เมื่อวาน 19 ก.ย. ผมขับรถกลับบ้านที่จังหวัดระยองครับ ถือเป็นการไปทดสอบรถในตัว ผมเลือกเส้นทาง ทางด่วนชลบุรีเป็นทางกลับ เนื่องจากเข้าใจว่าถนนจะโล่งเหมาะแก่การลองรถ
จากการทดสอบพบว่า 1.8e ขณะขับที่ความเร็ว 140-150 รถยังนิ่ง พวงมาลัยก็ยังควบคุมได้ปกติดีเหมือนตอนขับไม่เกิน 100 ครับ แต่ผมว่าหลังจากเกิน 150 ขึ้นไป พวงมาลัยเหมือนจะไวมากขึ้น พอเกิน 170 แล้วความนิ่งของรถเริ่มน้อยลงไป แต่ประสิทธิภาพโดยรวมก็ยังดีอยู่ ความเร็วสูงสุดที่ผมทำได้คือ 190 ครับ (แป๊บเดียวเท่านั้น ไม่กล้าเร่งแล้วครับ T_T) ความเร็วเฉลี่ยบนทางด่วนคือ 120-130 ครับ
หลายท่านอาจจะสงสัยว่า แล้วมันเกี่ยวกับรถผมโดนชนตรงไหน !! เหตุการณ์มันหลังจากนี้ครับ
ขณะที่ผมอยู่ถนนสาย บ้านบึง-แกลง ช่วงกิโลเมตรที่ 18-19 ขับจากบ้านบึง มุ่งหน้าแกลง ด้วยความเร็วไม่มากประมาณ 70 กิโลเมตรต่อ ชม. ผมอยู่ที่เลนขวาสุดโดยไม่คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์ปกติดี ทันใดนั้น ได้มีรถมอเตอร์ไซด์เก่า ๆคันหนึ่ง เปลี่ยนช่องทางจากเลนซ้ายเข้าขวากะทันหัน ตอนที่ผมเห็น นั้น รถมอเตอร์ไซด์อยู่บริเวณกระจกมองข้างด้านซ้ายของผม ใกล้มากจนเกือบชนแล้ว ผมตัดสินใจเหยียบเบรค แล้วหักหลบทางขวาเล็กน้อยทันที
แต่ ไม่ทันครับ ขณะนั้นผมไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ได้ยินแต่เสียงดังมาก รถผมส่ายซ้ายขวาอย่างรุนแรงจนเกือบตกข้างทาง เป็นผลมาจากผมหักหลบและเหยียบเบรกกะทันหัน ผมพยายามตั้งสติควบคุมรถ โดยการประคองพวงมาลัยและค่อย ๆ แตะเบรก จนในที่สุดรถผมเริ่มหยุดได้ จึงหาจุดจอดบริเวณไหล่ทางแรกที่เจอทันที ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 800 เมตร ผมรีบโทรหาประกันทันทีในใจเป็นห่วงมอเตอร์ไซด์ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
ซักพักตำรวจมาถึง ผมจึงขับตามตำรวจไปที่ป้อมตำรวจซึ่งมอเตอร์ไซด์คู่กรณีรออยู่ก่อนแล้ว คนขับเป็นชาย อายุ ประมาณ 60 ปี ผมมารู้ทีหลังว่า ลุงแกขนลังเบียร์หนึ่งลัง กับข้าวสารจำนวนหนึ่ง รวมทั้งของจุกจิกมาด้วย!!! โอ ทำไมไม่ใช้รถยนต์คร้าบ ทั้ง ๆ ที่ลูกสาวแกก็มีรถยนต์ ผมเจอแกครั้งแรกผมรีบบอกว่า ลุงไปหาหมอก่อนเลยครับ เดี๋ยวประกันมาแล้วผมตามไป สภาพของลุงแก ก็มีแผลถลอกครับ ตามแขนและขา อาการไม่หนักมาก ผมก็โล่งใจ ตอนแรกตกใจนึงว่าแกจะเจ็บหนัก แต่แกไม่ไปครับ บอกว่าจะรอประกันผม
หลังจากคุยกัน จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ ผมคิดไว้แล้วว่า ยังไงผมก็จะจ่ายค่าเสียหายให้ลุงแก เพราะแกแก่มากแล้วแถมยังมีอาการบาดเจ็บอีก แต่!!!! คนที่นั่นเอาแต่ด่าผม รุมผม ประมาณ 8 รุม 1 ได้ครับ พยายามจะบอกให้ผม เป็นคนรับผิดท่าเดียว จนผมเริ่มเซ็ง
ลุงแกบอกว่า แกไม่ผิด ยังไงแกก็ไม่ผิด ไม่ยอมรับผิด จะให้ผมยอมเป็นคนผิดท่าเดียว แต่ทุกท่านครับ มอเตอร์ไซด์ล้มลงตอนที่อยู่ตรงเส้นแบ่งกลางถนนค่อนมาทางเลนขวา เป็นการบอกได้ว่า ผมพยายามหักหลบไปทางขวาที่สุดแล้ว แต่ไม่พ้นจริง ๆ ประกันแจ้งว่า ยังไงผมก็เป็นฝ่ายถูก เพราะผมอยู่ในเลนของตัวเอง แล้วมอเตอร์ไซด์คันนั้นปาดเข้ามา ถ้าจะเอาเรื่องจริง ๆ เราชนะแน่นอน แต่คนที่อยู่ที่นั่นหลายคนอ้างว่าเห็นเหตุการณ์ บอกว่า ผมเป็นคนผิด ซึ่งคนพวกนี้ รู้จักกับลุงเป็นอย่างดีและ เป็นคนใหญ่โตในเขตนั้นเสียด้วย ตำรวจซึ่งอยู่ในป้อมบอกว่าไม่เห็นเหตุการณ์
หลังจากพ่อผมมาถึงและคุยกัน ผมไม่อยากให้เรื่องมันยาวไปกว่านี้ และพ่อผมรวมทั้งผมเองก็เห็นใจคู่กรณีมาก ถ้าเกิดการฟ้องกันจริง ๆ ผมอาจจะต้องขับไปกลับชลบุรีเพื่อขึ้นศาล จึงตกลงกันว่า ต่างคนต่างผิด ต่างคนต่างซ่อม ให้ประกันซ่อมรถผมคันเดียว ส่วนรถลุงแก ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าเสียหายที่แกทำงานไม่ได้จนกว่าบาดแผลจะหาย ผมจะจ่ายเอง
ความเสียหายที่ผมได้รับคือ
กระจกมองข้างด้านซ้ายหัก ห้อยติดอยู่กับตัวรถ
กระจกฝั่งคนนั่ง เป็นรอยถูกชน ต้องเปลี่ยนบานกระจกใหม่พร้อมติดฟิล์ม
ประตูหน้าฝั่งซ้ายบุบและเป็นรอยครูดยาว
ประตูหลังฝั่งซ้ายเป็นรอยครูด
ยางกันโคลนหน้าซ้ายเป็นรอยครูด
คิ้วคาดประตูซ้าย ทั้งหน้าและหลัง เป็นรอยครูด
บังโคลนหลังซ้ายครูด
ฝาถังน้ำมันครูด
รอรถ 12 วันครับ จึงนำมาเล่าให้ฟังครับ หลังจากเหตุการณ์นี้ ผมพบว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ว่าเราจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม