หัวข้อ: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:06:43 ตอนที่ 1 "สตาร์ทแล้วออกรถได้เลยไม่ต้องอุ่นเครื่อง"
อุ่นเครื่องยนต์สักหน่อยก่อนออกรถจะดีกว่า เมื่อเครื่องยนต์ทำงานขณะที่ยัง "เย็น" อยู่ เช่น ขณะออกรถจากบ้านไปทำงานตอนเช้า หรือติดเครื่องยนต์เมื่องานเลิกเพื่อกลับบ้าน ไอของเชื้อเพลิงที่เข้มข้นจะเกาะผนังกระบอกสูบ และละลายปนกับฟีล์มน้ำมันเครื่องที่ฉาบผนังอยู่ ทำให้การหล่อลื่นแหวนลูกสูบกับผนังกระบอกสูบไม่เพียงพอ สร้างความสึกหรอใน เครื่องยนต์มากกว่าปกติ นอกจากนี้ทั้งเชื้อเพลิงที่ระเหยไม่หมด และไอน้ำที่เกิดจากการเผาไหม้ขณะเครื่องยังเย็นนี้ ยังละลายปนอยู่ในน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "รถใหม่สมัยนี้ ไม่ต้อง รันอิน" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอนที่ 2 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:08:31 ตอนที่ 2 "รถใหม่สมัยนี้ ไม่ต้อง รันอิน"
รถใหม่ทุกรุ่นทุกยี่ห้อ ต้องรันอินครับ รถรุ่นใหม่ๆ แม้จะมีการควบคุมคุณภาพอย่างดีแล้วก็ตาม แต่เครื่องยนต์ใหม่ควรต้องผ่านการรันอิน และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสักครั้งก่อนที่จะใช้งานอย่างเต็มที่ เพราะเศษโลหะที่ตกค้างอยู่ในระบบจะได้ถูกชะล้างออกไป การรันอินนั้นทำได้ไม่ยาก โดยในช่วง 1,000 กม. แรก ไม่เร่งเครื่องยนต์อย่างรุนแรง หรือใช้รอบเครื่องยนต์ที่สูงมากๆ ถ้าใช้รอบเครื่องไม่เกิน 3,000 รตน. ได้ก็จะดี และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนด พูดถึงเรื่องนี้ เคยมีผู้ใช้รถบางคน ไม่นำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเชค โดยให้เหตุผลว่า เสียเวลา เปลี่ยนน้ำมันเครื่องทำที่ไหนก็ได้ อย่างนี้ "น่าเสียดาย" แทนจริงๆ เพราะถ้าเกิดความเสียหายกับเครื่องยนต์จะเรียกร้องเอากับใคร Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ยกขาก้านปัดน้ำฝนขณะจอดช่วยยืดอายุใบปัด" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอนที่ 3 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:10:58 ตอนที่ 3 "ยกขาก้านปัดน้ำฝนขณะจอดช่วยยืดอายุใบปัด"
สปริงในก้านที่ปัดน้ำฝนจะอ่อน และเสียเร็วขึ้น!! ส่วนสำคัญที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพประกอบด้วย ใบปัด แผ่นยางซึ่งทำหน้าที่รีดน้ำจากกระจกบังลมหน้า ปกติจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี หากใช้นานกว่านั้นเนื้อยางจะแข็งตัวหรือมีการฉีกขาด ไม่ว่าจะยกไว้หรือไม่ก็ตาม อีกส่วนคือ ก้านใบปัด ที่มีสปริงคอยดึงให้ใบปัดแนบสนิทกับกระจก ซึ่งรับแรงจากคันโยก และมอเตอร์ ตัวนี้มีราคาสูงกว่าใบปัด การยกก้านเมื่อจอดตากแดด สปริงจะถูกดึงให้ยืดออกตลอดเวลา อายุการใช้งานสั้นลง ทำให้ต้องจ่ายแพงกว่าเดิมหลายเท่าถ้าต้องเปลี่ยนทั้งชุด Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "รถติดไฟแดงค้างเกียร์ D ไว้ดีกว่าเปลี่ยนเกียร์ว่าง" 29 เรื่องเข้าใจผิดฯ ตอนที่ 4 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:15:32 ตอนที่ 4 "รถติดไฟแดงค้างเกียร์ D ไว้ดีกว่าเปลี่ยนเกียร์ว่าง"
ในกรณีรถติดไฟแดง ผู้ขับรถที่ใช้เกียร์ธรรมดาจะปลดเกียร์ว่าง และเหยียบเบรคป้องกันรถไหล คงจะไม่มีใครเหยียบคลัทช์ และเบรค ใส่เกียร์คาไว้ ให้เมื้อยขา ขณะที่ผู้ขับรถเกียร์อัตโนมัติ กลับมีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน กลุ่มแรก เหยียบเบรคโดยค้างเกียร์ไว้ที่ตำแหน่ง "D" กลุ่มที่ 2 เบรคเหมือนกัน แต่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์มาที่เกียร์ว่าง "N" กลุ่มสุดท้าย ดันคันเกียร์มาอยู่ที่ "P" ไม่เหยียบเบรค ถ้าติดไฟแดงนานๆ กลุ่มแรก ต้องระวังมากที่สุด เพราะถ้าขยับตัวแล้วเท้าหลุดจากแป้นเบรค รถอาจพุ่งไปชนคันหน้า กลุ่มที่ 2 เบาหน่อยแค่เมื่อย ส่วนกลุ่มสุดท้าย สบายใจได้ แต่อาจจะไม่สะดวกกับการใช้งาน วิธีดีที่สุด คือ ใช้เกียร์ว่าง และดึงเบรคมือ Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "เดินทางไกลลมยางอ่อนดีกว่าแข็ง" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอนที่ 5 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:17:28 ตอนที่ 5 "เดินทางไกลลมยางอ่อนดีกว่าแข็ง"
ถูก...ลมน้อย ยางมีโอกาสระเบิดได้มาก คู่มือการใช้และดูแลรักษายางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นค่ายไหน ก็แนะนำตรงกันว่า ผู้ใช้รถควรเติมลมยางตามมาตรฐานที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้ และให้เพิ่มแรงดันลมยางให้สูงขึ้นอีก 2-3 ปอนด์ เมื่อต้องเดินทางไกล ลมยางที่อ่อนกว่ามาตรฐานกำหนด นอกจากจะทำให้หน้ายางด้านนอกสึกมากกว่าด้านในแล้ว ยังอาจส่งผลเสียกับโครงสร้างยางได้ และมีโอกาสเกิด "ยางระเบิด" มากกว่าหรือใกล้เคียงกับยางที่มีแรงดันลมยางเกินกำหนด เพราะอุณหภูมิความร้อนที่เกิดจากการเสียดสี Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ฝนตกใส่ขับ 4 ล้อเกาะกว่า...2 ล้อ" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอนที่ 6 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:23:20 ตอนที่ 6 "ฝนตกใส่ขับ 4 ล้อเกาะกว่า...2 ล้อ"
อย่าใช้ระบบขับเคลื่อนผิดประเภท จะได้ไม่ต้องเสียใจ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนั้นอาจจะช่วยให้รถเกาะถนนมากกว่าระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ แต่สำหรับรถที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์หรือ "ตามต้องการ" ในรถพิคอัพ หรือพีพีวี ที่มีชุดส่งกำลังแยกเพื่อส่งกำลังไปยังล้อหน้า กำลังจากล้อหลังจะถูกแบ่งมายังล้อหน้า อาการท้ายปัด หรือล้อหลังฟรีก็จะน้อยลง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกาะถนนดี เมื่อต้องเลี้ยวในความเร็วสูง ล้อหน้าที่ถูกลอคให้หมุนจะเลี้ยวได้น้อยลง ทำให้ต้องใช้วงเลี้ยวที่กว้างขึ้น จึงมีรถประเภทนี้หลุดโค้งให้เห็นกันเป็นประจำ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์มีไว้เพื่อช่วยให้รถสามารถผ่านทางทุรกันดานได้ง่ายขึ้น ต่างกับพวกที่เป็นฟูลล์ไทม์หรือ "ตลอดเวลา" ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการยึดเกาะถนน Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ตั้งศูนย์ล้อหน้าอย่างเดียวก็พอ" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอนที่ 7 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:24:23 ตอนที่ 7 "ตั้งศูนย์ล้อหน้าอย่างเดียวก็พอ"
ทุกล้อมีความสำคัญ ตั้งศูนย์ล้อควรทำทั้ง 4 ล้อ เชื่อหรือไม่ว่า ศูนย์ล้อหลังมีความสำคัญพอๆ กับศูนย์ล้อหน้า หรืออาจจะมากกว่า เพราะมุมที่ล้อหลังเอียงไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจทำให้รถเสียสมดุลเมื่อเบรค หรือเลี้ยว และทำให้รถเลี้ยวไปมากกว่าที่คิด รถยนต์ส่วนใหญ่จะปรับตั้งศูนย์ล้อได้หน้า/หลัง ยกเว้นรถขับเคลื่อนหน้าบางรุ่นที่ปรับได้แต่เฉพาะล้อหน้าเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถตั้ง ศูนย์ล้อหลัง ก็ต้องทำใจ Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ต้องเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเวลาข้ามแยก" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอนที่ 8 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:26:00 ตอนที่ 8 "ต้องเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเวลาข้ามแยก"
เวลาข้ามแยก รอให้รถว่าง และไม่ควรเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉิน ถ้าคุณเปิดไฟฉุกเฉิน รถทั้งด้านซ้าย/ขวา ต่างก็จะเห็นสัญญาณไฟเลี้ยวเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น รถทางขวาอาจจะจอดให้ไป แต่สำหรับทางซ้ายอาจคิดว่าคุณจะเลี้ยวซ้ายจึงไม่หยุดให้ อุบัติเหตุ จึงเกิดขึ้น ด้วยความเข้าใจผิด จากการใช้สัญญาณไฟแบบผิดที่...ผิดทาง Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัดต้องเปิดไฟฉุกเฉิน" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอนที่ 9 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:28:23 ตอนที่ 9 "ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัดต้องเปิดไฟฉุกเฉิน"
การทำเช่นนี้อาจสร้างความสับสนให้ผู้ร่วมทาง ไฟฉุกเฉินควรใช้เวลาจอดฉุกเฉิน ในสภาพอากาศที่ไม่ดี และมีทัศนวิสัยแย่มาก จนมองแทบไม่เห็นรถคันหน้า การชะลอความเร็ว เปิดไฟหน้า และทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ควรทำมากกว่า แต่การใช้สัญญาณไฟฉุกเฉิน ทำให้ที่วิ่งสวนทางมาเข้าใจผิดคิดว่ามีรถจอดเสียอยู่ทางซ้ายริมถนน และหักหลบไปทางขวา ซึ่งเป็นไหลทาง กว่าจะเห็นอาจจะสายเกินไป ไม่ลงไปข้างทางก็อาจพุ่งข้ามช่องทางมาชน หรือถ้าหยุดรถก็ ขวางทาง และเกิดอุบัติเหตุ การใช้ สัญญาณไฟฉุกเฉิน หรือไฟผ่าหมาก ควรใช้เฉพาะเวลาที่รถเสีย และต้องจอดอยู่ริมถนน เพื่อบอกให้เพื่อนร่วมทางที่สัญจรผ่านไปมา ใช้ความระมัดระวัง และชะลอความเร็วในจุดที่รถจอดเสียอยู่ Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ผ้าเบรคแข็ง หรือ ผ้าเบรคเนื้อแข็ง ไม่ดี" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอน 10 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:32:01 ตอนที่ 10 "ผ้าเบรคแข็ง หรือ ผ้าเบรคเนื้อแข็ง ไม่ดี"
ไม่แน่เสมอไป ขึ้นอยู่กับความต้องการ ความเข้าใจผิดๆ เรื่อง "ผ้าเบรค" ที่ว่าผ้าเบรคอ่อนดีกว่าแข็ง เกิดจากบรรดาช่างซ่อมรถที่ไม่ได้อธิบายให้เจ้าของรถเข้าใจ การผสมเนื้อผ้าเบรคให้ใช้งานได้ดี เป็นศาสตร์ชั้นสูง ใช้วัสดุนานาชนิด และมีสัดส่วนที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีผลต่อคุณสมบัติของผ้าเบรค และมักจะขัดแย้งกันเอง ถ้าเน้นข้อดีข้อใดขึ้นมา ก็มักจะมีข้ออื่นด้อยลงไป เช่น การใช้ส่วนผสมที่เบรคหยุดดี ก็จะกินเนื้อจานเบรคมาก หรือร้อนจัด หรือไม่เนื้อผ้าเบรคก็สึกเร็ว พอทำให้สึกช้า ก็แข็ง เบรคไม่ค่อยอยู่ หรือมีเสียงรบกวน ส่วนผ้าเบรค "เนื้ออ่อน" ที่มีจุดเด่นเรื่องไม่กัดกินเนื้อจานเบรค ก็จะมีข้อด้อยตรงจุดอื่น Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "เอนนอนขับแบบนักแข่ง...สบายที่สุด" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอนที่ 11 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:34:01 ตอนที่ 11 "เอนนอนขับแบบนักแข่ง...สบายที่สุด"
นั่งขับแบบไม่ต้องชะเง้อ จะได้ไม่เมื่อย และไม่อันตราย ท่าขับแบบนักแข่ง ตัวจริง ต่างกับการปรับเบาะเอนนอนขับมาก การนั่งท่านี้จะรู้สึกว่าจะหลุดจากเบาะนั่งทุกครั้งที่เบรคแรงๆ แขนที่เหยียดตึงตลอดเวลา นอกจากจะทำให้เมื่อยล้า ยังต้องยกตัวขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลี้ยว เพราะไม่มีแรงหมุนพวงมาลัย และมองทางข้างหน้าไม่เห็น เช่นเดียวกับเวลาถอยหลังจอด สายเข็มขัดนิรภัยที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าการนั่งขับแบบปกติ อาจจะรั้งคอ แทนที่จะเป็นไหล เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ท่านั่งที่ถูกต้องเอาหลังพิงพนักจนสนิทแล้วเหยียดแขนข้างใดข้างหนึ่ง ไปวางบนส่วนบนสุดของพวงมาลัยแล้ว ตรงกับข้อมือ ขาต้องสามารถเหยียบแป้นคลัทช์จนจม โดยไม่ต้องเหยียดข้อเท้าสุดแบบนักบัลเลท์ ส่วนใต้ของขาอ่อนดันกับเบาะนั่งส่วนหน้า จนรู้สึกว่าน้ำหนักตัวที่ลงตรงสะโพกพอดี และยังสัมผัสกับพนักพิง Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "นั่งชิดพวงมาลัยเพื่อให้มองเห็นหน้ารถ" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอนที่ 12 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:35:12 ตอนที่ 12 "นั่งชิดพวงมาลัยเพื่อให้มองเห็นหน้ารถ"
อันตราย!! ตัวอาจกระแทกกับพวงมาลัยบาดเจ็บ ผู้ที่นั่งใกล้พวงมาลัยเกินไป มักเป็นผู้ที่ไม่ค่อยให้ความสนใจกับรถนัก และได้รับการสอนท่านั่งมาแบบผิดๆ ลำตัวที่อยู่ชิดกับพวงมาลัย นอกจากจะทำให้หมุนพวงมาลัยไม่ถนัดเพราะแขนงอมากเกินไป ยังเพิ่มความเสี่ยงให้แก่ตัวผู้ขับ ที่อาจจะบาดเจ็บจากการที่ลำตัวกระแทกกับพวงมาลัย และแรงระเบิดจากถุงลมนิรภัย Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "สอดมือหมุนพวงมาลัยถนัด เบาแรง และปลอดภัย" 29 เรื่องเข้าใจผิดฯ ตอนที่ 13 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:36:31 ตอนที่ 13 "สอดมือหมุนพวงมาลัยถนัด เบาแรง และปลอดภัย"
ไม่ถนัดจริง และอันตรายไม่ควรทำ การหงายมือล้วงหรือสอดมือจับพวงมาลัย เพื่อเลี้ยวรถ เป็นการออกแรงดึงเข้าหาตัว จึงทำให้รู้สึกว่าออกแรงน้อยกว่าการจับแบบคว่ำมือหมุน แต่การทำแบบนั้นมี "อันตราย" มาก ถ้าหากล้อหน้าเกิดสะดุดก้อนหิน และเกิดมือหลุดจากพวงมาลัย ดึงมือออกมาไม่ทันก้านพวงมาลัยจะตีมืออย่างแรง การจับพวงมาลัยที่ถูกต้องควรจับในตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา ซึ่งแขนจะงออยู่เล็กน้อย และเพียงพอที่หมุนพวงมาลัยได้จนครบรอบ เมื่อต้องเลี้ยวรถมากกว่าหนึ่งรอบ จะปล่อยมือที่อยู่ด้านหลัง เพื่อมาจับในตำแหน่งเดิม โดยทำในลักษณะนี้ทั้งเลี้ยวซ้าย/ขวา Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "เกียร์ ซีวีที ขับยากและกินน้ำมันกว่าเกียร์อัตโนมัติ" 29 เรื่องเข้าใจผิดฯ ตอน 14 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:40:15 ตอนที่ 14 "เกียร์ ซีวีที ขับยากและกินน้ำมันกว่าเกียร์อัตโนมัติทั่วไป"
การไม่สามารถเข้าใจเหตุผล ก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ ผู้ที่ขับรถใช้เกียร์ ซีวีที บอกว่าขับแล้วรู้สึกเหมือนขับรถที่เกียร์ หรือระบบขับเคลื่อน "มีปัญหา" ให้ความรู้สึกที่ไม่ดี โดยเฉพาะตอนที่ขับด้วยความเร็วคงที่แล้วกดคันเร่งเพิ่ม เกียร์จะเลือกอัตราทดที่เหมาะ ทำให้ความเร็วเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นทันที แต่ความเร็วรถยังเท่าเดิม ให้ความรู้สึกเหมือนรถคลัทช์ลื่น การขับแบบประหยัดเชื้อเพลิง ให้เหยียบคันเร่งไม่ลึกนักขณะออกรถและรักษาระยะที่เหยียบไว้ ช่วงแรกเครื่องยนต์จะส่งกำลังผ่านทอร์คคอนเวอร์เตอร์ พอล้อรถหมุนเร็วพอสมควร และไม่ต้องการความช่วยเหลือจากทอร์คคอนเวอร์เตอร์แล้ว ระบบต่อตรงส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังจานทรงกรวยตัวขับก็จะทำงาน จากนั้นระบบควบคุมจะลดระยะห่างของจานทรงกรวยคู่ที่เป็นตัวขับ เป็นการลดอัตราทด เพื่อเพิ่มความเร็วรถ โดยที่ความเร็วของเครื่องยนต์ ค่อนข้างคงที่ ยกตัวอย่างเช่น ประมาณ 1,800 รตน. ความเร็วจะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนเดียวกับที่อัตราทดของเกียร์ลดลง จนได้ความเร็วประมาณ 60-70 กม./ชม. ซึ่งเป็นความเร็วสูงสุดของการเหยียบคันเร่งของเราเท่านี้ เยี่ยมไหมครับ? Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ต้องเปลี่ยนไส้กรองทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง" 29 เรื่องเข้าใจผิดฯ ต.15 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:41:31 ตอนที่ 15 "ต้องเปลี่ยนไส้กรองทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง"
ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกครั้ง แต่ถ้าเปลี่ยนได้ก็ดี ผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรป แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้ง แต่โรงงานผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น จำนวนไม่น้อย แนะนำให้เปลี่ยนไส้กรอง หรือหม้อกรองทุกๆ ครั้งที่ 2 ของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ถ้าคำนึงถึงคุณภาพของน้ำมันเครื่องยุคปัจจุบันแล้ว น้ำมันเครื่องหมดอายุแล้ว ในหม้อกรองน้ำมันเครื่องจำนวนหนึ่งปนเปื้อน ไม่ถึงกับให้โทษในด้านการหล่อลื่นหรือทำความสะอาดภายในเครื่องยนต์ แต่เมื่อ คำนึงถึงราคาหม้อกรอง หรือไส้กรอง ซึ่งถูกกว่าราคาน้ำมันเครื่องแล้ว ควรเปลี่ยนทุกครั้งเพื่อให้น้ำมันเครื่องสะอาดที่สุด และทำหน้าที่รักษาเครื่องยนต์ของเราจะดีกว่า Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ควรเติมหัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพื่อถนอมเครื่องยนต์" 29 เรื่องเข้าใจผิดฯ ตอนที่ 16 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:43:12 ตอนที่ 16 "ควรเติม หัวเชื้อน้ำมันเครื่องเพื่อถนอมเครื่องยนต์"
อาจจะหนืดไป แค่ใช้น้ำมันเครื่องดี มีคุณภาพ ก็เพียงพอแล้ว เราแบ่งหัวเชื้อน้ำมันเครื่องได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภทที่ช่วยเพิ่มคุณภาพของน้ำมันเครื่อง และประเภทที่ช่วยเพิ่มความหนืดของน้ำมันเครื่อง น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงในปัจจุบันมีส่วนผสมของสารต่างๆ อยู่ในปริมาณและสัดส่วน ที่เหมาะสม จึงไม่ควรใส่สารอื่นเข้าไปทำลายสัดส่วนสารเคมีเหล่านี้ให้เสียสมดุล และกลับให้โทษแก่เครื่องยนต์ ประเภทแรกจึงไม่จำเป็น ส่วนหัวเชื้อน้ำมันเครื่องที่ช่วยเพิ่มความหนืด อาจช่วยลดความสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์ที่หมดสภาพแล้วได้บ้าง แต่เมื่อคำนึงถึงราคาแล้ว ก็ไม่น่าจะช่วยประหยัดได้ และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วย วิธีที่ถูกต้องคือ การซ้อมใหญ่ หรือ โอเวอร์ฮอล เพื่อให้เครื่องยนต์กลับคืนสู่สภาพดีปกติ Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "เติมน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงปนกับน้ำมันเครื่องทั่วไปจะได้คุณสมบัติที่ดีขึ้น" (17) เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:44:57 ตอนที่ 17 "เติมน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงปนกับน้ำมันเครื่องทั่วไปจะได้คุณสมบัติที่ดีขึ้น"
การผสมไม่ได้ช่วยให้คุณภาพดีขึ้น ใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพมาตรฐานจะดีกว่า การนำน้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุดสักครึ่งลิตร มาผสมกับน้ำมันเครื่องคุณภาพปานกลาง ก็ไม่สามารถเพิ่มคุณภาพขึ้นมาได้ เอาเงินส่วนนี้ไปทำประโยชน์ส่วนอื่นจะดีกว่า เช่นเดียวกับการเอาน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำมาเติมผสมลงไปน้ำมันเครื่องชั้นดีราคาสูง ซึ่งจะทำให้ส่วนผสมของสารเพิ่มคุณภาพในน้ำมันเครื่องเสียสมดุลไป เท่ากับน้ำมันเครื่องทั้งหมดคุณภาพต่ำไป การเติมน้ำมันเครื่องใหม่เมื่อน้ำมันเครื่องเดิมใกล้จะถึงกำหนดเปลี่ยนถ่ายนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไปเพื่อแลกกับการใช้งานเพียงระยะสั้น ทางที่ดีเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยจะคุ้มกว่า Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทุกๆ 5,000 กม." 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอน 18 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:47:41 ตอนที่ 18 "ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่ทุกๆ 5,000 กม."
ขึ้นอยู่กับคุณภาพน้ำมันเครื่องและความต้องการของเครื่องยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละราย กำหนดมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องที่เครื่องยนต์แต่ละรุ่นต้องการใช้ อยู่ในคู่มือประจำรถ และกำหนดระยะเวลาการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไว้แตกต่างกันด้วย รถยนต์ของค่ายญี่ปุ่น จะมีกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นระยะทางที่สั้นกว่ารถยุโรป เช่น ทุกๆ 5,000 กม. และ 10,000 กม. ส่วนรถค่ายยุโรปส่วนใหญ่ที่เครื่องยนต์ใหญ่ใช้รอบเครื่องยนต์ต่ำ และมาตรฐานคุณภาพของน้ำมันเครื่องไว้สูง เช่น ระดับ SJ สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน จะกำหนดระยะทางถึง 15,000 กม. หรือมากกว่านั้น ปัจจุบันกำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่มีระยะมากที่สุด เป็นของรถ เปอโฌต์ คือ ทุกๆ 30,000 กม. แต่อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนก่อนเวลาก็ไม่ได้ทำให้เสียหาย เพียงแต่เปลืองเงินกว่าที่ควร เท่านั้นเอง ผู้ใช้รถควรใช้วิจารณญาณในการร่นระยะเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ตามสภาพการใช้งาน เช่น กรณีที่ใช้งานในสภาพการจราจรติดขัดเป็นส่วนใหญ่ เหลือ 70 % ที่กำหนดในคู่มือ หรือถ้าต้องสตาร์ทเครื่องยนต์บ่อยๆ และ "รถติด" เป็นประจำด้วย เหลือเพียง 50 % ถ้าใช้น้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" คุณภาพสูง แล้วใช้งานหนักมาก เปลี่ยนทุก 5,000 กม. ถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % เปลี่ยนทุก 10,000 กม. หากใช้งานเบากว่านี้ เพิ่มระยะทางได้ตามความเหมาะสม ไม่ใช่กำหนดที่ปั๊มน้ำมัน หรือศูนย์บริการ ฯ ลดทอน เพราะต้องการขายน้ำมันเครื่อง Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "เครื่องยนต์ดีเซลมีระยะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่ากับเบนซิน" 29 เรื่องฯ ตอน 19 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:49:54 ตอนที่ 19 "เครื่องยนต์ดีเซลมีระยะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเท่ากับเบนซิน"
นอกจากอุณหภูมิภายในไม่เท่ากันแล้ว อายุการใช้งานก็ต่างกันด้วย การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล ก่อให้เกิดเขม่ามากกว่าในเครื่องยนต์เบนซิน ผงเขม่าขนาดเล็กสามารถลอดผ่านกระดาษกรองของหม้อกรองน้ำมันเครื่องได้ เมื่อสะสมแขวนลอยอยู่ในน้ำมันเครื่องมากขึ้น จะทำให้น้ำมันเครื่องมีค่าความหนืดสูงขึ้น คุณสมบัติในการหล่อลื่นจึงลดลง เครื่องยนต์ดีเซลระบบฉีดตรงเข้าห้องเผาไหม้ หรือไดเรคท์อินเจคชันยุคใหม่มีเขม่าน้อยกว่าแบบพรีแชมเบอร์มาก เราจึงสังเกตได้ว่า กำหนดเปลี่ยนน้ำมันเครื่องของเครื่องยนต์แบบนี้ใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เบนซินแล้ว Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา" 29 เรื่องฯ ตอนที่ 20 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:51:41 ตอนที่ 20 "น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา"
ราคาแพงกว่าใช้ได้นานกว่า แต่จะคุ้มหรือไม่อยู่ที่ใจ จุดเด่นแรกของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์อยู่ที่ค่าความหนืดต่ำที่อุณหภูมิต่ำ จึงไหลไปหล่อลื่นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ได้อย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มติดเครื่องยนต์ในสภาพเย็นจัด เช่น ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ซึ่งสภาวะเช่นนี้ไม่มีในประเทศไทย ข้อดีประการที่ 2 คือทนต่อความร้อนสูงที่ผนังกระบอกสูบได้ดีกว่า จึงมีอัตราการระเหยเป็นไอได้น้อยกว่าน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเครื่องอาจน้อยกว่าเล็กน้อย จุดเด่นอีกข้อของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ คือ การมีค่าดัชนีความหนืดสูง จึงไม่ "ใส" เกินไปเมื่อถูกความร้อนจัด น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีสารปรับดัชนีความหนืดผสมอยู่ในอัตราที่น้อยกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา เนื่องจาก สารปรับดัชนีความหนืดนี้เสื่อมสภาพได้ง่ายตามอายุใช้งาน น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จึงมีอายุใช้งานยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดามาก เมื่อเปรียบเทียบราคาน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ 100 % กับราคาน้ำมันเครื่อง "ธรรมดา" ระดับคุณภาพสูงสุดน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีราคาสูงกว่าราว 2 ถึง 4 เท่า จึงไม่สามารถกล่าวได้ว่า "คุ้มกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา" ยกเว้นพวกชอบใช้ของแพง ได้จ่ายเงินมากแล้วมีความสุข ผู้ที่ต้องการถนอมให้เครื่องยนต์สึกหรอน้อยที่สุด โดยไม่คำนึงถึงราคาว่าคุ้มหรือไม่ Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ใช้น้ำมันเครื่องราคาถูกแต่เปลี่ยนบ่อยๆ ช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด" (21) เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:53:53 ตอนที่ 21 "ใช้น้ำมันเครื่องราคาถูกแต่เปลี่ยนบ่อยๆ ช่วยถนอมเครื่องยนต์ได้ดีที่สุด"
ถ้าเจอน้ำมันเครื่องปลอม หรือไม่มีคุณภาพ อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหาย ไม่ควรนำน้ำมันเครื่องราคาถูกมาเปลี่ยนบ่อยๆ เช่น ทุก 3,000 หรือ 4,000 กม. แทนน้ำมันเครื่องมาตรฐานที่ผู้ผลิตกำหนด เพราะในประเทศเราที่ไม่มีหน่วยงานควบคุม และตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันเครื่องอยู่เลย แม้น้ำมันเครื่องระดับคุณภาพสูงที่เราซื้อมา ก็อาจเป็นของปลอมที่กรองและฟอกสีมาจากกากน้ำมันเครื่องใช้แล้วได้ วิธีถนอมเครื่องยนต์ที่ดีที่สุด คือ เลือกใช้น้ำมันเครื่องคุณภาพสูงสุด ก่อนอื่นต้องเลือก "ยี่ห้อ" และสถานที่จำหน่ายที่น่าไว้วางใจได้ เลือกระดับคุณภาพ แล้วจึงดูระดับความหนืด หรือความข้นของน้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับอุณหภูมิเฉลี่ยของเมืองไทย เช่น 10W-40/15W-40/15W-50 หรือ 20W-50 ระดับคุณภาพที่รู้จักกันแพร่หลายในประเทศไทย คือ ระดับคุณภาพตามมาตรฐานของ API (AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE) ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน ควรใช้น้ำมันเครื่อง ระดับคุณภาพ SJ หรือ อย่างน้อย SH ถ้าเป็นรถใช้เครื่องยนต์ดีเซล ควรเลือกระดับ CG - 4 หรืออย่างน้อย CF - 4 Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "เปลี่ยนแบทเตอรีให้ลูกใหญ่ จะได้สตาร์ทง่าย" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอน 22 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:55:40 ตอนที่ 22 "เปลี่ยนแบทเตอรีให้ลูกใหญ่ จะได้สตาร์ทง่าย"
แบทเตอรีขนาดไหนก็ใช้ไฟเท่าเดิม ใหญ่ไปก็หนักรถ การใช้แบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิม ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ ทั้งเครื่องยนต์ ไดสตาร์ท และไดชาร์จ ยังมีขนาดเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นอกจากจะเป็นความสิ้นเปลืองที่เกินกว่าความจำเป็น เพราะความต้องการไฟในการสตาร์ทเครื่องยนต์ยังเท่าเดิมแล้ว ยังอาจส่งผลเสียกับไดชาร์จในอนาคต แบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป ไม่เพียงต้องทำให้เจ้าของรถต้องดัดแปลงแทนวางแบทเตอรีใหม่เท่านั้น ยังอาจส่งผลให้ไดชาร์จทำงานเต็มกำลังตลอดเวลา เพื่อบรรจุไฟเข้าไปเก็บในแบทเตอรี่ ซึ่งจะหยุดก็ต่อเมื่อไฟเต็ม Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ดับเครื่องยนต์ และปิดพัดลมแอร์ จะช่วยให้แอร์ไม่เสียเร็ว" 29 เรื่องฯ ตอนที่ 23 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 19:57:25 ตอนที่ 23 "ดับเครื่องยนต์ และปิดพัดลมแอร์ จะช่วยให้แอร์ไม่เสียเร็ว"
ถูก...ควรปิดคอมเพรสเซอร์แอร์ ก่อนดับเครื่อง ช่วยยืดอายุตู้แอร์ ระบบทำความเย็นทั้งภายในรถและอาคาร อาศัยหลักการถ่ายเทความเย็น และระบายความร้อน ซึ่งตู้แอร์ หรือคอยล์เย็น จะมีสารทำความเย็นบรรจุอยู่ภายใน โดยมีพัดลมทำหน้าที่เป่าลม การปิดพัดลมหลังดับเครื่อง ความเย็นยังคงอยู่ภายในระบบ ตู้แอร์จึงชื้น และกลายเป็นที่สะสมฝุ่นละออง ซึ่งจะทำให้ลมผ่านได้ไม่สะดวก เกิดการอุดตัน และตู้รั่ว การปิดคอมเพรสเซอร์ หรือปิดสวิทช์ AC ก่อนดับเครื่องยนต์อย่างน้อย 5 -10 นาที จะช่วยไล่ความชื้นในตู้แอร์ ไม่เป็นที่สะสมฝุ่น นอกจากจะช่วยยืดอายุตู้แอร์ ยังช่วยลดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ที่มักเกิดพร้อมๆ กับความชื้นอีกด้วย Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "แกสโซฮอลสิ้นเปลืองกว่าเบนซิน 95 เพราะแอลกอฮอล์ระเหยได้ง่ายกว่า" 29 เรื่องฯ (24) เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 20:00:00 ตอนที่ 24 "แกสโซฮอลสิ้นเปลืองกว่าเบนซิน 95 เพราะแอลกอฮอล์ระเหยได้ง่ายกว่า"
แอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลังงาน ต่ำกว่าของเบนซิน การที่แกสโซฮอลสิ้นเปลืองกว่าเพราะแอลกอฮอล์มีพลังงานสะสมในตัวมันน้อยกว่า เมื่อเทียบมวลเท่ากัน เช่น มีพลังงานกี่กิโลแคลอรีต่อมวลหนึ่งกิโลกรัมเท่ากัน หรือกล่าวได้ว่าแอลกอฮอล์มีความหนาแน่นของพลังงาน หรือ ค่าความร้อน (HEATING VALUE) ต่ำกว่าของเบนซิน เกี่ยวกับการระเหยง่ายอย่างที่หลายคนคิด ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ น้ำมันเบนซินซึ่งระเหยง่ายมาก และน้ำมันดีเซลซึ่งระเหยยากมาก แต่มีความหนาแน่นของพลังงานหรือค่าความร้อนพอๆ กัน และมากกว่าของแอลกอฮอล์ประมาณเท่าตัว Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "เติมน้ำยาหล่อเย็นจะทำให้หม้อน้ำรั่ว" 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ ตอนที่ 25 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 20:01:48 ตอนที่ 25 "เติมน้ำยาหล่อเย็นจะทำให้หม้อน้ำรั่ว"
น้ำยาเติมหม้อน้ำช่วยลดตะกอนและควบคุมอุณหภูมิของน้ำ น้ำยาเติมหม้อ หรือน้ำยาหล่อเย็น (COOLANT) ถูกมองว่าเป็นตัวการทำให้หม้อน้ำและปั๊มน้ำรั่วอยู่เสมอ นั่นก็เพราะผู้ใช้รถจะพบปัญหาเหล่านี้หลังจากที่ได้เติมน้ำยาหล่อเย็น ซึ่งในความเป็นจริงเกิดจากระบบหล่อเย็นของรถขาดการบำรุงรักษามาเป็นเวลานาน หรือใช้น้ำที่มีค่าเป็นกรดเป็นด่างมากเกินไป จนเกิดการผุกร่อน ดังนั้นเราควรบำรุงรักษาหม้อน้ำด้วยการเปลี่ยนถ่ายน้ำยาในระบบหล่อเย็นปีละครั้ง รวมทั้งทำความสะอาดถังพักน้ำด้วย ส่วนการผสมน้ำยาหล่อเย็น ควรทำตามอัตราส่วนที่ผู้ผลิตระบุไว้ ผิด 26. "รถที่ใช้จานเบรค 4 ล้อปลอดภัยกว่ารถที่ใช้ดุมเบรคหลัง" ถูก...ไม่แน่ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของการใช้งาน หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าจานเบรคใช้ได้ดีกับรถทุกรุ่นทุกขนาด แม้ว่าคุณสมบัติที่ดีของจานเบรคคือ ระบายความร้อนได้เร็ว ส่วนใหญ่ผู้ผลิตรถจึงใช้กับล้อหน้าที่ผ้าเบรคจับตัวจานเบรคแทบจะตลอดเวลา ดุมเบรคที่ระบายความร้อนได้ช้ากว่าเพราะมีฝาครอบ แต่มีพื้นที่สัมผัสมากกว่าจานเบรคและไม่มีปัญหาเบรคลอคเหมือนจานเบรคใช้ใน ล้อหลัง รถที่ใช้งานแบบทั่วไป รวมทั้งรถที่มีระบบเอบีเอส ซึ่งวิศวกรผู้ผลิตรถยนต์จะเลือกใช้จานเบรคตามความเหมาะสม การที่เจ้าของรถนำรถไปดัดแปลงใช้จานเบรคในล้อหลัง ต้องระวัง เพราะหากล้อหลังหยุดก่อนล้อหน้าเมื่อเบรค อาจทำให้รถหมุนได้ Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "เปลี่ยนกรองเปลือย และหัวเทียน ทำให้รถแรงขึ้น" 29 เรื่องเข้าใจผิดของคนใช้รถ ต.27 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 20:02:57 ตอนที่ 27 "เปลี่ยนกรองเปลือย และหัวเทียน ทำให้รถแรงขึ้น"
ถูก...ช่วยอะไรไม่ได้มาก ไม่คุ้มกับเงินที่จ่ายไป การเปลี่ยนกรองอากาศมาเป็นแบบกรองเปลือย ที่ไม่มีกล่องป้องกันฝุ่น และท่อนำอากาศ อาจจะช่วยให้อากาศเข้าได้สะดวกขึ้น แต่ความหนาแน่นของมวลอากาศน้อยลงเพราะอุณหภูมิความร้อนภายในห้องเครื่องยนต์ ซึ่ง ปริมาณอากาศกับห้องเผาไหม้เท่าเดิม จึงให้กำลังตกลงเมื่อเครื่องร้อน อีกทั้งมีฝุ่นละอองมาก ทำให้ต้องล้างหรือทำความสะอาดบ่อยๆ การใช้หัวเทียนใหม่ช่วยให้การจุดระเบิดสมบูรณ์ แต่ไม่ได้เพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้สูงกว่ามาตรฐานผู้ผลิตรถยนต์ได้กำหนดไว้ Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: "ใส่กรองอากาศไม่ต้องเปลี่ยน แค่เป่าลมก็ใช้ได้แล้ว" 29 เรื่องเข้าใจผิดฯ ตอนที่ 28 เริ่มหัวข้อโดย: terrizone ที่ 23 ตุลาคม 2006, 20:04:57 ตอนที่ 28 "ใส่กรองอากาศไม่ต้องเปลี่ยน แค่เป่าลมก็ใช้ได้แล้ว"
เปลี่ยนใหม่ จะช่วยให้ประหยัดค่าน้ำมันไปได้นับพันบาท การใช้ลมเป่าใสกรองอากาศที่นิยมทำกัน เมื่อมีฝุ่นติดเต็ม จนมองไม่เห็นสีเดิม วิธีนี้ช่วยให้ฝุ่นละอองเบาบางลง อากาศไหลผ่านได้ดี ยิ่งขึ้น แต่ถ้าเป่าแรงเกินไปแผ่นกรองอาจเสียหายจนใช้งานต่อไม่ได้ เพราะมีรูกว้างจนฝุ่นขนาดใหญ่สามารถผ่านเข้าไปได้ คิดแล้วไม่คุ้ม ยอมจ่ายเงินซื้อของใหม่มาใส่จะคุ้มกว่า การล้างคาร์บูเรเตอร์ หรือหัวฉีด แถมยังประหยัดค่าน้ำมันทางอ้อม อีกด้วย Source - ฟอร์มูลา (Th) หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: mba_bu_civic ที่ 23 มีนาคม 2007, 16:16:11 ได้ความรู้มาอีกเพียบเลย ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดี ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: Acme ที่ 22 พฤศจิกายน 2007, 22:14:37 ยังเหลืออีก ข้อที่ 29 รึเปล่าเอ่ย..... ::)
แต่ยังไงก็ขอบคุณน้าที่เอาเรื่องดี ๆ มาบอกต่อ :-* หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: k750i ที่ 14 เมษายน 2008, 22:12:34 ขอบคุณครับ ได้ความรู้เยอะเลย
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: oatawa ที่ 10 มิถุนายน 2008, 21:24:50 8) ข้อ 29 อ่านแล้วควรปฏิบัติตาม ครับผม :-[
หัวข้อ: Re: "ใส่กรองอากาศไม่ต้องเปลี่ยน แค่เป่าลมก็ใช้ได้แล้ว" 29 เรื่องเข้าใจผิดฯ ตอนที่ 28 เริ่มหัวข้อโดย: tum267 ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2009, 20:35:43 ขอบคุนค๊าบ..... :D
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: love ek ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2009, 11:48:26 เยี่ยมครับ
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: asaweenaruk ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2009, 00:46:58 8) ขอบคุนคับ
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: jthongchai ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2009, 19:01:45 ขอบคุณคับ 8) 8) 8)
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: yut_ ที่ 02 มีนาคม 2009, 12:00:40 ขอบคุณครับได้ความรู้เกี่ยวกับรถอีกเยอะเลย.... 8) 8) 8)
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: palmae ที่ 27 มีนาคม 2009, 16:51:12 แหล่มค่ะ :) ::) :)
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: soonthorn3 ที่ 12 เมษายน 2009, 23:42:28 ขอบคุณมากเลยครับ เปงการเตือนสติเพราะบางที่ก็ลืม
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: puizanarak ที่ 24 เมษายน 2009, 17:29:21 รักนะจุ๊บ ๆ :)
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: therekik ที่ 07 กรกฎาคม 2009, 21:57:11 ::)สุดยอด
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: kunpan ที่ 31 กรกฎาคม 2009, 09:25:00 บางอย่างพึ่งรู้นะเนี่ย ขอบคุณครับ ดี ๆ ทั้งนั้นเลย :-[
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: fooman ที่ 06 สิงหาคม 2009, 14:18:12 ;) อ่านแล้วอ่านอีก แบว่า ชอบ อ่ะ คับ
ซึ้ง..... >:( หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: ballths99 ที่ 07 สิงหาคม 2009, 15:30:23 ;)ข้อ29 คือ กลับไปอ่านตั้งแต่ข้อ 1 ลงมา ใหม่ ;) ;) ;)
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: pakorn01 ที่ 16 สิงหาคม 2009, 15:24:17 ขอบคุณมากคับ....มีสาระจิงๆ
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: pry1999 ที่ 18 สิงหาคม 2009, 15:23:58 ขอบคุณครับ........ :) ;)
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: LCS ที่ 31 สิงหาคม 2009, 10:35:34 ขอบคุณมากครับ ;)
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: Groovy EK ที่ 30 กันยายน 2009, 17:51:54 ความรู้ทั้งนั้นเลย ขอบคุณครับ.... :)
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: taey-asimo ที่ 30 มิถุนายน 2010, 21:34:36 ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: aummuamua ที่ 02 กรกฎาคม 2010, 14:53:16 กระทู้ดี มีสาระ ต้องดันๆ ขอบคุณสำหรับความรู้ก๊าบบบบบ 8)
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: yoshiki14 ที่ 02 กรกฎาคม 2010, 15:36:12 ขอบคุณครับ ความรู้ดีครับ
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: thetik ที่ 02 กรกฎาคม 2010, 18:20:38 :-* :-* :-* :-* :-* ขอบคุณครับ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: Fabrique ที่ 12 กรกฎาคม 2010, 11:14:27 ข้อ 29 หาย ไป ไหย อะ ยัง ไง ก็ เอา มา ให้ ครบ เน้อ Thank You หลาย ๆ ครับ ผม :)
ปล. หา EK 9 ถูกกฏหมาย งบ 6 แสน ด่วนๆ จาขาย Jazz หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: nyAek ที่ 12 กรกฎาคม 2010, 13:35:06 ขอบคุณครับ ได้ความรู้เพิ่มเยอะเลยครับ ;D ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: bbth00 ที่ 02 พฤษภาคม 2013, 00:28:08 เผื่อมีคนไม่รู้
ขออนุญาติ ดันมาอ่านกันครับ :-[ :-[ หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: jamesZa ที่ 02 พฤษภาคม 2013, 08:45:11 ความรู้ทั้งนั้น :) :) :)
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: Buranasak ที่ 02 พฤษภาคม 2013, 09:30:16 เป็นหลักการทั่วไปที่เราไม่ค่อยใส่ใจ
แต่มันเรื่องที่มีประโยชน์มาก ขอบคุณ สำหรับ welovecivic ครับ :-* :-* :-* หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: jula_pol ที่ 02 พฤษภาคม 2013, 16:08:23 สุดยอดความรู้ ที่เราไม่ค่อยรู้
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: levelup01 ที่ 25 สิงหาคม 2014, 23:22:18 :Dขอบคุณครับผม
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: nakarin ที่ 26 สิงหาคม 2014, 23:46:09 :-* :-* :-*
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: zipf10 ที่ 03 กันยายน 2014, 01:05:13 ขอบคุณมากครับ[glow=red,2,300][/glow]
หัวข้อ: Re: 29 เรื่องเข้าใจผิด ของคนใช้รถ เริ่มหัวข้อโดย: Dentyne ที่ 27 มีนาคม 2016, 15:15:10 ขออนุญาตแชร์ต่อนะครับ ความรู้เยอะมากๆ ขอบคุณครับ
|