:::CIVIC CLUB THAILAND:::

พูนภิรมย์?เสียศูนย์อดลอยตัวก๊าซ! [13 ก.ย. 51 - 04:09]
 
พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รักษาการ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน ส่งผลต่อนโยบายและแผนการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานให้ชะงักลงทั้งการปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมการส่งเสริมเอทานอลเป็นวาระแห่งชาติเนื่องจากอยู่ระหว่างการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ทำให้ไม่สามารถจัดการประชุม คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้ ทำให้แผนการลอยตัวแอลพีจีต้องเลื่อนออกไปอีกระยะหนึ่งก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คาดว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะใช้เวลาระยะหนึ่ง ดังนั้น การประชุม กพช.น่าจะเกิดขึ้นได้เร็วที่สุดภายในเดือน ต.ค. แต่สถานการณ์การเมืองในปัจจุบันจะทำให้การปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมคงทำได้ลำบากหากรัฐบาลมีความจำเป็นต้องยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ก็อาจไม่กล้าปล่อยลอยตัวราคาแอลพีจีอย่างแน่นอน เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อจิตวิทยาผู้บริโภคภาคขนส่งและอุตสาหกรรมทำให้เสียคะแนนนิยมของรัฐบาลในการเลือกตั้งไป จึงมีแนวโน้มสูงว่าการลอยตัวแอลพีจีจะดำเนินการได้หลังการเลือกตั้งใหม่ และอาจยืดเยื้อไปจนถึงต้นปี 2552 หากมีการยุบสภาในเร็วๆนี้ 

นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า ปัญหาการเมืองขณะนี้มีโอกาสน้อยมากหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่รัฐบาลจะกล้าตัดสินใจปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมแม้จะมีรัฐบาลหลังวันที่ 17 ก.ย.นี้ก็ตาม แต่เห็นว่ารัฐบาลไม่ควรซื้อเวลาต่อไป เพราะการนำเข้าที่สูงขึ้นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะกลายเป็นภาระที่ลำบากในอนาคต เพราะหลักการให้ ปตท.ออกเงินก่อนแล้วค่อยทยอยขึ้นราคานำมาใช้หนี้ให้ ปตท.ในภายหลังนั้น ปตท.คงไม่สามารถแบกรับภาระได้นานไปมากกว่านี้แล้ว.

 
 

บ่นการเมืองป่วนขึ้นแอลพีจีสะดุด
 พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รักษาการ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบันส่งผลให้นโยบายและแผนงานของกระทรวงพลังงานชะงักลง ทั้งการปรับโครงสร้างราคาแก๊สแอลพีจีในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม การส่งเสริมเอทานอลให้เป็นวาระแห่งชาติ เนื่องจากต้องรอนายกรัฐมนตรี คนใหม่มาเป็นประธานประชุมคณะกรรมการ    นโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
 
?การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนที่กระทรวงดำเนินการได้เอง ก็ยังคงเดินหน้าปกติ เช่น แผนแม่บทพลังงานทดแทนแห่งชาติ ระยะเวลา 15 ปี อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียด ส่วนราคาน้ำมันที่ลดลงจะเร่งส่งเสริมการประหยัดต่อเนื่อง?
 
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมจำเป็นต้องทำเร่งด่วน ที่สำคัญ  หากเกิดการยุบสภาผู้แทนราษฎร จะทำให้การ  พิจารณาปรับราคาใหม่ต้องยืดเยื้อไปถึงต้นปี 52 ซึ่งจะเพิ่มภาระในการนำเข้าแอลพีจีเพิ่มขึ้น  เพราะการเป็นรัฐบาลรักษาการก็ยิ่งทำให้ฝ่ายการเมืองไม่กล้าตัดสินใจ
 
?รักษาการ รมว.พลังงานเห็นว่าปัญหาทางการเมืองที่วุ่นวายในขณะนี้ ทำให้แผนงานหลายโครงการต้องสะดุดไป เช่น การส่งเสริม เอทานอล รวมถึงความชัดเจนราคาแอลพีจี ถ้าหากเรื่องเหล่านี้ล่าช้าออกไปอาจเกิดผลเสียต่อภาพรวมของประเทศได้?
 
นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นทำให้โอกาสปรับขึ้นแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรมยากขึ้นแม้จะมีรัฐบาลชัดเจนแล้ว เพราะต้องดูว่าจะกล้าตัดสินใจหรือไม่ เบื้องต้นรัฐบาลไม่ควรซื้อเวลา เนื่องจากการนำเข้าที่สูงขึ้นจะกลายเป็นภาระที่หนักแน่นอน.
 
วันที่ 13 กันยายน 2551 เวลา 08:11 น
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=176633&NewsType=1&Template=1

 ;) ;) ;D ;D                         ข่าวดี

น่าดีใจเป็นที่สุด

 :-* :-* :-* 

รมต.พลังงาน เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ ห่วงแต่จะดัน E 85    เรื่องพลังงานทดแทนอื่นๆ ทำอะไรไม่ดีซักอย่าง

ปตท.อ่วมอีกแล้ว แบกแอลพีจีถึงสิ้นปี
     การเมืองป่วน!! แผนขึ้นแอลพีจีชะงัก ปตท.แบกรับภาระส่วนต่างราคานำ
เข้าอีก 3-4 เดือน แถมพลังงานทดแทนส่อเลื่อน ต้องรอนายกฯใหม่ เป็น
ประธานกพช.ตัดสิน 'จิตรพงษ์' ทำใจก้มหน้านำเข้าแอลพีจีเพิ่มต่อไป

บิ๊ก ปตท.โวยขาดทุน LPG หลังแอ่น ลุ้นรัฐบาลใหม่สรุปขึ้นราคา

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 กันยายน 2551 16:34 น.

 ผู้บริหาร ปตท.ครวญต้องรับแบกภาระขาดทุน ?แอลพีจี? หลังแอ่น เพราะนำเข้าแพง แต่ต้องขายในประเทศราคาถูก เพราะยังไม่สามารถประกาศแยกราคา 2 ตลาดได้ เตรียมอ้อนรัฐบาลชุดใหม่ สรุปขึ้นราคาในภาคขนส่ง พร้อมเสนอแบกรับการนำเข้าในภาครัวเรือนแค่ 1 หมื่นล้าน
     
      วันนี้ (15 ก.ย.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่ต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจี (LPG) อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ปตท.ต้องแบกรับภาระการขาดทุนจากการนำเข้า เนื่องจากมีต้นทุนการนำเข้ามาในราคาแพง แต่กลับต้องขายในประเทศในราคาถูก
     
      ทั้งนี้ ปตท.คงต้องติดตามว่า รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาทำงาน จะดำเนินการต่อไปอย่างไรในเรื่องนี้ ในการประกาศขึ้นราคา LPG ภาคขนส่ง จากที่ผ่านมา ปตท.นำเข้า LPG ไปแล้วถึง 3,000-4,000 ล้านบาท ตั้งแต่เดือน เม.ย.และเว้นมานำเข้าในเดือน ก.ค -ก.ย.และหลังจากนี้ ก็จะนำเข้าในทุกๆ เดือน ซึ่ง ปตท.คงจะต้องแบกรับภาระในส่วนนี้ต่อไป
     
      นายประเสริฐ ยอมรับว่า ขณะนี้ความต้องการใช้ก๊าซหุงต้มยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากปริมาณนำเข้าเพิ่มสูงขึ้นทุกเดือนนับจากเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เคยนำเข้าอยู่ที่ปริมาณ 22,000 ตัน แต่พอมาในเดือน ก.ย.นี้ เพิ่มมาอยู่ที่ 98,000 ตัน และพอในเดือน พ.ย.ที่จะถึงนี้ คาดว่า จะเพิ่มเป็น 140,000 ตัน เนื่องจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติของ ปตท.และโรงกลั่นน้ำมันสตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง ต้องปิดหยุดซ่อมบำรุง
     
      ทั้งนี้ ผลของการนำเข้าก๊าซหุงต้มดังกล่าว นับตั้งแต่เดือน เม.ย.เป็นต้นมา ถึงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา มียอดนำเข้าแล้วประมาณ 190,328 ตัน ส่งผลให้ ปตท.ต้องแบกรับภาระที่ต้องจ่ายเงินออกไปก่อนแล้ว 4,060 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างของราคานำเข้าก๊าซหุงต้มในตลาดโลกอยู่ที่กว่า 900 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน แต่มาจำหน่ายในประเทศเพียง 332 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ทำให้เกิดส่วนต่างที่ต้องแบกรับภาระถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน
     
      โดยผลกระทบที่ต้องแบกรับภาระดังกล่าว ในการประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมจึงมีมติร่วมกันว่า ปตท.จะรับภาระในการนำเข้าก๊าซ LPG แค่เพียงระดับ 10,000 ล้านบาทเท่านั้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชน และสนองนโยบายประชานิยมของรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนก๊าซหุงต้ม แต่เนื่องจากการดำเนินธุรกิจมีข้อจำกัด การจะแบกรับภาระที่มากจนเกินไปจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ ปตท. บอร์ดจึงเสนอกระทรวงพลังงานที่จะเข้าไปแบกรับภาระเพียงเท่านี้ หลังจากที่ขยายกรอบการแบกรับภาระมาครั้งหนึ่งแล้วที่ 5,000 ล้านบาท
     
      ทั้งนี้ นายประเสริฐ ยืนยันว่า ปตท.จะแบกรับภาระได้ไปถึงประมาณต้นปี 2552 เพราะในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ น่าจะต้องแบกรับภาระอีกประมาณ 4,800 ล้านบาท เนื่องจากมีการนำเข้าก๊าซหุงต้มในระดับกว่า 400,000 ตัน เมื่อรวมกับช่วงที่ผ่านมายอดแบกรับภาระในปีนี้จะอยู่ประมาณ 8,860 ล้านบาท และคาดว่า ในช่วงอีก 2-3 เดือนของปีหน้า ยอดรับภาระดังกล่าวจะพุ่งเกิน 10,000 ล้านบาท อย่างแน่นอน

 :-X  เหมือนเดิม คนเก่าไป คนใหม่มา ไม่พ้นเครือญาติตระกูลเดิม
มาปกป้องผลประโยชน์กันอีกแล้ว ดันเข้าไปเหอะอีแปด5555 อะ
ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ คนทำงานสุจริตคงจะมีปัญญาซื้อรถมาใช้หรอก...

พอ Reform รัฐบวยทีนึง ก็ค่อยๆ บ่นเสียงดังๆ อีกทีนึงนะ ปตท.   


แหม่ๆๆ  น่าจะเก็งกำไร เลย์แมนเยอะๆ นะ จะได้ล้มตามๆ กัน  ;D

 :-X  รอลุ้นดีกว่า ยกแรกจะเอาอะไรก่อน ก๊าส หรือ น้ำมัน

ยุบก่อน   ;D

 แหมทีขาดทุน นิดหน่อย บ่นเชียว  ตอนกำไรไม่เห็นบอกกบ้างนะ ปตท.  ???

พลังไทย เพื่อใครกันแน่     ::)

ท่านไม่ต้องนำเข้าก็ได้นี่
สมมติ ทั้งปี ท่านต้องนำเข้า 4แสนตัน
ท่านก็แค่ ส่งออกจากเดิม ล้านตัน เหลือ 6แสนตัน
ยังไงกำไร ก็ไม่หนี แสนล้าน จบ  :( :(

เพื่อ...ผู้ถือหุ้นและเควี่ย...