ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
15 พฤศจิกายน 2024, 04:38:50
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: เครื่องรุ่น civic ไดแมนชั่น คือรหัส อะไรครับ 0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เครื่องรุ่น civic ไดแมนชั่น คือรหัส อะไรครับ  (อ่าน 17234 ครั้ง)
aunnyarm
Tracking !!
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


« เมื่อ: 31 ตุลาคม 2011, 16:14:58 »



รถเพื่อนเครื่องจะพังปล่อยให้น้ำแห้ง
หาซื้อเครื่องอยู่ครับเรียกรุ่นเครื่องไม่ถูก
บันทึกการเข้า
chan13
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9



« ตอบ #1 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2011, 17:06:55 »

ทั่วไปก็ D17 ครับแต่ถ้าตัว 2.0 ไม่แน่ใจครับ
บันทึกการเข้า
KARKEN
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,270


I LOVE JDM


« ตอบ #2 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2011, 17:50:53 »

1.7 = D17A
2.0 = K20A3
บันทึกการเข้า

p jung
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13,408


คุณชายพี


« ตอบ #3 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2011, 18:13:13 »

1.7CC
เครื่องวีเทค   D17A2
เครื่องไม่เทค D17Z1

2.0CC
                     K20A3 i VTEC
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 ตุลาคม 2011, 21:00:40 โดย p jung » บันทึกการเข้า

nakarin
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4,507


ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดารเป็นคนชอบกลนัก


« ตอบ #4 เมื่อ: 31 ตุลาคม 2011, 20:44:56 »

1.7 = D17A
2.0 = K20A3
+ 1
บันทึกการเข้า

ดูแลรถ แล้วรถจะดูแลเรา
dapper
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 178



« ตอบ #5 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2011, 09:56:29 »

แล้วมันแรงกว่า d16y8 ป่าวครับ
แพงมั้ย d17 กี่ม้า k20a3 กีี่ม้า
บันทึกการเข้า
Madoka
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 450


สูง 177 หนัก 75


« ตอบ #6 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2011, 11:45:31 »

แล้วมันแรงกว่า d16y8 ป่าวครับ
แพงมั้ย d17 กี่ม้า k20a3 กีี่ม้า
Code D17A2
Displacement 1668
Power 127@6300
Torque 114@4400
Compression 9.9:1
Bore 75
Stroke 94.4
Cam Design sohc
VTEC? yes
OBD 2
Production 2001+ Civic EX

Code K20A3
Displacement 1998
Power 160@6500
Torque 132@5000
Compression 9.5:1
Bore 86
Stroke 86
Cam Design dohc
VTEC? yes
OBD 2
Production 2001+ RSX (base)

Code K24A

ตามนี้ครับหามาให้
บันทึกการเข้า
aon_ek
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 168


« ตอบ #7 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2011, 20:26:28 »

ข้อดีของอลูมิเนียม คือ ไม่เป็นสนิมครับ ดังนั้นจะหมดปัญหาเรื่องอุดตัน
ข้อเสีย แพงกว่า และถ้ารั่วซึม ซ่อมไม่ได้ครับ ไม่เหมือนทองแดงเชื่อมได้ รั่วก้อต้องเปลี่ยนอย่างเดียวครับ ร้องไห้
บันทึกการเข้า
p jung
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13,408


คุณชายพี


« ตอบ #8 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2011, 20:33:00 »

ข้อดีของอลูมิเนียม คือ ไม่เป็นสนิมครับ ดังนั้นจะหมดปัญหาเรื่องอุดตัน
ข้อเสีย แพงกว่า และถ้ารั่วซึม ซ่อมไม่ได้ครับ ไม่เหมือนทองแดงเชื่อมได้ รั่วก้อต้องเปลี่ยนอย่างเดียวครับ ร้องไห้
ขยิบตา ขยิบตา อายจังผิดกระทู้ป่าวเอ่ย
บันทึกการเข้า

ham_ter
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 9,223



« ตอบ #9 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2011, 20:34:55 »

แล้วมันแรงกว่า d16y8 ป่าวครับ
แพงมั้ย d17 กี่ม้า k20a3 กีี่ม้า
1.D17a ตัวนี้มี VTEC ปี01-05
- ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี01-02 จะอยู่ราวๆ 380,000-420,000
- ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี03 จะอยู่ราวๆ 390,000-460,000
- ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี04-05 (ตาเหยี่ยว) จะอยู่ราวๆ 450,000 up

2.D17Z ตัวนี้ไม่มีVTEC หรือ เรียก EXI ครับ ปี01-05
- ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี01-02 จะอยู่ราวๆ 350,000-390,000
- ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี03 จะอยู่ราวๆ 360,000-420,000
- ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี04-05 (ตาเหยี่ยว) จะอยู่ราวๆ 420,000 up

3.K20A(ฝาดำ) มีในโฉม ปี03-05
- ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี03 จะอยู่ราวๆ 420,000 up
- ราคากลางคร่าวๆของเครื่องรุ่นนี้ ปี04-05 (ตาเหยี่ยว) จะอยู่ราวๆ 480,000 up up
บันทึกการเข้า

ham_ter
อาจารย์ปู่
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 9,223



« ตอบ #10 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2011, 20:35:57 »

 ไปหามาให้  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
เวบไซต์ที่เทียบกันแบบละเอียดๆ ระหว่าง 1.7 vti กับ 2.0 i-vtec ยังไม่เคยเห็นนะครับ

แต่ถ้าคร่าวก็ประมาณนี้นะครับ ลองดูไปพลางๆแก้ขัดไปก่อนละกันนะครับ


เริ่มจากเรื่องหลักคือเรื่องของเครื่องยนต์ก่อนละกันนะครับ

เครื่องยนต์ ของ 2.0 = K20A3 ของ 1.7 = D17A2

ระบบวาล์ว ของ 2.0 = DOHC 16v ของ 1.7 = SOHC 16v

ความจุ ของ 2.0 = 1,998 cc ของ 1.7 = 1,668 cc

ขนาดกระบอกสูบXช่วงชัก ของ 2.0 = 86 x 86 มม. ของ 1.7 = 75 x 94.4 มม.

อัตราส่วนกำลังอัด : 1 ของ 2.0 = 9.8 ของ 1.7 = 9.9

แรงม้า(PS) ของ 2.0 = 155@6,500 รตน. ของ 1.7 = 130 ps@6,300 รตน.

แรงบิด(กก.-ม.) ของ 2.0 = 19.5@4,000 รตน. ของ 1.7 = 15.8@4,800 รตน.

Vtec ทำงานที่รอบเครื่องฯ ของ 2.0 = #1@2,500,#2@5,500 ของ 1.7 = 2,800

รอบเครื่องยนต์สูงสุด(ตัดการทำงาน) ของ 2.0 = 6,900 รตน. ของ 1.7 = 6,900 รตน.


ต่อมาเป็นเรื่องฟิลลิ่งเวลาสัมผัสถนน เวลาขับจะมีความรู้สึกแตกต่างกันเล็กน้อย

ระหว่าง 1.7 และ 2.0เนื่องจาก มีความต่างบางประการ เช่น พวงมาลัยพาวเวอร์

ถ้าของ 1.7 เป็นเพาเวอร์ไฮดรอลิก แต่ของ 2.0 นั้น จะเป็นเพาเวอร์ไฟฟ้า

ส่วนค่า K สปริง ของ 2.0 จะแข็งกว่า 1.7 เนื่องจากน้ำหนักตัวมากกว่าเล็กน้อย

แต่ว่าโช้คอัพเป็นตัวเดียวกัน สำหรับยางจะมีขนาดต่างกันเล็กน้อย ตัว 1.7 VTI

ใช้ยาง 185/65-15 แต่ 2.0 จะใช้ยาง 195/60-15 ล้อ Mag จะเป็นคนละลายกัน

โดยตัว 1.7 จะเป็นลายห้ากานแบนๆคล้ายปลาดาว ส่วน 2.0 เป็น 5 ก้านคู่


สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาที่ตัว 2.0 มี แต่ตัว 1.7 ไม่มี คือ เหล็กค้ำตัวถังในห้องเครื่อง แต่ไม่ใช่

ค้ำโช้คนะครับ จะค้ำอยู่ระหว่างตัวถังซ้ายขวา แถวๆช่องว่างระหว่างเครื่องยนต์กับ

ผนังห้องโดยสาร ซึ่งตัว 1.7 แม้จะไม่มีติดมาให้ ก็สามารถเบิก part ของ 2.0 ไปใส่ได้ ครับ

จากที่ว่ามาทั้งหมด เวลาขับเทียบกัน แบบรถเดิมๆทั้งคู่ จะทำให้รู้สึกว่า 2.0 มั่นคงกว่า

ตัว 1.7 อยู่เล็กน้อย



สิ่งที่ต่างกันอื่นๆที่เห็นได้ชัดก็จะมีเรื่อง แผงหน้าปัทม์ คอนโซลกลาง และคิ้วประตูด้านใน

ตัว 2.0 เป็น ลายเคฟลาร์ ต่างจากตัว 1.7 นอกจากนี้ภายในเป็นสีดำ เบาะหนังรู เป็น หนังแท้

ผสมหนังเทียม มีประดับโครเมี่ยมตามแผงเกียร์คันเกียร์ ฯลฯ นอกจากนี้สีตัวถังของ 2.0 2004

จะมี 5 สี คือ น้ำเงิน วิวิดบลู, แดง มิลาโน, ดำ ไนท์ฮอว์ค,เทาอะไรสักอย่างเนี่ยแหละเรียกมะถูก

และทอง เหมือนแอคคอร์ดซึ่งต่างจากสีทองของ 1.7 ส่วนสีของ 1.7 จะให้เลือกอีก 5 สี คือ

สีขาว ทาฟเฟตต้า, สีเงิน ซิลเวอร์ , สีเทา ควันบุหรี่ , สีดำ ไนท์ฮอว์ค , และ สีทอง ครับ

ส่วนระบบแอร์ทั้ง 1.7 Vti และ 2.0 ต่างก็มีแอร์อัตโนมัติมาให้ทั้งคู่ กระจกมองข้างต่างก็ปรับและ

พับด้วยไฟฟ้าได้ด้วยกันทั้งคู่ มีกระจกไฟฟ้ามาให้ครบทั้ง 4 บานทั้ง 2 รุ่น และเป็น Auto เฉพาะ

บานคนขับเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ดีตัวกระจกมองข้างนั้นของ 2.0 เดิมๆจากโรงงาน จะพิเศษกว่า

ตรงที่เป็นกระจกแบบที่ลดการหยดตัวของหยดน้ำ นอกจากนี้โคมไฟ้าหน้าของ 2.0 ก็จะพิเศษกว่า

ตรงที่เป็น Smoke chrome เพิ่มความดุดันมาจากโรงงาน และไฟท้ายของ 2.0 ก็จะพิเศษกว่าตรงที่

เป็นสีแดงเข้ม นอกจากนี้หน้าปัทม์เป็นแบบเรืองแสงทั้งคู่ และของวงของ 2.0 จะเป็นสีแดง แต่ว่า

ของ1.7 จะเป็นสีฟ้า และก็เรื่องวัสดุซับเสียงส่วนตัวผมว่าของ 2.0 มันเยอะกว่าของ 1.7 อยู่นิดนึงนะ



เกียร์ AT ของ 2.0 มี 5 จังหวะเดินหน้า แต่ของ 1.7 เป็น 4 จังหวะเดินหน้า แต่อย่างไรก็ดี

ใช้ตัว 2.0 แล้วก็จะหงุดหงิดเล็กน้อยถ้าชอบเปลี่ยนเกียร์เอง เพราะไม่สามารถ Lock เกียร์

ไว้ที่เกียร์ 4 ได้ เนื่องจากพอเลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ไว้ที่ D ก็จะเป็น ออโต้ 5 จังหวะตามปกติ

แต่พอดึงลงมา 1 จังหวะ กลับกลายเป็น D3 ซะงั้น แต่อย่างไรก็ดี ใช้แค่เกียร์ D แล้ว สั่งงาน

ด้วยคันเร่งเอา ก็ตอบสนองความต้องการเร่งได้ดีครับ การเปลี่ยนเกียร์ลงมาทำได้เหมาะสม

ฉับไว ตรงความต้องการ นอกจากนี้ เกียร์ 5 ทดไว้ต่ำมาก จนทำให้ความเร็วสูงสุดจะทำได้

ในเกียร์ 4 เท่านั้น โดยให้กดคันเร่งจมพื้นไว้ตลอด เพื่อไม่ให้เกียร์เปลี่ยนขึ้นเป็นเกียร์ 5 จะ

ได้ความเร็วสูงสุด ที่ 212 กม./ชม. ที่ 6,100 รอบต่อนาที แต่พอผ่อนคันเร่งลงมา เกียร์จะ

เปลี่ยนเป็นเกียร์ 5 ให้ แล้วความเร็วจะตกลง ตีนปลายในเกียร์ 5 ทำได้แค่ 200 กม./ชม.

(เฉพาะใส่ยางเดิมๆ)

อัตราทดเกียร์ เทียบกัน

เกียร์ 1 ของ 2.0 = 2.684 ของ 1.7 = 2.722

เีกียร์ 2 ของ 2.0 = 1.500 ของ 1.7 = 1.468

เีกียร์ 3 ของ 2.0 = 1.030 ของ 1.7 = 0.975

เีกียร์ 4 ของ 2.0 = 0.772 ของ 1.7 = 0.673

เีกียร์ 5 ของ 2.0 = 0.571 ของ 1.7 ไม่มี

เกียร์ถอยหลัง ของ 2.0 = 2.000 ของ 1.7 = 1.954

เฟืองท้าย ของ 2.0 = 4.562 ของ 1.7 = 4.066


อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จากการทดสอบ

ตัว 2.0 A/T ทำได้ 10.6 วินาที

ตัว 1.7 A/T ทำได้ 11.8 วินาที



สำหรับเรื่องอัตราการบริโภคน้ำมันโดยประมาณ เป็นอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย-ใน กทม.

ตัว 2.0 A/T ทำได้ 8-9 กม./ลิตร

ตัว 1.7 A/T ทำได้ 10-11 กม./ลิตร



เรื่องการบำรุงรักษา ก็ตัว 2.0 จะไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันพาวเวอร์ เพราะเป็นพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า

เมื่อครบแสนโล ก็ไม่ต้องเปลี่ยนสายพานราวลิ้น หรือ สายพานไทมมิ่งเพราะใช้ โซ่ เป็นตัวขับแทน

อะไหล่ อื่นๆ ก็ใช้ร่วมกับ 1.7 ได้ เกียร์ก็ได้รับการปรับปรุงมาแล้ว ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000

และ ไม่เปลี่ยนจังหวะเกียร์เอง ก็ใช้งานกันได้นานจนลืมเลยครับ ตรงนี้ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่า

ตัว 1.7 บ้างเหมือนกัน ส่วนที่ยังเหมือน 1.7 คือ เรื่องแอร์ ครับ ก็คล้ายๆกับ 1.7 ต้องใส่ใจ

ดูแลรักษาหาร้านดีๆทำก็จะลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ พวกคลัทช์ คอมฯแอร์ เสื่อม สาย Hi Pressure

ที่อยู่ด้านหลังหม้อน้ำมักจะรั่ว เพราะรับลมร้อนจากหม้อน้ำตลอด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร



ลองดูครับ นึกออกแค่เนี้ยอ่าครับ ยังงัย รอพี่ๆเพื่อนๆท่านอื่นมาเพิ่มเติมให้อีกทีละกันนะครับ
บันทึกการเข้า

kathi
Gold Member
เจ้าสำนัก
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 953


แรงตามตัง รถเลยไม่แรง


« ตอบ #11 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2011, 21:20:15 »

ไปหามาให้  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
เวบไซต์ที่เทียบกันแบบละเอียดๆ ระหว่าง 1.7 vti กับ 2.0 i-vtec ยังไม่เคยเห็นนะครับ

แต่ถ้าคร่าวก็ประมาณนี้นะครับ ลองดูไปพลางๆแก้ขัดไปก่อนละกันนะครับ


เริ่มจากเรื่องหลักคือเรื่องของเครื่องยนต์ก่อนละกันนะครับ

เครื่องยนต์ ของ 2.0 = K20A3 ของ 1.7 = D17A2

ระบบวาล์ว ของ 2.0 = DOHC 16v ของ 1.7 = SOHC 16v

ความจุ ของ 2.0 = 1,998 cc ของ 1.7 = 1,668 cc

ขนาดกระบอกสูบXช่วงชัก ของ 2.0 = 86 x 86 มม. ของ 1.7 = 75 x 94.4 มม.

อัตราส่วนกำลังอัด : 1 ของ 2.0 = 9.8 ของ 1.7 = 9.9

แรงม้า(PS) ของ 2.0 = 155@6,500 รตน. ของ 1.7 = 130 ps@6,300 รตน.

แรงบิด(กก.-ม.) ของ 2.0 = 19.5@4,000 รตน. ของ 1.7 = 15.8@4,800 รตน.

Vtec ทำงานที่รอบเครื่องฯ ของ 2.0 = #1@2,500,#2@5,500 ของ 1.7 = 2,800

รอบเครื่องยนต์สูงสุด(ตัดการทำงาน) ของ 2.0 = 6,900 รตน. ของ 1.7 = 6,900 รตน.


ต่อมาเป็นเรื่องฟิลลิ่งเวลาสัมผัสถนน เวลาขับจะมีความรู้สึกแตกต่างกันเล็กน้อย

ระหว่าง 1.7 และ 2.0เนื่องจาก มีความต่างบางประการ เช่น พวงมาลัยพาวเวอร์

ถ้าของ 1.7 เป็นเพาเวอร์ไฮดรอลิก แต่ของ 2.0 นั้น จะเป็นเพาเวอร์ไฟฟ้า

ส่วนค่า K สปริง ของ 2.0 จะแข็งกว่า 1.7 เนื่องจากน้ำหนักตัวมากกว่าเล็กน้อย

แต่ว่าโช้คอัพเป็นตัวเดียวกัน สำหรับยางจะมีขนาดต่างกันเล็กน้อย ตัว 1.7 VTI

ใช้ยาง 185/65-15 แต่ 2.0 จะใช้ยาง 195/60-15 ล้อ Mag จะเป็นคนละลายกัน

โดยตัว 1.7 จะเป็นลายห้ากานแบนๆคล้ายปลาดาว ส่วน 2.0 เป็น 5 ก้านคู่


สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาที่ตัว 2.0 มี แต่ตัว 1.7 ไม่มี คือ เหล็กค้ำตัวถังในห้องเครื่อง แต่ไม่ใช่

ค้ำโช้คนะครับ จะค้ำอยู่ระหว่างตัวถังซ้ายขวา แถวๆช่องว่างระหว่างเครื่องยนต์กับ

ผนังห้องโดยสาร ซึ่งตัว 1.7 แม้จะไม่มีติดมาให้ ก็สามารถเบิก part ของ 2.0 ไปใส่ได้ ครับ

จากที่ว่ามาทั้งหมด เวลาขับเทียบกัน แบบรถเดิมๆทั้งคู่ จะทำให้รู้สึกว่า 2.0 มั่นคงกว่า

ตัว 1.7 อยู่เล็กน้อย



สิ่งที่ต่างกันอื่นๆที่เห็นได้ชัดก็จะมีเรื่อง แผงหน้าปัทม์ คอนโซลกลาง และคิ้วประตูด้านใน

ตัว 2.0 เป็น ลายเคฟลาร์ ต่างจากตัว 1.7 นอกจากนี้ภายในเป็นสีดำ เบาะหนังรู เป็น หนังแท้

ผสมหนังเทียม มีประดับโครเมี่ยมตามแผงเกียร์คันเกียร์ ฯลฯ นอกจากนี้สีตัวถังของ 2.0 2004

จะมี 5 สี คือ น้ำเงิน วิวิดบลู, แดง มิลาโน, ดำ ไนท์ฮอว์ค,เทาอะไรสักอย่างเนี่ยแหละเรียกมะถูก

และทอง เหมือนแอคคอร์ดซึ่งต่างจากสีทองของ 1.7 ส่วนสีของ 1.7 จะให้เลือกอีก 5 สี คือ

สีขาว ทาฟเฟตต้า, สีเงิน ซิลเวอร์ , สีเทา ควันบุหรี่ , สีดำ ไนท์ฮอว์ค , และ สีทอง ครับ

ส่วนระบบแอร์ทั้ง 1.7 Vti และ 2.0 ต่างก็มีแอร์อัตโนมัติมาให้ทั้งคู่ กระจกมองข้างต่างก็ปรับและ

พับด้วยไฟฟ้าได้ด้วยกันทั้งคู่ มีกระจกไฟฟ้ามาให้ครบทั้ง 4 บานทั้ง 2 รุ่น และเป็น Auto เฉพาะ

บานคนขับเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ดีตัวกระจกมองข้างนั้นของ 2.0 เดิมๆจากโรงงาน จะพิเศษกว่า

ตรงที่เป็นกระจกแบบที่ลดการหยดตัวของหยดน้ำ นอกจากนี้โคมไฟ้าหน้าของ 2.0 ก็จะพิเศษกว่า

ตรงที่เป็น Smoke chrome เพิ่มความดุดันมาจากโรงงาน และไฟท้ายของ 2.0 ก็จะพิเศษกว่าตรงที่

เป็นสีแดงเข้ม นอกจากนี้หน้าปัทม์เป็นแบบเรืองแสงทั้งคู่ และของวงของ 2.0 จะเป็นสีแดง แต่ว่า

ของ1.7 จะเป็นสีฟ้า และก็เรื่องวัสดุซับเสียงส่วนตัวผมว่าของ 2.0 มันเยอะกว่าของ 1.7 อยู่นิดนึงนะ



เกียร์ AT ของ 2.0 มี 5 จังหวะเดินหน้า แต่ของ 1.7 เป็น 4 จังหวะเดินหน้า แต่อย่างไรก็ดี

ใช้ตัว 2.0 แล้วก็จะหงุดหงิดเล็กน้อยถ้าชอบเปลี่ยนเกียร์เอง เพราะไม่สามารถ Lock เกียร์

ไว้ที่เกียร์ 4 ได้ เนื่องจากพอเลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ไว้ที่ D ก็จะเป็น ออโต้ 5 จังหวะตามปกติ

แต่พอดึงลงมา 1 จังหวะ กลับกลายเป็น D3 ซะงั้น แต่อย่างไรก็ดี ใช้แค่เกียร์ D แล้ว สั่งงาน

ด้วยคันเร่งเอา ก็ตอบสนองความต้องการเร่งได้ดีครับ การเปลี่ยนเกียร์ลงมาทำได้เหมาะสม

ฉับไว ตรงความต้องการ นอกจากนี้ เกียร์ 5 ทดไว้ต่ำมาก จนทำให้ความเร็วสูงสุดจะทำได้

ในเกียร์ 4 เท่านั้น โดยให้กดคันเร่งจมพื้นไว้ตลอด เพื่อไม่ให้เกียร์เปลี่ยนขึ้นเป็นเกียร์ 5 จะ

ได้ความเร็วสูงสุด ที่ 212 กม./ชม. ที่ 6,100 รอบต่อนาที แต่พอผ่อนคันเร่งลงมา เกียร์จะ

เปลี่ยนเป็นเกียร์ 5 ให้ แล้วความเร็วจะตกลง ตีนปลายในเกียร์ 5 ทำได้แค่ 200 กม./ชม.

(เฉพาะใส่ยางเดิมๆ)

อัตราทดเกียร์ เทียบกัน

เกียร์ 1 ของ 2.0 = 2.684 ของ 1.7 = 2.722

เีกียร์ 2 ของ 2.0 = 1.500 ของ 1.7 = 1.468

เีกียร์ 3 ของ 2.0 = 1.030 ของ 1.7 = 0.975

เีกียร์ 4 ของ 2.0 = 0.772 ของ 1.7 = 0.673

เีกียร์ 5 ของ 2.0 = 0.571 ของ 1.7 ไม่มี

เกียร์ถอยหลัง ของ 2.0 = 2.000 ของ 1.7 = 1.954

เฟืองท้าย ของ 2.0 = 4.562 ของ 1.7 = 4.066


อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จากการทดสอบ

ตัว 2.0 A/T ทำได้ 10.6 วินาที

ตัว 1.7 A/T ทำได้ 11.8 วินาที



สำหรับเรื่องอัตราการบริโภคน้ำมันโดยประมาณ เป็นอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย-ใน กทม.

ตัว 2.0 A/T ทำได้ 8-9 กม./ลิตร

ตัว 1.7 A/T ทำได้ 10-11 กม./ลิตร



เรื่องการบำรุงรักษา ก็ตัว 2.0 จะไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันพาวเวอร์ เพราะเป็นพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า

เมื่อครบแสนโล ก็ไม่ต้องเปลี่ยนสายพานราวลิ้น หรือ สายพานไทมมิ่งเพราะใช้ โซ่ เป็นตัวขับแทน

อะไหล่ อื่นๆ ก็ใช้ร่วมกับ 1.7 ได้ เกียร์ก็ได้รับการปรับปรุงมาแล้ว ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000

และ ไม่เปลี่ยนจังหวะเกียร์เอง ก็ใช้งานกันได้นานจนลืมเลยครับ ตรงนี้ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่า

ตัว 1.7 บ้างเหมือนกัน ส่วนที่ยังเหมือน 1.7 คือ เรื่องแอร์ ครับ ก็คล้ายๆกับ 1.7 ต้องใส่ใจ

ดูแลรักษาหาร้านดีๆทำก็จะลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ พวกคลัทช์ คอมฯแอร์ เสื่อม สาย Hi Pressure

ที่อยู่ด้านหลังหม้อน้ำมักจะรั่ว เพราะรับลมร้อนจากหม้อน้ำตลอด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร



ลองดูครับ นึกออกแค่เนี้ยอ่าครับ ยังงัย รอพี่ๆเพื่อนๆท่านอื่นมาเพิ่มเติมให้อีกทีละกันนะครับ


ตามมาเก็บเป็นความรู้ ข้อมูลแน่นมว๊ากกรั๊บ   จุมพิต จุมพิต จุมพิต
บันทึกการเข้า
armwave
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 229



« ตอบ #12 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2011, 23:33:08 »

ไปหามาให้  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
เวบไซต์ที่เทียบกันแบบละเอียดๆ ระหว่าง 1.7 vti กับ 2.0 i-vtec ยังไม่เคยเห็นนะครับ

แต่ถ้าคร่าวก็ประมาณนี้นะครับ ลองดูไปพลางๆแก้ขัดไปก่อนละกันนะครับ


เริ่มจากเรื่องหลักคือเรื่องของเครื่องยนต์ก่อนละกันนะครับ

เครื่องยนต์ ของ 2.0 = K20A3 ของ 1.7 = D17A2

ระบบวาล์ว ของ 2.0 = DOHC 16v ของ 1.7 = SOHC 16v

ความจุ ของ 2.0 = 1,998 cc ของ 1.7 = 1,668 cc

ขนาดกระบอกสูบXช่วงชัก ของ 2.0 = 86 x 86 มม. ของ 1.7 = 75 x 94.4 มม.

อัตราส่วนกำลังอัด : 1 ของ 2.0 = 9.8 ของ 1.7 = 9.9

แรงม้า(PS) ของ 2.0 = 155@6,500 รตน. ของ 1.7 = 130 ps@6,300 รตน.

แรงบิด(กก.-ม.) ของ 2.0 = 19.5@4,000 รตน. ของ 1.7 = 15.8@4,800 รตน.

Vtec ทำงานที่รอบเครื่องฯ ของ 2.0 = #1@2,500,#2@5,500 ของ 1.7 = 2,800

รอบเครื่องยนต์สูงสุด(ตัดการทำงาน) ของ 2.0 = 6,900 รตน. ของ 1.7 = 6,900 รตน.


ต่อมาเป็นเรื่องฟิลลิ่งเวลาสัมผัสถนน เวลาขับจะมีความรู้สึกแตกต่างกันเล็กน้อย

ระหว่าง 1.7 และ 2.0เนื่องจาก มีความต่างบางประการ เช่น พวงมาลัยพาวเวอร์

ถ้าของ 1.7 เป็นเพาเวอร์ไฮดรอลิก แต่ของ 2.0 นั้น จะเป็นเพาเวอร์ไฟฟ้า

ส่วนค่า K สปริง ของ 2.0 จะแข็งกว่า 1.7 เนื่องจากน้ำหนักตัวมากกว่าเล็กน้อย

แต่ว่าโช้คอัพเป็นตัวเดียวกัน สำหรับยางจะมีขนาดต่างกันเล็กน้อย ตัว 1.7 VTI

ใช้ยาง 185/65-15 แต่ 2.0 จะใช้ยาง 195/60-15 ล้อ Mag จะเป็นคนละลายกัน

โดยตัว 1.7 จะเป็นลายห้ากานแบนๆคล้ายปลาดาว ส่วน 2.0 เป็น 5 ก้านคู่


สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาที่ตัว 2.0 มี แต่ตัว 1.7 ไม่มี คือ เหล็กค้ำตัวถังในห้องเครื่อง แต่ไม่ใช่

ค้ำโช้คนะครับ จะค้ำอยู่ระหว่างตัวถังซ้ายขวา แถวๆช่องว่างระหว่างเครื่องยนต์กับ

ผนังห้องโดยสาร ซึ่งตัว 1.7 แม้จะไม่มีติดมาให้ ก็สามารถเบิก part ของ 2.0 ไปใส่ได้ ครับ

จากที่ว่ามาทั้งหมด เวลาขับเทียบกัน แบบรถเดิมๆทั้งคู่ จะทำให้รู้สึกว่า 2.0 มั่นคงกว่า

ตัว 1.7 อยู่เล็กน้อย



สิ่งที่ต่างกันอื่นๆที่เห็นได้ชัดก็จะมีเรื่อง แผงหน้าปัทม์ คอนโซลกลาง และคิ้วประตูด้านใน

ตัว 2.0 เป็น ลายเคฟลาร์ ต่างจากตัว 1.7 นอกจากนี้ภายในเป็นสีดำ เบาะหนังรู เป็น หนังแท้

ผสมหนังเทียม มีประดับโครเมี่ยมตามแผงเกียร์คันเกียร์ ฯลฯ นอกจากนี้สีตัวถังของ 2.0 2004

จะมี 5 สี คือ น้ำเงิน วิวิดบลู, แดง มิลาโน, ดำ ไนท์ฮอว์ค,เทาอะไรสักอย่างเนี่ยแหละเรียกมะถูก

และทอง เหมือนแอคคอร์ดซึ่งต่างจากสีทองของ 1.7 ส่วนสีของ 1.7 จะให้เลือกอีก 5 สี คือ

สีขาว ทาฟเฟตต้า, สีเงิน ซิลเวอร์ , สีเทา ควันบุหรี่ , สีดำ ไนท์ฮอว์ค , และ สีทอง ครับ

ส่วนระบบแอร์ทั้ง 1.7 Vti และ 2.0 ต่างก็มีแอร์อัตโนมัติมาให้ทั้งคู่ กระจกมองข้างต่างก็ปรับและ

พับด้วยไฟฟ้าได้ด้วยกันทั้งคู่ มีกระจกไฟฟ้ามาให้ครบทั้ง 4 บานทั้ง 2 รุ่น และเป็น Auto เฉพาะ

บานคนขับเช่นเดียวกัน แต่อย่างไรก็ดีตัวกระจกมองข้างนั้นของ 2.0 เดิมๆจากโรงงาน จะพิเศษกว่า

ตรงที่เป็นกระจกแบบที่ลดการหยดตัวของหยดน้ำ นอกจากนี้โคมไฟ้าหน้าของ 2.0 ก็จะพิเศษกว่า

ตรงที่เป็น Smoke chrome เพิ่มความดุดันมาจากโรงงาน และไฟท้ายของ 2.0 ก็จะพิเศษกว่าตรงที่

เป็นสีแดงเข้ม นอกจากนี้หน้าปัทม์เป็นแบบเรืองแสงทั้งคู่ และของวงของ 2.0 จะเป็นสีแดง แต่ว่า

ของ1.7 จะเป็นสีฟ้า และก็เรื่องวัสดุซับเสียงส่วนตัวผมว่าของ 2.0 มันเยอะกว่าของ 1.7 อยู่นิดนึงนะ



เกียร์ AT ของ 2.0 มี 5 จังหวะเดินหน้า แต่ของ 1.7 เป็น 4 จังหวะเดินหน้า แต่อย่างไรก็ดี

ใช้ตัว 2.0 แล้วก็จะหงุดหงิดเล็กน้อยถ้าชอบเปลี่ยนเกียร์เอง เพราะไม่สามารถ Lock เกียร์

ไว้ที่เกียร์ 4 ได้ เนื่องจากพอเลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ไว้ที่ D ก็จะเป็น ออโต้ 5 จังหวะตามปกติ

แต่พอดึงลงมา 1 จังหวะ กลับกลายเป็น D3 ซะงั้น แต่อย่างไรก็ดี ใช้แค่เกียร์ D แล้ว สั่งงาน

ด้วยคันเร่งเอา ก็ตอบสนองความต้องการเร่งได้ดีครับ การเปลี่ยนเกียร์ลงมาทำได้เหมาะสม

ฉับไว ตรงความต้องการ นอกจากนี้ เกียร์ 5 ทดไว้ต่ำมาก จนทำให้ความเร็วสูงสุดจะทำได้

ในเกียร์ 4 เท่านั้น โดยให้กดคันเร่งจมพื้นไว้ตลอด เพื่อไม่ให้เกียร์เปลี่ยนขึ้นเป็นเกียร์ 5 จะ

ได้ความเร็วสูงสุด ที่ 212 กม./ชม. ที่ 6,100 รอบต่อนาที แต่พอผ่อนคันเร่งลงมา เกียร์จะ

เปลี่ยนเป็นเกียร์ 5 ให้ แล้วความเร็วจะตกลง ตีนปลายในเกียร์ 5 ทำได้แค่ 200 กม./ชม.

(เฉพาะใส่ยางเดิมๆ)

อัตราทดเกียร์ เทียบกัน

เกียร์ 1 ของ 2.0 = 2.684 ของ 1.7 = 2.722

เีกียร์ 2 ของ 2.0 = 1.500 ของ 1.7 = 1.468

เีกียร์ 3 ของ 2.0 = 1.030 ของ 1.7 = 0.975

เีกียร์ 4 ของ 2.0 = 0.772 ของ 1.7 = 0.673

เีกียร์ 5 ของ 2.0 = 0.571 ของ 1.7 ไม่มี

เกียร์ถอยหลัง ของ 2.0 = 2.000 ของ 1.7 = 1.954

เฟืองท้าย ของ 2.0 = 4.562 ของ 1.7 = 4.066


อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จากการทดสอบ

ตัว 2.0 A/T ทำได้ 10.6 วินาที

ตัว 1.7 A/T ทำได้ 11.8 วินาที



สำหรับเรื่องอัตราการบริโภคน้ำมันโดยประมาณ เป็นอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย-ใน กทม.

ตัว 2.0 A/T ทำได้ 8-9 กม./ลิตร

ตัว 1.7 A/T ทำได้ 10-11 กม./ลิตร



เรื่องการบำรุงรักษา ก็ตัว 2.0 จะไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันพาวเวอร์ เพราะเป็นพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า

เมื่อครบแสนโล ก็ไม่ต้องเปลี่ยนสายพานราวลิ้น หรือ สายพานไทมมิ่งเพราะใช้ โซ่ เป็นตัวขับแทน

อะไหล่ อื่นๆ ก็ใช้ร่วมกับ 1.7 ได้ เกียร์ก็ได้รับการปรับปรุงมาแล้ว ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000

และ ไม่เปลี่ยนจังหวะเกียร์เอง ก็ใช้งานกันได้นานจนลืมเลยครับ ตรงนี้ก็ทำให้ค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่า

ตัว 1.7 บ้างเหมือนกัน ส่วนที่ยังเหมือน 1.7 คือ เรื่องแอร์ ครับ ก็คล้ายๆกับ 1.7 ต้องใส่ใจ

ดูแลรักษาหาร้านดีๆทำก็จะลดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ พวกคลัทช์ คอมฯแอร์ เสื่อม สาย Hi Pressure

ที่อยู่ด้านหลังหม้อน้ำมักจะรั่ว เพราะรับลมร้อนจากหม้อน้ำตลอด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร



ลองดูครับ นึกออกแค่เนี้ยอ่าครับ ยังงัย รอพี่ๆเพื่อนๆท่านอื่นมาเพิ่มเติมให้อีกทีละกันนะครับ
สุดยอดเลยคุณป้า ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: เครื่องรุ่น civic ไดแมนชั่น คือรหัส อะไรครับ
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |