เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหมือนรู้สึกว่าผมเพิ่งลงข้อมูลท่องเที่ยวเขื่อนวชิราลงกรณ (เขื่อนเขาแหลม) จ.กาญจนบุรีไปหมาดๆ อาทิตย์นี้ได้มีโอกาสไปประชุมต่างจังหวัดอีกครั้งครับ คราวนี้ผมไปจ.เชียงราย เดินทางไปประชุมวันศุกร์ แล้วกลับ flight ค่ำวันเสาร์ ซึ่งตามปกติ วันเสาร์จะไม่มีโปรแกรมอะไร ใครใคร่ว่าง ตีกอล์ฟตี ใครใคร่สำรวจตลาดแม่สาย ก็ไป แต่ของผมไม่เอาเด็ดขาด ไปที่เดิมๆ ซ้ำซาก ไม่ใช่แนวผมครับ พอดีมีพี่ที่เชียงรายเค้าบอกว่า เคยไปดอยวาวีมั๊ย >>> อ่า ปิ๊งไอเดียขึ้นมาเลย ผมเลยรีบตัดสินใจโดยเร็วพลัน ว่าไปพี่ เจ้าหน้าที่บอก งั้นตอนเช้าเจอกันที่ lobby โรงแรม 8.30 นะ คืนวันศุกร์จบงานเลี้ยงเที่ยงคืนกว่า ก็รีบนอน เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการตะลุยดอยวาวี ดอยช้าง กัน.....
ทริปนี้ที่เชียงราย พักที่โรงแรมดุสิต ไอส์แลนด์ รีสอร์ทครับ
ตื่นแต่เช้าครับ เจอกันตามที่นัดหมายไว้เมื่อคืน ล้อหมุน 8.30 เป๊ะ สำหรับเช้าวันเสาร์ ทานอาหารเช้าของโรงแรมเสร็จ ก็ไปกันเลย
สำหรับเส้นทางไปดอยวาวีนั้น ใช้เส้นทางสายเอเซีย เจอสามแยกเลี้ยวขวา ไปอ.แม่สรวย - เวียงป่าเป้า ใช้ระยะทางประมาณ 40 กิโลครับ ถนนลาดยางอย่างดี ระหว่างทางก็เจอพุทรานมสด แต่ผมว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยอร่อยเหมือนเมื่อก่อน แถมเม็ดเล็กกว่าก่อนมากครับ ถุงนึงตั้ง 40 บาท ขณะที่เมื่อก่อน สามารถเลือกได้เลย และลูกใหญ่กว่านี้มากๆ
จากนั้น จะถึงทางแยกไปบ้านตีนดอย , ดอยวาวี เป็นเส้นทางของ รพช. เป็นถนนลาดยางแต่ค่อนข้างขรุขระนิดหน่อย พอรับได้ ถนนช่วงนี้สามารถใช้รถเก๋งวิ่งได้ครับ ไม่เป็นปัญหามาก แต่ถนนค่อนข้างแคบ ระหว่างทางจะผ่านอ่างเก็บน้ำและเขื่อนแม่สรวย วิ่งเลาะทะเลสาปเหนือเขื่อนสวยมากครับ เส้นทางใต้ระดับขึ้นเข้าประมาณ 30 กิโลเมตรได้
ผมยังไม่ตัดสินใจแวะดูเขื่อนก่อนนะครับ เพราะผมคิดว่ามันก็เหมือนๆ เขื่อนทั่วไป เลยบอกเนย์ว่า ไปขึ้นดอยก่อนดีกว่า ก็เลยตรงดิ่งขึ้นไปดอยวาวีกันครับ ถนนช่วงที่ผ่านอ่างเก็บน้ำแม่สรวย ถึงบ้านตีนดอย ซึ่งเป็นประตูสู่ดอยวาวี ถนนช่วงนี้ค่อนข้างอันตรายครับ เป็นทาง รพช.เช่นกัน ถนนก็จะแคบกว่าเส้นก่อนมากขึ้น รถสวนทางต้องคอยหลีกกันตลอด แต่โชคดีที่เป็นเส้นทางระหว่างหมู่บ้าน รถจึงยังไม่ค่อยจอแจมาก ตั้งแต่จุดบ้านตีนดอย - ดอยวาวี ระยะทางประมาณ 10 กว่ากิโล ขึ้นเขาตลาดครับ ต้องใช้ความระมัดระวังและชำนาญทางมากพอตัว ระหว่างทางก็ผ่านหมูบ้านชาวเขา เห็นเด็กๆ โบกไม้โบกมือต้อนรับแขกกันตลอดทาง
พอถึงวาวี ผมกับเนย์ ก็จอดรถเพื่อที่จะเปลี่ยนรถขึ้นไปดอยช้างครับ โชคดีครับที่เจอคุณพณชัย ซึ่งผู้จัดการของกาแฟดอยช้าง ที่มาต้อนรับ และพาขึ้นดอยช้างแนะนำเส้นทาง และพาชมไร่กาแฟอาราบิก้า ซึ่งกาแฟของที่นี่มีชื่อมากๆ ทราบคร่าวๆว่า กาแฟอาราบิก้าจะปลูกและมีผลผลิตที่ดี ต้องปลูกในพื้นที่ที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลมากกว่า 1,500 เมตรครับ
มา transit รถกันที่บ้านวาวี
จากนั้นก็ลุยต่อกันเลย ไปดูโรงเรียนกาแฟดอยช้างกัน ความเห็นผมนะ ผมว่ามีไม่กี่คนที่กล้าลงทุน ลงแรงที่จะได้มาดูไร่กาแฟ และกินกาแฟ ด้วยการเดินทางที่โหดขนาดนี้หรอกครับ ถ้าใจไม่รักจริง บางคนอาจบอกว่า โห หาซื้อกินร้าน เซเว่นแถวๆบ้านก็ได้ แต่สำหรับผมไม่ใช่นะ ถ้าได้มาถึงถิ่นปลูก มาถึงเจ้าถิ่นและบรรยากาศการทำกาแฟถึงที่แล้วเนี๊ยะ ผมว่ามันเป็นโอกาศ และน้อยคนนักจะได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ครับ
จากจุด transit บ้านวาวี ไต่ระดับขึ้นเขาไปอีกประมาณ 5 กิโล เส้นทางช่วงนี้รถยนต์ไม่สามารถไปต่อได้แล้วครับ ต้องใช้รถ 4WD อย่างเดียวเท่านั้นถึงจะได้ไปกินกาแฟจากแหล่งปลูกกาแฟจริงๆ บนดอยช้าง
และแล้วก็มาถึงศูนย์การเรียนรู้กาแฟดอยช้างครับ อาณาบริเวณหลายร้อยไร่ บนเทือกเขาดอยวาวี บนดอยช้างแห่งนี้ เป็นแหล่งเพาะปลูกเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าคุณภาพเกร็ดเอ ที่คอกาแฟทั้งชาวไทย และต่างประเทศ แต่ขอย้ำว่า น้อยคนนักนะครับที่จะได้มาถึงที่นี่ ผมเองก็ถือว่าโชคดีนะที่ได้ขึ้นมากินกาแฟที่สุดยอด แม้เส้นทางจะโหดขนาดไหน ก็ใจมันรักกาแฟนี่ อิอิ
แล้วก็เลยขอ Espresso และ Americano เลยครับ 5555555555 ใครหาว่าผมบ้าก็ยอม (แต่ espresso ของเนย์ นะ)
เมนูกาแฟครับ
ห้องรับแขก และภายในศูนย์การเรียนรู้กาแฟดอยช้าง
แปลกมากครับ product ใหม่ เลย เป็นสบู่ที่ทำจากเมล็ดกาแฟ
ขึ้นมาถึงจุดนี้ใช้เวลาเกือบเที่ยงครับ เลยรู้สึกหิวขึ้นมาเลย โชคดีที่นี่มีบริการอาหารด้วย เค้าก็ใช้ชาวบ้านในพื้นที่นี่แหล่ะครับ มาช่วยทำงานที่ศูนย์ฯ ผมว่าดีนะ ที่เค้าไม่ทิ้งชาวบ้าน ให้ชาวบ้านมีงานทำ
อาหารมื้อนี้สุดยอดเลย บ้านๆมากๆ มีกระเพราไก่ไทย, ผัดดอกกะหล่ำ ใส่มะเขือเทศ, ต้มจืดเต้าฮู้หมูสับใส่สาหร่าย
และที่ขาดไม่ได้ Highlight ของโต๊ะอาหารคือ
นี่ลานตากเมล็ดกาแฟ และอาคารเก็บเมล็ด รวมถึงเครื่องคัดกาแฟ คุณพณชัย บอกผมว่า ช่วงปลายปีที่ผ่านมา มีคนรักกาแฟมาขอกินอยู่ที่นี่ มาสัมผัสอากาศหนาวจัดบนยอดดอยช้างที่นี่ครับ อุณภูมิที่ผมไปถึงตอนนั้นราวๆ 18 องศา เวลาตอนนั้นก็จะเที่ยงแล้วครับ คุณพณชัยบอกว่า ฤดูหนาวปีนี้ หนาวสุด 4 องศาได้ อืมมมมมมมมมมมมมมมมมมม น่าสน ฮาๆๆ
อ้อ ที่เห็นเป็น background นั้นคือจุดหมายต่อไปที่ผมจะขึ้นไปครับ นั้นล่ะคือจุดสุงที่สุดของยอดดอยช้างแห่งนี้ครับ
ได้มีโอกาสเดินดูไร่กาแฟ ได้ขอชิมผลเมล็ดกาแฟด้วย ตอนแรกผมเข้าใจว่า ผลของมันจะแข็งนะ แต่จริงๆ แล้วมันไม่แข็งเลยครับ ลูกแดงๆ นิ่มมาก แถมมีน้ำด้วย ผมก็เลยขอคุณพณชัยเด็ดมาชิม เออแปลกวุ๊ย มันหวานนะ ไม่ขมครับ คุณพณชัยบอกว่า ลองอมเม็ดดู จะเห็นเมล็ดของมัน พอเราเอาเมือกที่เมล็ดออกไป ก็จะเห็นเป็นเมล็ดกาแฟครับ
นี่แหล่ะครับ ท้ายสุด สุดท้าย ก่อนแปลงสภาพเป็นเมล็ดกาแฟ อาราบิก้าพันธุ์ดี (Starbuck ก็มาขอซื้อเมล็ดที่นี่ด้วย)
^
^
เค้าเรียกว่า Pea Brewburry ถ้านำเมล็ดตัวนี้ไปผ่านกรรมวิธีคั่วแล้ว ครั้งแรกที่ได้จะมีราคาสูงมากครับ เอาง่ายๆ Pea Brewburry ตัวนี้ถ้าไปบรรจุขาย 250 ml อยู่ที่ 400 บาท