกอบกัมีงานเพิ่ม เขี้ยวจานจ่ายหักอีก เลยงานต้องทำอีกงาน....เซ็งเลยครับ ตัวเขี้ยวมีสลัก ตอกออกยากมาก
ผมยังตอก ไม่ออกเลย จะไรมันจะติดแน่นขนาดนั้น


ในส่วน ECT ผมตกหล่นอะไรไปไหม

ตอนที่ไม่ต้มโอมห์จะสูง แต่พอต้มโอมห์จะต่ำลงไปเรื่อยๆตามอุณหภูมิถูกต้องครับ แต่ค่าที่ได้จะตรงหรือไม่ตรงนั้นต้องวัดที่อุณหภูมิตามกราฟครับ วัดที่ 40 60 80 100 120 ถ้าค่าที่ได้ตรงตามกราฟถือว่าไม่เสียครับ วัดจากการไม่ต้มไม่จับความร้อนบอกความถูกต้องไม่ได้ครับ

ส่วนหล่นจะเสียไหมนี่ไม่แน่ใจครับ ว่ามันจะเป็นยังไง ก็ลองใส่เข้าไปดูครับ แต่สำคัญคือการวัดค่าตรวจสอบตามอุณหภูมิ ถ้าไม่ตรงคือใช้ไม่ได้ คือร้อนแล้วเซ็นเซอร์บอกยังร้อนไม่ถึง การขัดผิวทองเหลืองให้บางออกอาจมีส่วนช่วยให้ความหนาลดลง อาจรับความร้อนได้เร็วขึ้นครับ การขัดออกอาจช่วยในเรื่องการรับความร้อนได้เร็วขึ้น ทำให้มันไปสั่งกล่องได้เร็วขึ้นครับ

ถ้าเราไม่มีปรอทก็ให้เอาเซ็นเซอร์ไปแช่ในน้ำแข็งในช่องฟิตตู้เย็น สัก 10 นาทีหรือครึ่งชั่วโมงก็แล้วแต่ที่คิดว่ามันจะเท่ากับ 0 องศา แล้ววัดค่าที่ 0 องศา จะได้ค่าเท่ากับ 5 k คือ 5000 โอมห์ แต่จริงๆแล้วอยากให้หาปรอทมาวัดตามค่าองศาตามกราฟดีกว่าครับ จะรู้ได้จริงว่าเสียหรือไม่ เท่าที่พี่ต้มไม่จับองศาบอกค่าความถูกต้องไม่ได้ครับ

ครับสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย เลยไม่ได้จับวัด ตอนไม่ต้มโอห์มสูง แต่พอต้มโอห์มต่ำไปเรื่อยๆ ECT Sensor ทำตามนั้น
แต่เสียดายน่ะผมไม่ได้วัดแบบละเอียด Digital Meter ผมที่ใช้อยู่ก็ไม่ค่อย  Work เทาไหร่

แต่ทั้งนี้ ถ้าทดสอบวิ่งแล้ว ความร้อนยังขึ้นเหมือนท่าน Sitti อีก ไม่ต้มแล้วครับ จับเปลี่ยน ผมหาแหล่ง ECT Sensor
ได้หละ วัตถุประสงค์ ยังไม่ต้องการซื้อของแท้ จะนมาทดสอบเพื่อความมั่นใจ

แต่วันพรุ่งนี้มีงานทำอีก  ทำเรื่อง Sensor ดันไปโดนเรื่องานจ่ายอีก งานเข้าผม เดี๋ยวขอเคลียรเร่องจานจ่ายก่อน
ไม่แก้ไข รถมันวิ่งไม่ได้

ครับผมต้องการทดสอบก่อนเปลี่ยนเป็นความตั้งใจก่อนทำการเปลี่ยน เพราะ สงสัยตัวนี้มานานหละ ว่าจะทำ จะทำ
แต่เวลาไม่ได้สักที  ถ้าลองขัดทำความสะอาดแล้วมันดีขึ้นมาหน่อย หรือยังเหมือนเดิม ก็มีแนวโน้มหละ
ตัวนี้ เจ้าปัญหา ของจัดมใส่ใหม่ ดูว่ามันจะหายอีกไหม

ความรู้ทั้งนั้นเลย  ขออนุญาตติดตามครับ  :)

ถ้าได้ของญี่ปุ่นต่อให้ไม่ใช่ของแท้ แต่เป็นของใหม่ผมว่าน่าจะใช้ได้นะครับ

ตามสบายครับที่ลงก็เพื่อเผยแพร่ครับ ถ้าไม่อยากเผยแพร่คงไม่ลงครับ ยินดีครับที่สามารถชี้แนวทางที่มันถูกต้องให้เพื่อนสมาชิกได้ครับ

ต่อให้อีกนิดครับเป็นเกร็ดความรู้ ถ้า ECT sensor ส่งค่าไปบอกกล่องไม่ถูกต้อง เครื่องร้อนจะตายบอกกล่องว่ายังไม่ร้อน นอกจากกล่องไม่สั่งให้พัดลมทำงานแล้ว ยังกินน้ำมันอีกครับ เซ็นเซอร์ทุกตัวจะส่งข้อมูลไปบอกกล่อง ข้อมูลที่กล่องได้รับมันไม่ถูกต้อง อุณหภูมิน้ำมีผลต่อการฉีดน้ำมัน ถ้ากล่องรับข้อมูลว่าน้ำยังไม่ร้อนนะ มันก็ฉีดน้ำมันมาก ถ้ามันรับรู้ว่าร้อนแล้ว มันก็สั่งฉีดน้ำมันน้อยลง เป็นเรื่องของระบบอิเลคทรอนิกส์รถยนต์ครับ

ไฟรูปเครื่องยนต์ขึ้น พี่ไม่ลองช๊อตขั้วเช็ครหัสดูล่ะครับว่ามันฟ้องตัวไหน ตรงปลั๊กสีเขียวใต้เท้าคนนั่งหน้า มีปลั๊กนี้อยู่ มันมีทั้งหมด 5 เส้น แบ่งเป็น 3 เส้น และ 2 เส้นที่อยู่ติดกัน เอาสายไฟพ่วงคู่ 2 เส้นเข้าหากัน เปิด on สตาร์ทเครื่อง ให้มันทำงานสักหน่อย ให้กล่องมันได้อ่านค่าจากเซ็นเซอร์ทุกๆตัวสักพัก แล้วค่อยดับเครื่องยนต์ แล้วค่อยเปิด on อ่านการกระพริบของจังหวะหลอดไฟเตือนเครื่องยนต์ ว่าค่าอะไร แล้วไปดูว่าเซ็นเซอร์ตัวใดเสียกันแน่ครับ คู่มือน่าจะมีในเว็บแหละครับ ผมเคยหาเจออยู่แต่จำลิ้งค์ไม่ได้ ถ้าพี่หาเจอช่วยเอามาแปะไว้กระทู้นี้ก็ดีนะครับ จะได้ไม่ต้องค้นหาอีกครับ

รถพี่ใช้แก๊สหรือเปล่าครับ บางทีเช็ครหัสแล้วปกติ วิ่งๆไปไฟรูปเครื่องยนต์ขึ้น เกิดจากการจูนแก๊สบางนะครับ อ๊อกซิเจนเซ็นเซอร์ก็ไม่เสียครับ

สรุปแล้วไม่ได้นะครับ ต้องเปลี่ยน ECT sensor แล้วล่ะครับ :'( วันนี้มาถอดปีกนกชุดหลังออกหมด มาถึงที่ทำงานบ่ายโมงลงมือ กว่าจะรื้อเสร็จ สี่โมงครึ่ง หมดแรงเลยครับ ดีที่มีประแจปอนด์ด้ามยาวๆช่วยผ่อนแรง ปานนั้นกว่าจะรื้อเสร็จสองข้าง หมดแรงเลยวันนี้

ถ้าเปลี่ยนแล้วยังไม่หาย ต้องไล่ทดสอบอีกสองหน้าที่มันบอกในคู่มือล่ะครับ ถ้าทดสอบแล้วมันบอกกล่องเสียคงได้แกะกล่อง ECM ดูกันล่ะครับคราวนี้ :-[

ตอนนี้ขอไปเปลี่ยนบู๊ชชุดปีกนกหลังก่อนครับ มันไม่เป็นตะขับครับ :-\

อาทิตย์หน้าวันที่26เงินเดือนออกค่อยไปเอา ECT sensor มาเปลี่ยนครับ  :'(

คุณ Sitti ปัญหาของสัญญาณไฟ Engine โชว์ตอนนี้หายไปอย่างไม่มีข้อสงสัยนื่องจาก ECT Sensor ที่มันเสื่อมหรือ
ผมทำเสียก็แล้วแต่ เมื่อเปลี่ยนแล้ว  สัญญาณไฟ Engine หายไปทันที นั้นแสดงถึง เสียแน่นอน เลยจัดหามาซื้อใส่
เอาของ Japan ไปก่อน


ลองทดสอบขับดู ยังพบว่า การสั่งการยังคลาดเคลื่อนชา ทำให้เข็มกระดึกขึ้นมา สักพักเมื่อได้อุณหภูมิได้ทีพัดลม เทอร์โมสตัส
ก็ทำงาน เหมือนปรกติ ไม่มีปัญหาอะไรครับ


แต่สังเกตุน้ำในหม้อน้ำ หรือไม่เดือดหรือ Heat ดันออกมาแต่อย่างใดครับ รูปมีอยู่หมด เดี๋ยวผว่างๆจริงๆจะเอามาลงให้ดูด้วย
ดีกว่า 2  วันนี้หมดแรงกับการแก้ไขเรื่องรถ  เอาไว้ก่อนเดี๋ยวค่อยมาว่ากันใหม่ ทำอย่างหนึ่งแต่ก็มีงานอย่างหนึ่งตามมาด้วย
เซ็งเลยผม :-[ :-[ :-[ ;D ;D ;D

ไม่ต้อเงช็คหละ ผมยังไม่ค่อยได้ศึกษา เปลี่ยน ECT Sensor หายแล้วครับ :-* :-* :-* :-* :-* :-*

พี่ได้ของญี่ปุ่นมาตัวละเท่าไหร่ครับ ถ้าขึ้นนิดหน่อย ไม่สูงแล้วรีบลงเลยก็ถือว่าโอเคแล้วครับ แสดงว่าเสียตัวนี้ ของผมรออัดบู๊ชเสร็จจะวิ่งไปเบิกของแท้มาใส่ให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปตัว ECT sensor น่ะครับ วันนี้รื้อซะหมดแรงเลย แม่แรงก็ตะเข้เล็ก แบบหิ้ว เอาไม้หน้าประมาณสองนิ้วกว่าๆรองให้สูงขึ้น ทุลักทุเลจริงๆครับ กว่าจะรื้ออกหมด หมดแรงเลยครับ มีงานใหม่เพิ่มที่ต้องเสียเงินอีก ท่อทะลุ สนิมกินขาดเลย ต้องไปเปลี่ยนท่อใหม่อีก ของเก่าปะแล้วปะอีกจนหมดสภาพแล้ว โอยมีแต่เรื่องต้องให้เสียเงินครับ วันนี้รื้อเสร็จแล้ว พรุ่งนี้เอาไปอัดบู๊ชครับ เย็นหลังเลิกงานกะจะประกอบครับ วันนี้ว่าจะถ่ายทำขั้นตอนการร้้อ แระกอบหน่อย เหนื่อยจริงๆ หมดอารมณ์เลยครับ คิดไปคิดมาทั้งทำทั้งถ่ายรื้อออกไม่ทันค่ำแน่ หลังๆมาเลยจ้ำอ้าว ร้้ออย่างเดียวเลยทีนี้ ก็น่าเสียดายเหมือนกัน ไม่รู้มีใครเอามาลงมั่งหรือยังไม่รู้ครับ วิธีถอดชุดปีกนกหลัง ช่วงนี้ต้องโหนรถเมย์ก่อนครับ ทนเอาสักหน่อย ไม่ได้โหนนานแล้วครับ

45o บาท ครับของเทียบ ราคาไม่แรง แล้วแต่ร้าน มีขายกันตั้งแต่ 450 480 580 บาท ก็มีไม่เท่ากัน ดูว่าร้านไหนจะฟันหัวลูกค้า
ได้มากกว่ากัน ต้องเช็คเอาที่ถูกที่สุด เพราะ ของคุณภาพเดียวกันหมด ไม่ต้องห่วงเรื่องคุณภาพ ใช้ได้เลย

EK อายุมันมากแล้วท่านกำตางไว้ซ่อมได้เลย ทยอดเสียเงินเรื่อยๆ เห็นแล้วต้องรีบแก้ไข เอาทีละอย่างถ้าสะสมแล้วทำทีเดียวเหนื่อยเงินเลย

ไม่มีใครทำไว้หรอกครับ ช่วงล่างเป็นงานหนัก งานช่าง ต้องใช้แรงและทักษะเยอะมาก ไม่ไหวหรอก มานั่งถ่ายรูป เอาภาพรวมๆพอ
เหนือยจะตาย   

พี่อย่าลืมถอดขั้วลบแบตเคลียร์ข้อมูลด้วยนะครับ เพราะก่อนหน้ามันฟ้องว่ามีเซ็นเซอร์เสียอยู่ มันจะจำค่าสุดท้ายไว้นะครับ ลบข้อมูลกล่องด้วยครับ อย่าลืมตรงนี้นะครับ

ถ้าผมไม่รีบใช้รถก็อยากทำให้อยู่หรอก จะมาคอยทำไปถ่ายไป เฮ้อ มันไม่มีคนถ่ายให้นี่สิลำบากเลย ต้องใช้แรงจริงๆ มุดก็แคบๆ แม่แรงตะเข้ยักก็ไม่มีเลยอนาถาสุดๆครับวันนี้ เหนือยเลยครับ

วาล์วน้ำ เริ่มเปิดที่ 78 องศาครับ ลองดูครับ ECT Switch เริ่มต่อที่ 91-95 องศาครับ ถ้าต่อหลังจาก 95 ถือว่าช้าครับ ควรเปลี่ยนครับ

วันนี้เหนื่อยสุดๆ วันนี้ลงมือประกอบชุดปีกนกหลังทั้งชุดตั้งแต่16.20น ด้วยความเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เล่นงานใหญ่ขนาดนี้ บอกตามตรงว่ายังไม่เคยทำเลย งานนี้เล่นของจริง หมดแรง เมื่อวานรื้อ วันนี้เอาไปอัดบู๊ช เที่ยงประกอบได้แค่ชุดหูกระต่าย เย็นมาทำต่อ เริ่มหมดแรงไปเรื่อยๆ จนไม่มีแรงยกแขนเลย สุดๆ กรกๆก็ถ่ายไว้ ไปๆมาๆค่ำแป๊บเดียว ยิ่งมืดยิ่งหงุดหงิด ไฟส่องซ่อมดันมาเสีย ต้องใช้ไฟฉายแบบชาร์ทส่อง มองอะไรก็ไม่เห็น สุดท้ายก็ไล่ขันปอนด์น็อตทุกตัว สุดท้ายก็มืดสนิทไฟก็หรี่ลงๆ พอตอนกระกอบเบรคยิ่งโมโห จำไม่ได้ใส่ไงวะ รืัอเยอะเกิน ลืม ปกติเวลาผมซ่อมผมจะไม่ค่อยจำ แต่จะดูกลไกการออกแบบของผู้ผลิต แล้ววิเคราะห์ จึงกระกอบ แต่ก็ไม่ผิดนะ ตรวจสอบความเรียบร้อยไม่ขาดตกบกพร่อง แล้วใส่ล้อ

เสร็จประมาณ20.00 น แล้วลองสตาร์ทรถทิ้งไว้สักพัก ผ่านไปประมาณ 10 นาทีพัดลมยังไม่หมุนเอามือจับท่อน้ำบนดูร้อน ท่อล่างจับดูยังไม่ร้อน แสดงว่าวาล์วน้ำยังไม่เปิด ไปทำอย่างอื่นต่อ พอเวลาผ่านเป็น 18 นาที พัดลมทำงาน เอามือจับวาล์วน้ำล่างร้อนแล้ว แสดงว่าวาล์วน้ำเปิดแล้ว พัดลมทำงานแล้ว เสร็จแล้วสักพักก็ขับออกจากที่ทำงาน กลับ เหยียบสุดๆเท่าที่จะลากเครื่องได้หวังให้มันร้อน เหยียบเต็มที่ ปรากฏว่าไม่มีความร้อนใดๆขึ้นเลย ผมล่ะงง พรุ่งนี้เช้าจะลองใหม่ออกตัวได้จะลองเร่งเลยว่าจะร้อนไหม ทีนี้ต้องมาวิเคราะห์กันแหละว่า สรุปแล้วมันเกิดจากวาล์วน้ำเปิดช้าหรือ ECT sensor กันแน่ วันไหนโอกาสดีๆจะลองใหม่

แต่คราวนี้จะลองเร่งๆเลยเมื่อสตาร์ทใหม่ๆ แล้วจะดูว่าถ้าเข็มมันฟ้องว่าร้อน จะเอามือจับวาล์วน้ำล่างดูว่ามันร้อนหรือยัง ถ้าร้อนแล้วแสดงว่าวาล์วน้ำเปิดแล้ว ถ้าพัดลมไม่ทำงานก็เปลี่ยน ECT sensorเลย

ถ้าเข็มความร้อนขึ้น แล้วท่อน้ำล่างไม่ร้อนแสดงว่าวาล์วน้ำเปิดช้า คงต้องเอาออกมาต้มดู ถ้าไม่ได้ค่าที่กำหนดไม่รู้ร้านจะยอมให้เครมไหม ใช้มาสองอาทิตย์แล้ว

ครับผม รอทดสอบตอนเช้าอีกทีครับ :-[

วันนี้เหนื่อยสุดๆแล้วครับ นอนแล้วครับพรุ่งนี้เช้าได้รู้กันครับ :-\

มาสรุปกันครับ
วันนี้ไปทำท่อไอเสียใหม่ เสร็จเลยวิ่งไปซื้อ ECT sensor แท้ 1052 บาท ไปซื้เองลด 10% ทุกรายการนะครับ ร้าน ย แสงชัย 02 9316992 เลิกงาน ก็เลยถอดตัวเก่าออก ทาปะเก็นกาวดำที่โอริงนิดหน่อย แล้วใช้ประแจแหวนเบอร์19 ขันเข้าให้พอแน่น ระวังอย่าแน่นเกินจนเซ็นเซอร์เกลคยวเสียนะครับ แล้วเสียบปลั๊กเซ็นเซอร์เข้าไป เติมน้ำที่หม้อน้ำให้เต็ม ปิดฝาหม้อน้ำ แล้วสตาร์ทเครื่อง ลองเร่งเครื่องยนต์ แต่ไม่รู้กี่รอบ เพราะไปเร่งที่ลิ้นเร่งจึงไม่สามารถดูรอบได้ว่ากี่รอบ ถ้าให้ประมาณน่าจะสัก 2000 รอบ เพราะไม่กล้าเร่งมากเพราะที่ทำงานยังมีคนอยู่อีกเยอะ จับเวลาไป มือขวาจับที่ท่อน้ำบน สลับกับจับท่อล่าง มือซ้ายก็เร่งเครื่องไว้ ประมาณ 5 นาที ท่อน้ำล่างเริ่มรู้สึกร้อนขึ้น แต่ร้อนไม่เท่าท่อน้ำบน พัดลมหม้อน้ำหมุนภายใน 5 นาที แล้วผมรีบไปดูเข็มความร้อน ปรากฏว่าเข็มความร้อนอยู่ในสถานะปกติ คือไม่ร้อน ลองเร่งดูอีกพัดลมก็ทำงานได้ทันทีต่อเนื่อง
สรุปงานนี้คือจบครับที่ ECT sensor

ทีนี้มาวิเคราะห์หาความน่าจะเป็น คือผมปล่อยให้น้ำขาด แห้งจากหม้อน้ำ น่าจะหายไปเป็นลิตรกว่าๆ หม้อน้ำก็ตัน พัดลมหม้อน้ำก็ไม่หมุน สรุปคือสาเหตุของความร้อนทั้งนั้น ตัวเซ็นเซอร์ตัวนี้ทำหน้าที่ตรวจจับความร้อนแล้วแปลงค่าเป็นความต้านทาน เป็นไปได้ว่าความร้อนจัด เป็นสาเหตุทำให้เกิดการเสื่อมค่า และอายุมันก็คงนานมากแล้ว ไม่รู้เจ้าของรถเดิมเขาเคยเปลี่ยนหรือยัง ไล่จนหมดทุกอย่างจนจะจนมุมอยู่แล้ว นี่ถ้าไม่หายปวดหัวเลยนะเนี่ย แต่สรุปแล้วหายครับ ฟันธงครับ
เฮ้อ จบเสียทีครับ  :'(

ผมว่า ควรจะทดสอบ ตอนวิ่งเช้าๆนะครับ อีกครั้งหนึ่งพรุ่งนี้ เพราะดูเหมือนว่า
เราทดสอบอยู่กับที่ ควรทดสอบตอยที่เครื่องยนต์ทำงานจริงๆ และมีการ
ทำงาน ถ้าขับยาวๆ ลากๆ ไม่ขึ้น ก็ปิดโครงการนี้ได้เลยครับ

4 จุด ที่ควรเปลี่ยนเลยเมื่อใช้รถไปนานๆ ไม่ต้องเสียดาย เพราะมันเสื่อม แต่อาจไม่เสีย
แน่นอนครับ มันเสื่อมและมันจะสร้างปัญหาให้เราตลอด

1. วาล์วน้ำ
2. Thermal switch
3.etc sensor
4.etc sending unit

วันนี้ตอนที่เอารถไปวิ่งเปลี่ยนท่อความร้อนมันก็ขึ้นครับ
พอทำท่อเสร็จวิ่งไปซื้ออะไหล่มันก็ขึ้นครับ ขึ้นตลอดเลยทุกครั้งที่สตาร์ทใหม่ๆครับ พอเปลี่ยนเสร็จตอนเย็นหายจากอาการนี้เลยครับ ถ้ามีโอกาสก็ว่าจะรอลุ้นตอนเช้าดูอีกทีครับ แต่คาดว่าอาการป่วยน่าจะหายแล้วครับ เพราะจากการที่สตาร์ทใหม่หลังๆมาเร่งหน่อยมันขึ้นตลอดเลย พอเปลี่ยนเสร็จผมวิ่งลากๆก็ไม่เป็นไรครับ คิดว่าน่ะคระบ คิดว่าน่าจะจบ

ลองวิ่งตอนเครื่องเย็นๆคือ ตอนเช้าอีกที ไม่หายเอาไปตั้งวาล์วเลบครับ

ครับผม :-[

เหตุผลเพรา เมื่อค่าวาล์ว เปลี่ยนไป โดยมาจะยัน เพราะใช้แก๊สกัน เดครื่องจะร้อนเร็ว
มิเนียมจะขยายตัวรวดเร็วกว่าน้ำมันอยู่แล้ว  แน่นอนวาล์วยัน จะทำให้เครื่องทำงานหนัก
ขึ้น อตราเร่งไม่ค่อยดี แถมกินร้ำมันจุ เพราะต้องใช้พลังมากกว่า

อีกอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับระบบน้ำในรถ เราจะเห็นว่า น้ำในระบบมันหายไปไหนหว่า
หม้อน้ำก็ไม่ไดรั่ว

ยังไม่จบ น้ำมันเครื่องมันหายไปไหนหว่า  ::) นอกเหนือจากเครื่องหลวมมันก็หายอยู่แล้ว
มาเจอวาล์วยันอีก ไปกันใหญ่

ครับ เครื่องเย็นแล้วจะลองครับ ปกติผมวิ่งกลางคืนมันก็ขึ้นนะ ไม่แน่วันนี้อาจลองออกไปวิ่งดูครับ ทุกคืนที่ผมขับออกไปนอนที่อื่น มันจะแสดงให้เห็นทุกครั้งเลยตอนเย็นน่ะครับ วันนี้อาจจะไปลองครับ

หลังจากได้ขับมาทำงานเมื่อเช้า เข็มความร้อนไม่ขึ้นครับ ปกติครับ เมื่อเช้าก็เลยแกะกล่อง ECM ออกมาเปิดฝาดูซะเลยว่าเป็นอะไร ก็ปกติไม่มีตัวเก็บประจุบวมสักตัว ไม่มีรอยใหม้ใดๆให้เห็น น่าจะปกติดีครับ

ภายในกล่อง ECM ดูด้วยตาก็ไม่มีบวม หรือไหม้แต่อย่างใด

เพื่อความแน่ใจวันนี้เลยรื้อวาล์วน้ำออกมาต้มทดสอบใหม่วันนี้ วันที่ซื้อมาไม่ได้ทดสอบ ที่ตัววาล์วมันจะเขียน 78* c เลยเอาปรอทวัดดู ไม่แน่ใจมันเริ่มเปิดไหมไม่ทันได้สังเกตุ พอไป 80 ขึ้นไปเริ่มเห็นชัดเจนขึ้นว่าเปิด แสดงว่ามันก็เปิดปกติ แต่จะเริ่มเปิดที่ 78 หรือเปล่าไม่แน่ใจ พอเปิดๆไปมากๆเริ่มเห็นมีคราบคล้ายยางหัวจุกดำๆเกาะอยู่ตรงตอนที่มันปิดสุด เอหรือมันจะติดตรงนี้วะ เลยหาอะไรขูดๆถูๆออกให้สะอาด แต่ต้องรีบเช็ดออก เพราะมันออกจากน้ำร้อนปุ๊บมันก็เริ่มปิดเลย พอทำความสะอาดแกนมันเสร็จ สี่โมงเย็นเลยไปประกอบเข้า ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงค่อยสวมท่อน้ำล่าง เติมน้ำให้เต็ม บีบท่อน้ำไล่อากาศไป เติมไปจนคาดว่าเต็ม เติมยังไงก็ไม่เข้าแล้ว

ติดเครื่องยนต์ แล้วเร่งให้เครื่องร้อนที่ลิ้นเร่ง มือขวาก็คอยสลับจับท่อบนมั่ง ล่างมั่ง ดูว่าความร้อนใกล้เคียงกันหรือยัง เมื่อความร้อนท่อล่างเริ่มร้อนขึ้นมา แต่ยังไงก็ไม่ร้อนเท่าท่อบน แสดงว่าวาล์วน้ำเปิดแล้ว พัดลมหมุนทันที

จุดสังเกตุหนึ่งคือถ้าวาล์วน้ำเปิดช้าก็มีผลทำให้พัดลมหม้อน้ำทำงานล่าช้า เข็มความร้อนขึ้น ถ้าหาวาล์วน้ำที่ค่าอุณหภูมิต่ำกว่านี้ได้ จะหมดปัญหานี้ แต่ของแท้มีสเปคตามนี้นะครับ

สำหรับรถผมมาจบตรงนี้นะครับ ไม่มีปัญหาที่ระบบไฟฟ้า หรือกล่อง ECM แต่อย่างใดครับ จบครับ 8)

ต่ออีกนิด
ถ้าไล่จนหมดแล้ว ยังมีปัญหาความร้อนอยู่ให้ดูกล่อง ECM (Toyota เรียก ECU) ดูที่ปลั๊ก D ขั้ว 2 กับ 11 ว่าปริ้นท์แตกหรือไม่ อาจเกิดจากปัญหาจากแผงวงจรมันนานมาก ปริ้นท์หลุดร่อน ให้ทำการถอดกล่องออกมาบัดกรีย้ำจุดนี้ หรือจะให้ดีตรวจด้วยแว่นขยายดูทุกจุดว่ามีลายวงจรขาด หลุด ร่อนตรงไหนบ้างด้วยครับ ตอนบัดกรีระวังเศษตะกั่วหยด หล่นลงในวงจรส่วนอื่นๆด้วยนะครับ บัดกรีเสร็จต้องใช้แปรงสีฟันเก่า จุ่มทินเนอร์ ขัดถูส่วนที่ทำการบัดกรีให้สะอาดด้วยนะครับ

คือผมโทรไปถามอาจารย์ทรงเกียรติ อันชุรีย์ ที่ท่านเคยสอนมาน่ะครับ เล่าอาการให้ท่านฟัง ท่านบอกว่าให้ทดสอบว่าไฟมันสามารถไหลไปยังรีเลย์พัดลมที่อยู่กล่องฟิวส์ได้ไหม ต้องไปวัดไฟดูตอนนั้น ถ้าไฟไม่ไปให้ตรวจเช็คสายกราวน์ของสวิตซ์พัดลมว่าอยู่ดีไหม

ทีนี้ผมมาดูที่ ECT sensor มันจะมีสายกราวน์อยู่เส้นหนึ่งคือสีขียวจะวิ่งไปลงกราวน์ที่กล่อง ขั้วD 2 หรือ 11 นี่แหละ สองขั้วนี้ถ้าปริ้นท์มันร่อนมันทำให้ไฟเดินไม่สะดวก อาจมีปัญหาให้พัดลมทำงานไม่ตรงตามความถูกต้อง จึงควรไล่บัดกรีแผงวงจรกล่องใหม่ แกะออกมาดูเลยครับ บัดกรีย้ำไปเลยครับ ของผมก็ทำแล้ว แต่ผมสงสัยวาล์วน้ำเปิดช้ามากกว่าอย่างอื่น ของผมนะ เพราะเวลาจับท่อบนร้อนมาก ล่างไม่ค่อยร้อน นี่คือวาล์วเปิดช้า จึงไม่มีน้ำร้อนไหลผ่านสวิตซ์ความร้อน

น่าคิดครับ  เพราะ ผมได้ทำการเช็คฟิวส์ พร้อมรีเลย ในกล่องฟิวส์ห้องเครื่อง
โดยลองเปลี่ยนตัวใหม่ให้ ก็น่าจะไม่มีปัญหานะ เพราะ ลองถอดรีเลย ฟิวส์
ของระบบหม้อน้ำ แล้วก็ดับ  และลองเสียบเข้าไปมันก็ทำงาน
คือ วงจรยังทำงานได้อยู่ มึนเลย :o

น่าคิดครับ  เพราะ ผมได้ทำการเช็คฟิวส์ พร้อมรีเลย ในกล่องฟิวส์ห้องเครื่อง
โดยลองเปลี่ยนตัวใหม่ให้ ก็น่าจะไม่มีปัญหานะ เพราะ ลองถอดรีเลย ฟิวส์
ของระบบหม้อน้ำ แล้วก็ดับ  และลองเสียบเข้าไปมันก็ทำงาน
คือ วงจรยังทำงานได้อยู่ มึนเลย :o

พัดลมจึงไม่ทำงาน แต่ถ้าบนร้อน ล่างร้อนแล้วพัดลมไม่หมุน นอกเหนือจากที่กล่าวมาก็ให้ไปไล่บัดกรีย้ำที่กล่องครับ ลองดูครับ ของผมมันเป็นๆหายๆ แต่สงสัยวาล์วน้ำไม่เปิดมากกว่า เปิดช้า ผมทำบิลหายเลยยังไม่ได้เอาไปเคลม เขาบอกจะส่งให้บริษัทตรวจสอบให้เลย แต่ผมยังหาบิลไม่เจอ ไม่รู้เอาไว้ไหน เลยยังไม่ได้ถอดออกไปเคลม ว่าจะเอาตัวเก่าใส่อยู่ยังไไม่ได้ถอดเลย พอดีช่วงนี้ไปทำงานอย่างอื่นอยู่ครับ วันนี้ผมไล่บัดกรีกล่องใหม่ครับ ตอนเย็นก็ขับมาปกติ เข็มก็ไม่ขึ้น เดี๋ยวพรุ่งนี้ลองอัดใหม่อีกทีจะมารายงานครัง เพราะทำทุกอย่างแล้ว

วันนี้ จัดพัดลมยุ่นมาใหม่  เพราะมองว่า ใช้นานหละ ผมมั่นใจว่า แปลงถ่านมันน่าจะหมดหรือใกล้หมด
3 ปีหละมั้งที่เปลี่ยน รถใช้ทุกวัน ไป กลับ 50 กม.

ก่อนเปลี่ยน เดินเบาไม่ต้องเร่งเครื่อง 20 -30  นาที พัดลมทำงาน...แม่เจ้าเว้ย หม้อน้ำ
เครื่องจะพังเอา

หลังจากเปลี่ยน  ประมาณ 10 นาที หมุนติ้วเลย ชัดเจมากครับ ว่าแปลงถ่านน่าจะใกล้หมด

ในคู่มือมันยังบอกเลยครับถ้าทุกอย่างดีหมด ยังมีปัญหาให้เปลี่ยนกล่อง ECM ครับ แต่ผมว่าถ้าไม่มีอะไรใหม้ บวม พอง แค่ย้ำบัดกรีแผงใหม่ก็น่าจะใช้ได้ครับ

ส่วน ECT sending unit ผมว่าไม่เสียหรอกครับ

ไปดูขั้วกล่อง D2 D11 ครับ จะใหดี บัดกรีใหม่ดีที่สุดครับ

ต้องหาโหลดคู่มือในนี้ครับ ของผมมัน D16y8 mt ครับ ขั้วกล่องมันอาจไม่ตรงกัน งั้นเอาง่ายๆ คือไล่บัดกรีขาทุกขาที่เข้ากล่องไปเลยครับ พยายามหาแว่นขยายส่องดูรอยแตกร้าวของรอยบัดกรีเดิม แล้วบัดกรีซ้ำใหม่ เป็นไปได้บัดกรีทุกจุดเลยครับ ถ้าไม่หายก็เกินไปแล้วครับ

ที่สำคัญตอนบัดกรีอย่าให้เศษตะกั่วบัดกรีร่วงหรือหยดใส่ส่วนอื่นนะครับ ระวังที่สุด ถ้าร่วงใส่ให้รีบทำความสะอาดออกด้วยการเอาแปรงสีฟันเก่าจุ่มทินเนอร์ขัดออกครับ ถ้าตะกั่วหล่นลงไปเชื่อมจุดที่ไม่ต้องการให้ใช้ที่ดูดตะกั่วดูดออก แล้วบัดกรีซ่อมใหม่ครับ ช้าๆไม่ต้องรีบ เดี๋ยวงานเข้าครับ

ดูอาการบวมของตัวเก็บประจุแบบอิเล็คโตรไลท์ด้วยครับ หรือเรียกอีกอย่างว่าคาปาซิเตอร์ ย่อได้ว่า c แบบมีขั้ว ที่เป็นแท่งกลมๆยาวๆแบบทรงกระบอกนั่นแหละครับ ดูตรงที่หัวของมัน ถ้าปกติผิวหน้าของหัวมันจะเรียบแบนราบ ถ้าโก่งนูนขึ้นมาหรือปูดบวมคือเสียแล้วครับ หรือบางทีอาจค่าการเก็บประจุลดไป เขาเรียก c ลดค่า เช่น เขาเขียนว่า 560 uf 16 v คือ 560 ไมโครฟารัส ทนแรงดันไฟได้ 16 โวลต์ ต้องใช้มิเตอร์ดิจิตอลแบบดีๆที่น่าเชื่อถือที่สามารถวัดค่าตัวเก็บประจุได้ทำการวัด ขอบอกนะครับยี่ห้อกะโหลกกะลาวัดได้ไม่ตรงครับ เพราะสมัยเรียนซ่อมทีวีเคยลองกันมาแล้ว ของผม Fluke 115 วัดได้แม่นยำกว่าครับ มันน่าจะของฝรั่งน่ะครับ ตัวหนึ่งเห็นหลายพันอยู่ เจ็ดแปดพันมั้ง แต่ผมโชคดีที่ซื้อได้ในราคา สองพันห้าร้อยบาทถ้วน เพราะเขามีโครงการกับบริษัทให้นักเรียนด้านอิเล็คซื้อได้ในราคานั้น เลยใช้สิทธิ์คนอื่นซื้อครับ จึงได้มา ถ้าใครไม่ก็ลองหาของญี่ปุ่นใช้ครับดีกว่า แต่ถ้าไม่มีจริงๆก็ลองบัดกรี c ตัวเดิมออกเปลี่ยนตัวใหม่ไปเลย ที่สำคัญหัวแร้งอันละร้อยยี่สิบเลิกใช้เลยนะครับ มันร้อนไม่พอจะทำให้แผงวงจรพังเอานะครับ ไม่ใช่จี้ความร้อนไม่ร้อนสักทีงัดออกมา ผมบอกได้เลยว่าลายปริ้นท์ขาด แตกเลยนะครับ เพราะผมทำมาเยอะ เลยรู้ แนะนำยี่ห้อ goot ของญี่ปุ่นครับ คุณภาพจริงๆครับ บ้านหม้อพล่าซ่ามีขาย ตัวละไม่เกิน 350-400 ผมซื้อมาได้ในราคาตัวละ 270 บาทแล้วแต่ร้านครับ

ก็ถอดสายกล่องที่อยู่ใต้เก๊ะเก็บของออกมา ถอดเอากล่องออกมาเปิดฝาทั้งสองด้านมีน็อตด้านละสี่ตัวครับ ตรวจดูอาการบวมของ c ดูรอยใหม้ต่างๆมีไหม ถ้าไม่มีที่ว่ามาก็คว่ำกล่องลงไล่บัดกรีใต้แผงให้หมดเลยครับส่วนที่คิดว่ามันมีมีรอยแตก ร้าว หรือไล่จี้ใหม่หมดเลยทุกขาครับ เป็นไปได้ตรวจวัดค่าความต้านทานของ R ด้วยก็ดีครับ ดูตามสีว่าค่าเท่าไหร่ หาคู่มีในเน็ตครับ การอ่านค่าแถบสีตัวต้านทาน แต่วัดด้วยมิเตอร์ดิจิตอลก็ได้ง่ายดี จะให้ดีต้องบัดกรีลอยขาออกขาหนึ่งครับไม่ให้ต่อในวงจรครับ

ลองย้ำบัดกรีใหม่ดูก่อนครับ

ขอบคุณครับท่าน sitti ขอพิกัดหน่อยได้ไหม อ่านไม่ละเอียดนะ ขอไปทำงานก่อนครับ :-*

ขอคารวะพวกพี่ๆทั้งหมดเลยครับ ความรู้ ทั้งนั้น 8) 8) 8)

เดี๋ยวว่างๆจะถ่ายรูปมาลงให้ครับ พี่ลองเปลี่ยนวาล์วน้ำใหม่หรือยังครับ ลองดูก่อนครับ

แปลก แต่จริงครับ จะสำเร็จแล้ว  มันเริ่มดีขึ้นแล้วครับ อาการดีขึ้นมาก

พอนึกภาพออกแล้วว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับเข็มความร้อน...รอทดสอบ
และตกผลึก ในการวิเคราห์และแกไขปัญหา

เปลี่ยนทุกอย่างครับ เพราะผมตั้งใจ รื้อระบบใหม่หมด ของเก่ามันคงเหลือทน
โดยการเปลี่ยนทีละตัว และวิเคราห์อาการไปด้วย คือ เรียนรู้ไปด้วย มันจะจบแล้วครับ
ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร...สงสัยต้องไปตั้งเป็น diy เป็น story อีก case study หละมั่งนี้

ของท่าน sitti 2519 รบกวนในกระทู้ของท่านต่อภาพที่ขาดๆไปให้หน่อย
เพื่อนๆจะได้ตามทัน เข้าใจ มีหลายคนครับ ยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ เพราะไม่สามารถ
ไล่เอง 

ถ้าลากบาวไปจนถึงการแก้ไข ไปถึงกล่อง ecu ได้นี้ สุดกึ๋นเลยหละ
ถ้าแก้ไขดีแล้ว ไม่หาย....ขายรถเลยน่าจะดีกว่า ;D ;D

นอกเหนือจากการไล่คงตามท่าน sitti 2519 ได้หมด แนะนำ
เรื่องการตั้งวาล์ว เข้ามาเสริมด้วยครับ ไม่เกี่ยวโดยตรง แต่มีผล
ต่อระบบ cooling ครับ เช่น วาล์วยัน เป็นต้น

ต้องให้  credit ท่าน sitti 2519  ครับ เจาะลึกให้เห็นและตั้งโจทย์มาให้
ผมก็ตั้งใจ วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหา คล้ายๆกับท่าน
Sitti 2519 นั้นหละ  ประจวบเหมาะ ตั้งกระทู้นี้มาพอดี
ผมก็เลย ขอร่วมทำ และแชร์ด้วยครับ :-*

ครับผมขอบคุณทุกท่านครับ ถ้าไม่จบมันคาใจไงไม่รู้ ว่าเรื่องกล่องกันครับ

ถ้าไล่หาขนาดนี้ยังไม่หมดก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหนแล้ว ลองยืมกล่องของเพื่อนๆที่ไม่มีปัญหาใส่วิ่งลองดู ถ้าหายก็เป็นที่กล่อง มันไม่มีวงจรซ่อมกล่องมาในคู่มือนี่สิเลยไม่รู่จะซ่อมจะเปลี่ยนอะไรตรงไหน ถ้ามีวงจรพอจะเดาๆไปได้ เหมือนช่างซ่อมทีวีเขาจะมีวงจรเลยทีวีแต่ละรุ่นเป็นเล่มๆเลย

ขอตัวเข้าประชุมก่อนครับพี่น้อง

อยากให้ทดสอบอีกอย่างตอนวิ่งๆไปแล้วเข็มมันขึ้นน่ะ หาที่จอดรถดีๆ แล้วจับท่อน้ำบนว่าร้อนขนาดนี้แล้ว ท่อล่างร้อนแค่ไหน ถ้าไม่ร้อนเลยไม่มีความร้อนหรืออุ่นเลย ช่วยกรุณาเฉดหัวมันออกไปจากรถเราครับ แสดงว่าวาล์วมันเปิดช้าเกินไป น้ำผ่านไม่ได้ สวิตซ์จับความร้อนไม่ได้ พัดลมเลยไม่ยอมทำงาน

ต้องหันขึ้นด้านบนครับ มันมีสลักลิ่มของยางบังคับเลย มันต้องการกักน้ำไว้ในเครื่องยนต์ให้มากที่สุดจึงทำรูระบายไว้ด้านบนเล็กนิดเดียว เพื่อป้องกันแรงดันจากหม้อน้ำ น้ำต้องมีแรงดัน ต้องมีที่ไปถ้าไม่มีที่ไปโดยรูเล็กๆนี้ ปั้มน้ำเกิดการต้านแน่นอน ท่อบวม หม้อน้ำแตก ปริครับ จึงต้องมีรู แต่เพื่อเอาน้ำไว้ใช้ให้มากที่สุดจึงต้องอยู่ด้านบนครับจนกว่าวาล์วจะเปิดครับ รีบแก้ปัญหาให้ได้ก่อนฝาสูบโก่งนะครับ

ประเด็นนี้ถ้าใส่ผิดด้าน รูใส่ไม่ตรงด้าน เกิดประเด็นเรื่องฮีท ที่กำลังแก้ไไขอยู่นี้ เป็นไปได้ไหม :D

ถ้าใส่ผิดมีปัญหาแน่ครับ

หวัดดีปรมาจารย์ทั้งสองท่านครับ :-* :-* :-*ผมก้อติดตามกระทู้นี้มาตลอด อ่านปุ๊บต้องลงมือทำเลยครับเดี๋ยวลืม ;D ;D ;D ทำตามขั้นตอนทุก

อย่างเสร็จแล้วสบาย ความร้อนเรื่องเล็กครับสำหรับชาวซีวิค ;D ;D ;D :P :P :Pอู่ไม่ได้กินตังค์ผมหร๊อก ;) ;) ;)

รีบแก้ก่อนที่มันจะลามไปถึงฝาสูบครับ

ครับ จะแกะออกมาดู แต่ไม่น่าผิด ดูระบบ cooling ของผมจะจนมุมอยู่ที่อุปกรณ์ตัวไหน
สุดท้ายก่อนไปที่กล่อง พัดลมหม้อน้ำ สังเกตุมันมาระยะหนึ่งหละ ช่วงแรกๆนี้ทำงานได้ช้ามาก
ผิดปรกติ  ect sensor เปลี่ยนใหม่ยุ่นแล้ว น่าจะสั่งให้ทำงานได้ตามกำหนด

มีปัญหาเรื่องฮีตเหรอครับพี่กันต์ เห็นในรูปที่ผมทำมั๊ยครับพี่ที่อยู่กระทู้แอร์น่ะครับ ผมก้อทำตามที่พี่sitti2519บอกไว้ตามขั้นตอนทุกอย่าง

แต่ของผมทำแล้วจบถือว่าโชคดีครับ เอาใจช่วยครับพี่ วันศุกร์ก้อว่าจะเปลี่ยนหัวเทียนกะกรองเบนซินซะที นานมากแล้วครับยังไม่ได้เปลี่ยนเลย

คงต้องหาปั๊มติ๊กเจมาเปลี่ยนด้วย เริ่มมีอาการลากยาวแล้วครับ รักฮอนด้าต้องกล้าทำครับ :-* :-* :-*

ขอมผมหายแล้วนะครับอาการนี้ ไล่ตามนี้ทุกอย่างครับ ปรากฏว่าวาล์วน้ำตัวใหม่ที่ซื้อมาเปิดมั่งไม่เปิดมั่ง เปิดช้ามั่ง เลยเอาออก เอาตัวเก่ายัดเข้าไปแทน จบเลย วาล์วน้ำแท้เลยนะนั่ง งงเลย ทำบิลหายส่งเครมไม่ได้ เลยใช้ได้แต่ยางมัน เกือบ 800 มั้ง เสียเงินฟรีจริงๆ ผมไล่จนหมด ทำทุกอย่างที่เขียนลงในนี้แล้ว เกือบจนมุมเหมือนกัน อย่าปล่อยไว้นานนะครับ เดี๋ยวฝาสูบโก่งนะครับ

การไล่ลมก็สำคัญนะครับ ไล่ลมไม่หมดเครื่องร้อนไม่จบครับ
เอาเป็นว่าเติมน้ำจนคิดว่าเต็มหมดแล้ว ปิดฝาหม้อน้ำ สตาร์ทเครื่อง เร่งสัก 3000 รอบให้เครื่องร้อนเลย จนพัดลมหม้อน้ำทำงานให้ได้ แล้วไม่ต้องดับเครื่องยนต์ ให้หาถุงพลาสติกหรือผ้าหนาๆครอบลงไปตรงฝาหม้อน้ำ สวมถุงมือด้วย ค่อยๆบิดเปิดฝาหม้อน้ำ จนน้ำมันดันฟู่ๆๆออกช่างมัน อยากดันออกให้มันดันไป พอน้ำมันเริ่มหายไปค่อยๆเติมลงไปเรื่อยๆจนเต็มถึงคอหม้อน้ำ เร่งเครื่องไปอีกให้น้ำมันดันออกไป ไอ้ที่ดันออกน่ะคือลมล้วนๆที่ดันน้ำออกไปนะครับ พอน้ำเริ่มหายก็ค่อยๆเติมลงไปแบบนี้อีก แล้วเร่งเครื่องไปอีก ทำซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ จนอาการดันน้ำออกเริ่มเบาลงๆ แสดงว่าลมเริ่มจะหมดไป ถ้ายังไม่หาย ให้ปิดฝาหม้อน้ำเข้าไปใหม่ เร่งเครื่องไปสักพัก แล้วเปิดฝาหม้อน้ำด้วยวิธีการเดิมอีกครับ ไล่แบบเดิมอีก จนเริ่มไม่มีน้ำพุ่งกระฉูดให้เห็น ส่วนน้ำล้นออกมาอาจมีบ้างแต่ห้ามมีพุ่ง ทำซ้ำไปมาจนไม่มีฟองอากาศเมื่อเรามองดูที่คอหม้อน้ำ นั่นคือไล่ลมได้หมดจริงๆ

เพราะถ้าไล่ลมไม่หมด น้ำไม่เต็มท่อ แทนที่น้ำจะได้สัมผัสกับสวิตซ์ความร้อนเต็มๆ แทบไม่มีโอกาสเลย สวิตซ์มันจึงทำงานมั่ง ไม่ทำงานมั่ง ค่าความแน่นอนไม่มี ถ้าน้ำเต็มระบบ แล้วไหลผ่านสวิตซ์ที่แช่อยู่ในน้ำ ความแม่นยำย่อมมีสูงกว่าแน่นอน อย่างนี้ระบบระบายความร้อนจึงจะสมบูรณ์ได้ครับ จบนะครับกระทู้นี้ ผมว่าชัดเจนที่สุดแล้วครับ

แถมให้อีกนิดนึง ถ้าของใครแก้ไม่หายจริงๆ พัดลมทำงานมั่งไม่ทำงานมั่ง ทั้งที่ตรวจเช็คตามวิธีที่ได้กล่าวมาทั้งหมดแล้วยังไม่หายร้อน ต้องใช้วิชามารแล้ว คือให้ทำการเอาสายไฟมาสองเส้น ต่อเส้นที่หนึ่งเข้ากับสายของ ECT Switch สีเขียว อีกเส้นต่อเข้าสายสีดำ แล้วเอาปลายสายทั้งสองเส้นมาต่อสวิทซ์โยก ปิด-เปิด เพื่อใช้เปิดพัดลมด้วยมือเราเอง ต่อเข้ามาในรถ ให้เปิดได้สะดวกที่สุดน่ะแหละ ในขณะที่เข็มความร้อนมันขึ้นมาเกินปกติ เมื่อมันหยุดร้อนก็สับสวิทซ์ปิดไป ให้มันทำงานอัตโนมัติ นี่คือวิธีสุดท้ายแล้ว ที่หาทางออกไม่เจอจริงๆ ดีกว่าปล่อยให้เครื่องร้อนจนฝาสูบโก่งนะครับ :o

ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อให้เหมาะสมกับเนื้อหาครับ

ใช่เลยครับ  การตั้งชื่อกระทู้แบบนี้ ดูแล้วรู้เลยว่าข้างในเนื้อหามีอะไรบ้าง  เปรียบเหมือนเป็นสารบัญน่ะครับ  :) 

สุดยอดเลยครับ ความรู้ล้วนๆๆ :) :D

ขอบคุณครับ :-[

อันนี้ ควรที่จะมาอ่านต่อเรื่องนี้ได้นะ
http://www.welovecivic.com/forum/index.php?topic=190218.0

การไล่ลมสูตรของผม ผมใช้วิธีดังนี้ครับ

ไล่ขันข้อต่อต่างๆให้แน่น แล้วลองไล่ลมใหม่ดังนี้
คลายที่รัดท่อน้ำตรงวาล์วน้ำออกถอดท่อน้ำออกมา(ส่วนอื่นขันให้แน่น)
 เปิดฝาหม้อน้ำออก เอาสายยางยัดเข้าตรงฝาหม้อน้ำเลย เปิดน้ำเข้าไปแล้วดูว่าน้ำไหลมาถึงวาล์วน้ำที่มีรูเล็กๆระบายแรงดันน้ำหรือยัง
                 อีกด้านปลายท่อยกไว้ให้สูง อย่าให้น้ำไหลออก กรอกน้ำใส่ท่อนี้ให้มาถึงปลายๆสายเลย แล้วเอาไปเตรียมสวมตรงท่อวาล์วน้ำ เมื่อน้ำได้ระดับที่วาล์วน้ำจนเต็มและไหลออกมาจากรูเล็กๆ
    รีบสวมท่อเข้าไปดันให้ได้ระดับที่จะล็อค แต่อย่าเพิ่งขันรัดสาย ให้เอาสายยางไปเสียบลงที่คอหม้อน้ำเหมือนเดิม เปิดน้ำให้แรง ให้น้ำดันลมในระบบออกจนน้ำดันลอดช่องของปลายท่อน้ำที่เราสวมเข้าตรงวาล์วน้ำ เมื่อเห็นน้ำดันออกมาจากท่อ ให้ทำการเริ่มขันสายรัดท่อให้แน่นไปพร้อมกับการปล่อยน้ำเข้าไปด้วย และขันจนแน่น
    ที่เหลือก็เติมให้เต็มคอหม้อน้ำ ถังพักน้ำสำรอง ปิดฝาหม้อน้ำ ลองติดเครื่องยนต์ รันระบบดู ช่วงที่วาล์วยังไม่เปิด ท่อน้ำล่างต้องกดดูแล้วต้องแข็งๆต้านนิ้ว ถ้าบีบแล้วไม่ต้านนิ้ว แสดวงว่ายังมีลม แต่ถ้าไล่วิธีนี้ลมออกได้เกือบหมด ของผมไล่แบบนี้จึงหมดครับ
    ลองดูตามนี้ครับ แต่ถ้ามันเดี๋ยวร้อนบ่อยๆ นะ ถ้าในระบบมีลม ถ้าเติมน้ำยาหม้อน้ำไปด้วยล่ะก็ หม้อน้ำต่อให้ใหม่แค่ไหนก็ตันครับ แนะนำให้ถ้าไล่ลมแล้วไม่หายเอาไปล้างหม้อน้ำครับ ค่อยมาเติมน้ำไล่ลมใหม่ครับ
    ผมต้องล้างหม้อน้ำถึงสองครั้งในรอบ 1 เดือน เพราะหม้อน้ำตันจากน้ำยาหม้อน้ำแข็งตัว เมื่อน้ำไม่เต็มระบบ มันจะกลายเป็นผงสีขาวๆอุดท่อน้ำครับ ใหม่แค่ไหนก็ตันได้ครับถ้าเครื่องร้อนขนาดนั้น
                 สรุป ใครเจอปัญหาความร้อน ให้ไปต่อสายตรงพัดลมหม้อน้ำดูว่าพัดลมทำงานได้ไหม ถ้าพัดลมทำงาน  ให้หาที่รั่วก่อนเลย ทุกจุด ข้อต่อต่างๆ ถอดท่อน้ำออกมาทำความสะอาดหน้าสัมผัสงานได้ยิ่งดี ต้องมีที่รั่วแน่ หาที่รั่วเสร็จถ้ายังไม่หาย ไปล้างหม้อน้ำให้สะอาด ดูวาล์วน้ำด้วย ถอดไปต้มดูว่าเปิดไหม เบื้องต้นดูเท่านี้ก่อน

ว่าถามนานแล้ว ว่า จารบีที่ใช้ทา  เป็นจารบีสีอะไรก็ได้ใช่ไหม

ช่วงนี้หาเวลานั้งไล่อ่านทบทวนเรื่องต่างๆอยู่ครับท่าน  สงสัยเลยขอถามซะหน่อย

จารบีใส อะเนกประสงค์ ยี่ห้อ เทรน รุ่น Super HT เน้นสีใสๆน่ะ

ใส่ภาพด้วยได้จะดีมากครับ คนไม่เคยทำ ทำเป็นเบย ไล่ลมสูตรท่าน Sitti

ถ้ามีโอกาส จะใส่ให้ครับ

up  :-*

พี่ครับรบกวนนิดครับ ถ้าปั๊มน้ำรั่ว วิธีซ่อมนี้เปลี่ยนใหม่ยกลูกหรือมีวิธีที่ประหยัดกว่านี้ครับ ขอบคุณครับ

 :-* :-* :-* :-*

มันรั่วหรือครับ ใช้มานานกี่ปีแล้วครับ ปั๊มน้ำตัวนี้

ไม่แน่ใจจริงๆครับพี่ น่าจะตอนซ่อมใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อนครับ รถไม่ค่อยได้ใช่เกี่ยวด้วยป่ะครับ

ส่วนใหญ่ถ้ารั่วอาจมีสาเหตุมาจากการรั่วที่ซีลยาง เนื่องจากยางโดนความร้อนมานานหมดสภาพ หรือการรั่วจากการที่ไม่เติมน้ำยาหล่อเย็น คือมันเป็นสนิม รั่วแบบตามดบ้างตามขอบๆซีล ถ้ารั่วแบบนี้มักเปลี่ยนใหม่ การที่ถ้าไม่รั่วที่ตัวโลหะอาจเปลี่ยนแค่ยางโอริงมัน ในกรณีที่ลูกปืนมันยังดีอยู่นะ ไม่หลวมไม่คลอน ถ้าหายางใหม่ใส่แทนได้ก็จะประหยัด แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ว่าใบพัดปั้มน้ำต้องไม่บิ่น ไม่หัก ก็ควรเปลี่ยนแค่ยางโอริง แต่ปกติแล้วการรื้อมันรื้อยาก เขาจึงตัดปัญหาจุกจิกที่จะตามมาหากทำไม่ดีโดยการเปลี่ยนของใหม่ครับ

แนะนำว่าถ้ามีการเปลี่ยนสายพานราวลิ้น ควรเปลี่ยนปั้มน้ำด้วยทุก 100,000 กม ครับ

ขอบคุณครับ  :-* :-* :-*

ท่านโก เปลี่ยนรูปใหม่ หล่อเฟี้ยวเลย :-*

น่าจะเปลี่ยนตั้งนานแล้ว  >:(

ตัวนี้ของแท้ ตัวเท่าไหร่ครับอาจารย์

คุณ Sitti2519

ขอปรึกษาหน่อยครับ ตัวประเก็นเหลวสีดำ มันเป็นหลอดใช่ไหม ยี่ห้ออะไร พอจะมีรูปให้ดูไหมครับ  ::)

ขอบคุณครับ

ใช่ครับ บอกเอาของโตโยต้าครับ ผมก็ไม่เคยอ่านยี่ห้อมันนะ บอกเขาแค่ว่าเอากาวดำของโตโยต้าครับ เดี๋ยวเขาจัดให้เลยตามร้านขายอะไหล่ครับ ราคาราวๆ 120 บาท ใน กทม. ครับ แต่ยังไงก็ไม่เกิน 150 ครับ

ถ้าจำไม่ผิดมันน่าจะเขียนว่า DAITEN หรือ อะไรประมาณนี้ ผมก็ไม่ค่อยได้สนใจจำเท่าไหร่ครับ พอดีมันอยู่ท้ายรถครับ ซึ่งมันจอดอยู่ไกลที่ทำงานครับ เอาแค่ไปบอกเขาว่ากาวดำ 1 หลอด ของโตโยต้าครับ แค่นั้น เดี๋ยวได้มาครับ อย่าไปใช้พวกกาวสีขาวนะ มันไม่ค่อยอยู่ครับ เคยลองใช้แล้ว ไม่ได้เรื่อง กาวดำดีที่สุดครับ

ขอบคุณมากครับ จะลองไปหามาเก็บไว้ครับ  :)

อ้อ อย่าไปเถียงเขานะ ถ้าเขาหยิบมาให้ แล้วไม่เขียนว่าโตโยต้าน่ะ เพราะมันไม่ได้เขียนว่า TOYOTA หรอกครับ แต่เขาเรียกกาวดำของโตโยต้า ผมก็งงเหมือนกัน ::)

เห็นหน้าตัวเองแล้วมันยังงัยไม่รุ๊    ขอเปลี่ยนเป็นเขื่อนห้วยหลวง ที่ผมชอบไปนั่งจิบเบียร์แบบเดิมดีกว่า   ;)
 
 

รูปเมื่อกี้แหละดีแล้ว เจอตัวจริงยังจะแทบจำไม่ได้เลย อย่าไปคิดมากดิ :D

มาต่อกันอีกนิดหน่อย ว่าด้วยวิธีการถ่ายน้ำหม้อน้ำ และไล่ลมวิธีของผมนะ ส่วนท่านอื่นจะทำแบบไหนก็แล้วแต่ครับ ผมทำสูตรนี้แล้วมันไล่ได้หมดเกลี้ยงเลย ;D

ขอปรึกษาคุณ Sitti2519 หน่อยครับ

ในการถ่ายน้ำออกจากระบบ โดยดันให้น้ำไหลออกทางท่อที่อยู่ใกล้จานจ่ายน่ะครับ

เราสามารถทำตอนเครื่องเย็นๆได้ไหมครับ หรือว่าเราต้องทำตอนเครื่องร้อนเพื่อให้วาล์วน้ำเปิดก่อนครับ  ::)

ทำตอนเครื่องเย็นได้เลยครับ เพราะมันมีรูเล็กๆระบายแรงดันอยู่แล้ว น้ำมันจะไหลออกมาจากรูระบายเล็กๆนั้นเลย  อีกอย่างถ้าวาล์วน้ำเปิดมันจะไม่เต็มสักที เพราะน้ำมันจะไหลออกมาตรงวาล์วน้ำจนเติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม และไม่ควรทำตอนวาล์วเปิด เพราะเครื่องมันร้อนเอาน้ำเย็นเข้าไปไม่ได้ครับ ทำบ่อยๆฝาสูบจะโก่งเอาได้ ร้อนจัดมาเจอเย็น  ผมก็ทำตอนเครื่องมันเย็นแล้วครับ

ขอบคุณครับ  :-*

อ้างจากกระทู้ของท่าน nuttapong  http://www.welovecivic.com/forum/index.php?topic=191876.0

รถผมเป็นตาโต 97 ความร้อนมักจะขึ้นตอนเช้าหรือเวลามีอากาศเย็นๆ
มันขึ้นไปถึงตรงกลางค่อนไปข้างบน ขับไปซักพักมันจะลงมาปกติ
แล้วก็ขึ้นอีกแบบว่าขึ้นๆลงๆครับ อยากรบกวนทุกท่านครับช่วยวิเคราะห์ทีครับ
ลืมบอกไป รถผมติดแก๊ส LPG ดูดครับ
เบื้องต้นระบบแก๊สผมคิดว่าไม่น่ามีปัญหาครับ

อยากจะต่อให้อีกสักนิดสำหรับท่านที่มีปัญหาความร้อนแบบนี้      
ตามกระทู้ข้างบนเลยครับ ลองแก้แบบนี้ดูนะครับ

หากทำตามที่ผมได้อธิบายไว้แล้วความร้อนไม่ขึ้นแบบที่เคยขึ้น แสดงว่าเกิดจากระบบน้ำเดินไม่สะดวก ให้ลองรื้อชุดหม้อต้มแก๊สออกมาล้างทำความสะอาด เอาให้ดีถ้าเป็นผม ผมจะเอาน้ำยาล้างแอร์เทเข้าไปล้างในหม้อต้มเลย เอาให้มันกัดสุดๆไปเลย ดูสิว่ามันจะหายไหม ลองดูครับ

ถึงเวลา ได้ใช้กระทู้นี้แล้ว 

พัดลมหม้อน้ำไม่หมุน    เดี๋ยวขออ่านทบทวนรอบนึงก่อน

+1 แหม อาการเดียวกันเลย
รถผมพึ่งวางเครื่อง D15B tec มาใหม่ แต่ผมสงสัยว่าทำไมความร้อนมันขึ้นน้อยมากวิ่งได้ 10 กิโลเมตร ความร้อนเข็มขึ้นประมาน 20เปอเซน ของไมล์
แต่ตอนจอดอยู่กลับที่ กลับขึ้นประมาณครึ้งเกจ์ความร้อน แล้วดูเหมือนว่าความร้อน จะลดตอนที่วิ่งอยู่เท่านั้น เพราะอะไรหรอกครับ ช่างวายสายไฟปิดเปล่าไม่รู้ คอมแอร์ยังไม่ได้ใส่นท่อคอมแอร์ แต่มันโทรมาบอกผมว่ารถเสร็จแล้ว - -

อาการนี้ไม่ใช่เขาถอดวาล์วน้ำออกไปแล้วเหรอ ดูด้วยว่ายังอยู่ไหม ถอดออกดูได้เลย

พัดลมหม้อน้ำ หมุนแล้ว    8)

ไล่ตรวจสอบจุดเสียบสาย Sensor ที่เกี่ยวข้อง ตามในรูปของอาจารย์ Sitti2519  ที่บอกไว้ข้างต้น

ถอด เสียบ ถอด เสียบ เช็ด ๆ ๆ  ขัด ๆ ๆ   เคาะ ๆ ๆ     หมุนแล้วครับ

ขอบคุณครับที่ทำรูปไว้ตรวจสอบได้รวดเร็ว   :-*

ถึงแม้ว่าจะบอกไม่ได้ว่าตกลงเป็นที่ตรงไหน  เพราะไปทำหลายจุดพร้อมกันตามในรูป  หายก็ OK แล้วครับ 

ยินดีด้วยที่ไม่ต้องรื้อมอเตอร์พัดลมออกมาดู เดี๋ยวขี้เกียจรื้อเปล่าๆ :D

อีกลิ้งค์ ที่เกี่ยวข้องกัน http://www.welovecivic.com/forum/index.php/topic,190218.0.html

สงสัย รถมันอยากลองวิชา เจ้าของ เกือบเหนื่อยแล้วซิ ฝึกไว้ครับ สักวันหนึ่ง อาจเจอ เหนื่อยเลย เรื่องระบบหม้อน้ำ ไล่กันจนตาเหลือก
แต่มีกระทู้ท่าน Sitti ไล่ตอบเป็นข้อมูลให้อยู่แล้ว เดินตามได้เลย ไล่ตามนั้น  ;D ;D

กระทู้ดี มีประโยชน์
ต้องขอบคุณเจ้าของกระทู้ และพี่ๆ หลายท่านที่แสดงความคิดเห็นจากการทดสอบรถของท่าน  :)

ว่าด้วยเรื่องช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปัญหากับระบบรถยนต์ เนื่องจากเวลาขับรถแล้วไปจอด หากจะสตาร์ทเครื่องยนต์ เพื่อขับไปในจุดต่อไป
จะมีปัญหาว่า สตาร์ทรถไม่ได้ เหมือนเครื่องทำงานแปลกๆ ไม่จุดระเบิด แต่จากการตรวจสอบโดยถอดสายปลั๊กหัวเทียน และนำหัวเทียนมาต่อ และปิดกุญแจสตาร์ท
พบว่ามีไฟจุดระเบิดปกติ แต่ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ต้องรอให้เครื่องเย็นลงประมาณ 30 นาที ถึงจะสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ได้
ซึ่งได้เช็ค ปั๊มติ๊ก เช่นกัน มีเสียงการทำงานปกติ ... มีข้อสังเกต คือผมมี มิเตอร์แสดงผลค่าต่างๆ ของรถ smart gauge มีค่าผิดปกติของ ECT อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น
แต่ไม่ได้เอะใจอะไร ซึ่งมีค่าติดลบ ค่าโดดไปมา .. หลังจากนั้นได้ศึกษาหาวิธีแก้ไขตลอด 1 สัปดาห์ และหาข้อมูลปัญหาจากแหล่งต่างๆ
จนมาพบกระทู้ภายในคลับ ของท่าน. Sitti2519 เจ้าของกระทู้ จึงถึงบางอ้อว่า ECT มันมีผลกับการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ของเครื่องยนต์ ซึ่งพอมันเพี้ยนมันจะทำให้มี
อาการต่างๆ อย่างที่ผมเจอคือ สตาร์ทยาก หลังจากใช้งานแล้วจอดไว้ จะมาสตาร์ทใหม่ และมีอาการกินน้ำมันเชื้อเพลิง มีกลิ่นน้ำมัน ออกปลายท่อไอเสีย แบบผิด
สังเกต

จึงได้ไปซื้อตัว ECT Sensor มือสองมาเพื่อทดสอบ สรุป อาการที่เคยเป็นร้อนแล้ว สตาร์ทยาก สตาร์ทไม่ติดหายไป

ขออภัยที่สาธยายมาซะยาวครับ ต้องขอบคุณคลังความรู้ แห่งนี้ครับ  8) 8)