:::CIVIC CLUB THAILAND:::

คุยคุ้ย Civic => Civic Club Cafe => ห้องนั่งเล่น => ข้อความที่เริ่มโดย: NATASHA ที่ 09 ตุลาคม 2013, 12:55:41



หัวข้อ: ฝากคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: NATASHA ที่ 09 ตุลาคม 2013, 12:55:41
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รับผิดชอบงานจราจร พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบก.จร. เรียกประชุมรอง ผบก.น.1-9 รอง ผบก.จร. และ ผกก.ในสังกัด บก.จร. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายแผนงานการพัฒนาและแก้ไขปัญหาระบบการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ หลังจากที่มีการแถลงนโยบายการแก้ปัญหาจราจร 11 ยุทธศาสตร์ โดย พล.ต.ต.อดุลย์ เปิดเผยว่า โครงการแรกที่จะเริ่มดำเนินการ คือ โครงการถนน 10 สาย ที่มีปัญหารถติดขัดมาก ได้แก่ 1.ถนนลาดพร้าว 2.ถนนพระราม 4  3.ถนนสุขุมวิท 4.ถนนรัชดาภิเษก 5.ถนนรามคำแหง 6.ถนนพหลโยธิน-ถนนเกษตรนวมินทร์ 7.ถนนสาทร 8.ถนนราชดำเนิน 9.ถนนราชบุรี และ 10.ถนนวิภาวดีรังสิต โดยจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดูแลถนนทั้ง 10 สาย ห้ามไม่ให้มีการจอดรถในที่ห้าม โดยปัจจุบันพบว่า การจอดรถในที่ห้ามจอดเป็นการสร้างปัญหารถติดขัดโดยใช่เหตุ และเป็นสาเหตุที่พบบ่อยมาก ซึ่งจะเริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.นี้เป็นต้นไป และจะเริ่มประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ระหว่างวันที่ 15-20 ต.ค. หากพบการจอดรถที่ผิดกฎหมายจะดำเนินการว่ากล่าวตักเตือนก่อน และจะจับปรับจริงจังเข้มข้นในวันที่ 20 ต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะไม่ใช้มาตรการล็อคล้อ แต่จะใช้วิธียกรถออกจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้เป็นการกีดขวางการจราจร ซึ่งเป็นความผิด พ.ร.บ.จราจรมาตรา 57 และ 59 ห้ามจอดในที่ห้าม ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมทั้งเสียค่าเคลื่อนย้าย 500 บาท และค่าดูแลอีกวันละ 200 บาท
 
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการเสนอห้ามรถอายุ 7-10 ปี เข้าพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น ขณะนี้เป็นเพียงแนวคิด ซึ่งเหมือนกับแนวคิดของผู้ตรวจการฯ ที่เสนอเก็บค่าปรับรถเกิดอุบัติเหตุนาทีละ 100 บาท ที่ยังต้องนำไปศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดของโครงการ เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และความเป็นไปได้ในการดำเนินการให้รอบด้านก่อน หลังจากนั้นก็ต้องเสนอรัฐบาล ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายกลั่นกรองกฎหมาย คณะกรรมาธิการ และยังต้องผ่านการพิจารณาของรับสภา ซึ่งหากมีขั้นตอนใดไม่เห็นด้วยแนวคิดก็ต้องยกเลิกไป ถ้าศึกษามาแล้วมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมากก็มีความเป็นไปได้น้อย อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ตนไม่ได้คิดเอง แต่เป็นการเสนอจากตำรวจจราจรที่ทำงานในพื้นที่ว่า รถติดเพราะมีรถจอดเสียกีดขวางและส่วนใหญ่ก็เป็นรถเก่าเกิน 10 ปี อีกทั้งตนได้ลงพื้นที่ที่ถนนพระราม 2 รถติดกว่า 2 กม. เพราะมีรถเก่าจอดเสีย 2 คัน จึงได้บรรจุในแผนเพื่อเตรียมการแก้ไข นอกจากนี้ตนมีข้อมูลปริมาณรถเก่าเกินกว่า 10 ปี ที่วิ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ในปัจจุบันมีถึง 30% ของรถทั้งหมด ถือว่าเป็นจำนวนมาก ส่วนที่มีการชี้ประเด็นไปที่โครงการรถคันแรกที่เพิ่มปริมาณรถยนต์เข้าสู่ถนนมากถึง 9 แสนคันนั้น รถคันแรกเป็นเรื่องของเศรษฐกิจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ไม่เหมือนกรณีรถเก่าที่สร้างปัญหา ทั้งจอดเสียบ่อย ทำให้รถติดซึ่งยังกระทบเศรษฐกิจที่ต้องเผาผลาญน้ำมันเป็นจำนวนมากอีกด้วย


หัวข้อ: Re: ฝากคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: tdcub ที่ 10 ตุลาคม 2013, 20:48:21
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รับผิดชอบงานจราจร พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบก.จร. เรียกประชุมรอง ผบก.น.1-9 รอง ผบก.จร. และ ผกก.ในสังกัด บก.จร. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายแผนงานการพัฒนาและแก้ไขปัญหาระบบการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ หลังจากที่มีการแถลงนโยบายการแก้ปัญหาจราจร 11 ยุทธศาสตร์ โดย พล.ต.ต.อดุลย์ เปิดเผยว่า โครงการแรกที่จะเริ่มดำเนินการ คือ โครงการถนน 10 สาย ที่มีปัญหารถติดขัดมาก ได้แก่ 1.ถนนลาดพร้าว 2.ถนนพระราม 4  3.ถนนสุขุมวิท 4.ถนนรัชดาภิเษก 5.ถนนรามคำแหง 6.ถนนพหลโยธิน-ถนนเกษตรนวมินทร์ 7.ถนนสาทร 8.ถนนราชดำเนิน 9.ถนนราชบุรี และ 10.ถนนวิภาวดีรังสิต โดยจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดูแลถนนทั้ง 10 สาย ห้ามไม่ให้มีการจอดรถในที่ห้าม โดยปัจจุบันพบว่า การจอดรถในที่ห้ามจอดเป็นการสร้างปัญหารถติดขัดโดยใช่เหตุ และเป็นสาเหตุที่พบบ่อยมาก ซึ่งจะเริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.นี้เป็นต้นไป และจะเริ่มประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ระหว่างวันที่ 15-20 ต.ค. หากพบการจอดรถที่ผิดกฎหมายจะดำเนินการว่ากล่าวตักเตือนก่อน และจะจับปรับจริงจังเข้มข้นในวันที่ 20 ต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะไม่ใช้มาตรการล็อคล้อ แต่จะใช้วิธียกรถออกจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้เป็นการกีดขวางการจราจร ซึ่งเป็นความผิด พ.ร.บ.จราจรมาตรา 57 และ 59 ห้ามจอดในที่ห้าม ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมทั้งเสียค่าเคลื่อนย้าย 500 บาท และค่าดูแลอีกวันละ 200 บาท
 
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการเสนอห้ามรถอายุ 7-10 ปี เข้าพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น ขณะนี้เป็นเพียงแนวคิด ซึ่งเหมือนกับแนวคิดของผู้ตรวจการฯ ที่เสนอเก็บค่าปรับรถเกิดอุบัติเหตุนาทีละ 100 บาท ที่ยังต้องนำไปศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดของโครงการ เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และความเป็นไปได้ในการดำเนินการให้รอบด้านก่อน หลังจากนั้นก็ต้องเสนอรัฐบาล ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายกลั่นกรองกฎหมาย คณะกรรมาธิการ และยังต้องผ่านการพิจารณาของรับสภา ซึ่งหากมีขั้นตอนใดไม่เห็นด้วยแนวคิดก็ต้องยกเลิกไป ถ้าศึกษามาแล้วมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมากก็มีความเป็นไปได้น้อย อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ตนไม่ได้คิดเอง แต่เป็นการเสนอจากตำรวจจราจรที่ทำงานในพื้นที่ว่า รถติดเพราะมีรถจอดเสียกีดขวางและส่วนใหญ่ก็เป็นรถเก่าเกิน 10 ปี อีกทั้งตนได้ลงพื้นที่ที่ถนนพระราม 2 รถติดกว่า 2 กม. เพราะมีรถเก่าจอดเสีย 2 คัน จึงได้บรรจุในแผนเพื่อเตรียมการแก้ไข นอกจากนี้ตนมีข้อมูลปริมาณรถเก่าเกินกว่า 10 ปี ที่วิ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ในปัจจุบันมีถึง 30% ของรถทั้งหมด ถือว่าเป็นจำนวนมาก ส่วนที่มีการชี้ประเด็นไปที่โครงการรถคันแรกที่เพิ่มปริมาณรถยนต์เข้าสู่ถนนมากถึง 9 แสนคันนั้น รถคันแรกเป็นเรื่องของเศรษฐกิจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ไม่เหมือนกรณีรถเก่าที่สร้างปัญหา ทั้งจอดเสียบ่อย ทำให้รถติดซึ่งยังกระทบเศรษฐกิจที่ต้องเผาผลาญน้ำมันเป็นจำนวนมากอีกด้วย

ตามแต่ผู้มีอำนาจเลยครับ ประชาชนคนธรรมดารับไป


หัวข้อ: Re: ฝากคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: putirun ที่ 11 ตุลาคม 2013, 14:07:24
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ที่กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.จร.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) รับผิดชอบงานจราจร พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบก.จร. เรียกประชุมรอง ผบก.น.1-9 รอง ผบก.จร. และ ผกก.ในสังกัด บก.จร. เพื่อขับเคลื่อนนโยบายแผนงานการพัฒนาและแก้ไขปัญหาระบบการจราจรในพื้นที่กรุงเทพฯ หลังจากที่มีการแถลงนโยบายการแก้ปัญหาจราจร 11 ยุทธศาสตร์ โดย พล.ต.ต.อดุลย์ เปิดเผยว่า โครงการแรกที่จะเริ่มดำเนินการ คือ โครงการถนน 10 สาย ที่มีปัญหารถติดขัดมาก ได้แก่ 1.ถนนลาดพร้าว 2.ถนนพระราม 4  3.ถนนสุขุมวิท 4.ถนนรัชดาภิเษก 5.ถนนรามคำแหง 6.ถนนพหลโยธิน-ถนนเกษตรนวมินทร์ 7.ถนนสาทร 8.ถนนราชดำเนิน 9.ถนนราชบุรี และ 10.ถนนวิภาวดีรังสิต โดยจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดูแลถนนทั้ง 10 สาย ห้ามไม่ให้มีการจอดรถในที่ห้าม โดยปัจจุบันพบว่า การจอดรถในที่ห้ามจอดเป็นการสร้างปัญหารถติดขัดโดยใช่เหตุ และเป็นสาเหตุที่พบบ่อยมาก ซึ่งจะเริ่มดำเนินการประชาสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.นี้เป็นต้นไป และจะเริ่มประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ระหว่างวันที่ 15-20 ต.ค. หากพบการจอดรถที่ผิดกฎหมายจะดำเนินการว่ากล่าวตักเตือนก่อน และจะจับปรับจริงจังเข้มข้นในวันที่ 20 ต.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะไม่ใช้มาตรการล็อคล้อ แต่จะใช้วิธียกรถออกจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้เป็นการกีดขวางการจราจร ซึ่งเป็นความผิด พ.ร.บ.จราจรมาตรา 57 และ 59 ห้ามจอดในที่ห้าม ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมทั้งเสียค่าเคลื่อนย้าย 500 บาท และค่าดูแลอีกวันละ 200 บาท
 
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการเสนอห้ามรถอายุ 7-10 ปี เข้าพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น ขณะนี้เป็นเพียงแนวคิด ซึ่งเหมือนกับแนวคิดของผู้ตรวจการฯ ที่เสนอเก็บค่าปรับรถเกิดอุบัติเหตุนาทีละ 100 บาท ที่ยังต้องนำไปศึกษาวิเคราะห์รายละเอียดของโครงการ เปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และความเป็นไปได้ในการดำเนินการให้รอบด้านก่อน หลังจากนั้นก็ต้องเสนอรัฐบาล ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายฝ่าย ทั้งฝ่ายกลั่นกรองกฎหมาย คณะกรรมาธิการ และยังต้องผ่านการพิจารณาของรับสภา ซึ่งหากมีขั้นตอนใดไม่เห็นด้วยแนวคิดก็ต้องยกเลิกไป ถ้าศึกษามาแล้วมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นจำนวนมากก็มีความเป็นไปได้น้อย อย่างไรก็ตามแนวคิดนี้ตนไม่ได้คิดเอง แต่เป็นการเสนอจากตำรวจจราจรที่ทำงานในพื้นที่ว่า รถติดเพราะมีรถจอดเสียกีดขวางและส่วนใหญ่ก็เป็นรถเก่าเกิน 10 ปี อีกทั้งตนได้ลงพื้นที่ที่ถนนพระราม 2 รถติดกว่า 2 กม. เพราะมีรถเก่าจอดเสีย 2 คัน จึงได้บรรจุในแผนเพื่อเตรียมการแก้ไข นอกจากนี้ตนมีข้อมูลปริมาณรถเก่าเกินกว่า 10 ปี ที่วิ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ในปัจจุบันมีถึง 30% ของรถทั้งหมด ถือว่าเป็นจำนวนมาก ส่วนที่มีการชี้ประเด็นไปที่โครงการรถคันแรกที่เพิ่มปริมาณรถยนต์เข้าสู่ถนนมากถึง 9 แสนคันนั้น รถคันแรกเป็นเรื่องของเศรษฐกิจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ไม่เหมือนกรณีรถเก่าที่สร้างปัญหา ทั้งจอดเสียบ่อย ทำให้รถติดซึ่งยังกระทบเศรษฐกิจที่ต้องเผาผลาญน้ำมันเป็นจำนวนมากอีกด้วย



เหนื่อยใจเลยครับพี่พงษ์  :(


หัวข้อ: Re: ฝากคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: zemix ที่ 11 ตุลาคม 2013, 21:19:22
พูดได้คำเดียวครับ สมองงงงงงงง!


หัวข้อ: Re: ฝากคนกรุง
เริ่มหัวข้อโดย: neang ที่ 11 ตุลาคม 2013, 22:49:12
ขอบคุณสำหรับข้อมูลคับพี่พงษ์  :-* :-*