★★ ระบบแอร์รถยนต์ Honda Civic -- คลังความรู้เรื่องแอร์รถยนต์ Civic EG,EK,Si ★★

[Buranasak]

ประสบการของพี่  neung-1   eg3d-club   http://board.eg3d-club.com/index.php/topic,111745.msg1534689/topicseen.html#msg1534689

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ผมเป็นคนปากน้ำ สมุทรปราการ ธรรมดาๆคนนึง
ดันบังเอิญไปสอบตำรวจติดที่ จ.ปัตตานี และตอนนี้ทำงานที่ปัตตานีมาปีกว่าๆแล้ว
และเอา 3 ดอร์คันเก่งมาใช้ที่นี่ด้วย รถก็มีปัญหาบ้างตามสไตล์รถเก่า (อันนี้เข้าใจ)
แต่เรื่องที่จะระบายต่อไปนี้ มันเกี่ยวกับระบบแอร์ครับ
       แอร์รถผมมันเริ่มมีปัญหามาอาทิตย์กว่าๆ อาการ คือ คอมแอร์มันตัดต่อเร็ว วินาทีต่อวินาทีเลย
ผมเคยลงกระทู้ถามไปในบอร์ดเราบ้างแล้ว (ต้องขอบคุณนะครับสำหรับคำแนะนำดี)
เวลามันต่อมันก็เย็นตามปกติ แต่มันดันตัดทั้งๆที่ยังไม่เย็น ผมเลยลองเข้าไปเช็คอาการที่ร้านแอร์ร้านนึง
ในตัวเมืองปัตตานี ชื่อร้าน ออโต้แอร์ เซอร์วิส ตั้งอยู่ตรงข้ามเทคนิคปัตตานี (บอกพิกัดเลยครับ เพื่อนๆจะได้ไม่พลาดไปร้านนี้) ตอนแรกตั้งใจว่าจะให้เช็คดูว่าเป็นตรงไหน ถ้าไม่หนักมากก็จะซ่อม ถ้าแพงก็เอาไว้ก่อน
        เริ่มจากพี่แก เช็คโน่นนี่หลายๆส่วน นานเป็นชั่วโมงก็ไม่เจอสาเหตุ แถมถอดชิ้นส่วนของผมออกทั้งคัน ผมเลยเริ่มไม่มั่นใจกะร้านนี่แล้วว่ามันจะทำได้ ซักพักมันบอกว่าเป็นที่เทอร์โมแอร์ แล้วมันก็จัดการเอาเทอร์โมแอร์ตัวใหม่ของแท้ๆ
มาใส่ให้ผมโดยมันไม่บอกราคาผมซักคำ พอใส่ไปแล้วปรากฎว่าอาการยังเหมือนเดิมทุกอย่าง มันก็เริ่มรื้อถอดทุกชิ้นในระบบแอร์ออกมาล้างหมด แล้วบอกว่า "โห สกปรกมาก" แบบนี้ต้องเปลี่ยนไดเออร์ ยังไม่จบ พอรื้อไปถึงแผงหลังกันชน
มันบอกว่าไดเออร์ยังสกปรกขนาดนั้น แผงคงตันแล้วแหละ ผมเลยถามมันว่า "ล้างได้มั้ยผมไม่มีเงินเปลี่ยนหรอก"
มันยืนยันจะเปลี่ยนท่าเดียว แล้วก็เอาอันใหม่มาเปลี่ยนทันที พอมันเปลี่ยนโน่นนี่ของมันเสร็จ ก็แวคและเติมน้ำยาตามปกติ ผลปรากฎว่า ไม่เกิดเี้ยอะไรขึ้นเลย อาการเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง ใช้เวลาทำตั้งแต่ เที่ยงยังสามทุ่มกว่า
รู้มั้ยครับสุดท้ายมันลองทำอะไร มันลองเร่งเครื่องค้างไว้ตอนที่แอร์ตัดๆต่อๆ ปรากฏว่าหายครับ คอมแอร์ต่อแบบปกติ
มันว่า "อ๋อ รอบเครื่องมันเบาเกินไม่มีกำลังไปปั่นคอมมันเลยตัดๆต่อๆ" ชิบหายแล้วไง แค่เนี้ยแต่มันดันรื้อทั้งคัน เปลี่ยนแม่งไม่รู้กี่อย่าง ทั้งๆที่ของเก่าเรายังใช้ได้หมด พอเช็คบิลออกมา แทบเป็นลบ "8000" ไม่รู้จะพูดอะไรเลยตอนนั้น
ทั้งรอนาน เหนื่อย เซ็งสารพัด ไอ้ราคาของมันก็มีบวกบ้างเป็นธรรมดา เพราะอยู่ไกล แต่รับไม่ได้ไอ้ตรงที่เปลี่ยนทุกอย่างแต่ไม่ช่วยอะไรเลย แถมของที่เปลี่ยนไปเราต้องจ่ายทั้งหมด.....

ขอโทษด้วยนะครับที่อาจใช้คำไม่สุภาพบ้าง......ผมก็แค่อยากระบาย.....จำไว้นะครับ เพื่อนๆที่ผ่านไปแถวนั้น อย่าได้เฉียดเข้าไปใกล้เด็ดขาด ย้ำอีกครั้ง  ชื่อร้าน "ออโต้แอร์ เซอร์วิส ตรงข้ามเทคนิคปัตตานี"

 

เกิ๊นส์......ไป......

[Buranasak]

อย่าไปคิดมาก ใส่สูท ผูกไทค์ ยังเป็นโจรได้
แต่ตัวธรรมดา จบด็อกเตอร์ ก็มี
ของอย่างนี้ เรียนมาตรงๆ ยังทำไม่ได้เลย
คนไม่เคยเรียน แต่มีใจรักที่จะทำ สำเร็จมาหลายรายแล้ว

ทฤษฎี กับ ปฏิบัติ มันยังไม่ไปทางเดียวกันเลย  

จิง.....จิง......จิง.........

[Regis100]

 

[Buranasak]

TRS090 มาแปลกๆแฮะ เบอร์นี้ตรงกับ Civic EK เลย
แต่สังเกตดู Suction    Discharge มันหน้าตาแปลกๆ
ใช้กับ EK ได้ไหมนี้  

[Buranasak]

ไปนอนหละ วันนี้นอนไว...ง่วง 

[Buranasak]

เดินผ่านมาเจอ สีสวยบาดตาดี ของใครเอ่ย

ขออนุญาต เจ้าของรถ เซ็นเซอร์ทะเบียนให้แล้ว เผื่อเพื่อนๆใครอยากทำสีเหลืองบ้าง สีมันสดจริงๆครับ[/size]

 

[Buranasak]

  คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ เลือกใช้ให้เหมาะสมกับรถนะครับ


ในเรื่องเกี่ยวกับคอมเพรสเซอร์ กระผมได้นำเสนอเนื้อหาซึ่งกระโดดไป กระโดดมา เอาหละตอนนี้ขอสรุปรวบยอดแล้วก็แล้วกันในเรื่อง คอมเพรสเซอร์ของระบบแอร์ที่ใช้กับรถยนต์

ในระบบแอร์ของรถยนต์ คอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์นั้นเป็นหัวใจสำคัญของระบบทำความเย็น เพราะเป็นอุปกรณ์หลักที่สำคัญของระบบเครื่องทำความเย็น ทำหน้าที่ในการดูด อัด สารทำความเย็นในสถานะแก๊ส  วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ได้ให้คำสำคัญเกี่ยวกับคอมเพรสเซอร์ไว้ว่า
    
คอมเพรสเซอร์ คือ เครื่องอัด เป็นอุปกรณ์ที่เพิ่มความดันของสารทำความเย็นที่อยู่ในสถานปะไอ  คอมเพรสเซอร์จะดูดสารความเย็นที่เป็นซุปเปอร์ฮีตแก๊สความดันต่ำ และอุณหภูมิต่ำจาก อีวาพอเรเตอร์ ผ่านเข้ามาทางท่อ Suction เข้ายังทางดูดของคอมเพรสเซอร์แล้วอัดแก๊สนี้ให้มีความดันและอุณหภูมิสูงขึ้น ส่งเข้ามายัง แผงคอยร้อน โดยผ่านเข้าทางท่อ Discharge เพื่อไปกลั่นเป็นของเหลวในแผงคอยร้อนด้วยการระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็นอีกทีหนึ่ง

เราจะเห็นได้ว่าวงจรทำความเย็น คอมเพรสเซอร์จะเป็นอุปกรณ์ที่แบ่งความดันในระบบระหว่างด้านความดันต่ำและความดันสูง สารความเย็นที่ดูดเข้ามาในคอมเพรสเซอร์จะมีสถานะเป็นแก๊สความดันต่ำและสารความเย็นที่อัดส่งออกจากคอมเพรสเซอร์จะมีสถานะเป็นแก๊สความดันสูง

ในท้องตลาดเราจะเห็นคอมเพรสเซอร์ที่ใช้กับเครื่องปรับอากาศรถยนต์ มีอยู่มากมายทั้งท้องใหม่ ของบิ้ว ของเชียงกง หรือของที่โดนเขาหรอกขายมา   5555555 เรารู่มันไหมว่าเป็นเป็นคอมชนิดใด หรือแม้แต่รถรถใช้คอมเพรสแชอร์ชนิดใด.....ถามว่าสำคัญไหม.....ตอบว่าสำคัญครับ......เพราะมีการทำคอมเพรสเซอร์ออกมาจำนวนมากมายหลายชนิด บางรถไม่มีคอมเพรสเซอร์เดิมๆที่ใช้กับรถแล้ว แน่นอนครับ ต้องแปลงเอาคอมรุ่นอื่นมาใส่ รถยนต์ได้ถูกออกแบบการใช้คอมเพรสเซอร์ชนิดที่เหมาะสมกับรถอยู่แล้ว ....ถ้าเราเลือกไปใช้คอมเพรสเซอร์ประเภทอื่นๆหละจะเกิดไรขึ้น เพราะหลายคน คงมีประสบการณ์กันมาบ้างในการนำรถเข้าซ่อมระบบแอร์ และเปลี่ยน
คอมเพรสเซอร์ ในกรณีที่คอมเพรสเซอร์พังเสียหาย การเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์นั้น ถ้าช่างเปลี่ยนให้ตามสเปคเดิมก็ไม่เกิดปัญหาอะไรตามมา แต่ถ้ามีการดัดแปลงคอมเพรสเซอร์ต่างรุ่นติดตั้งแทนของเดิม มักเจอปัญหา เช่น เปิดแอร์แล้วฉุดกินกำลังเครื่องยนต์มาก เครื่องยนต์วิ่งไม่ค่อยออก หรือบางรายพอดัดแปลงคอมเพรสเซอร์แอร์แล้ว เวลารถติดแล้วแอร์ไม่เย็น ปัญหาเหล่านี้ป้องกันได้ ถ้าผู้ใช้รถยนต์ทุกท่านสนใจดูแลคอมเพรสเซอร์แอร์ ไม่ให้เสียหายมาก

ฉะนั้น ลองมาดูกันครับว่า คอมเพรสเซอร์ในระบบแอร์รถยนต์ ที่มีอยู่มีกี่ประเภท เวลาเลือกใช้ในรอบต่อไป ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนจะได้เปลี่ยนได้ถูกครับ...

      ชนิดของคอมเพรสเซอร์ที่ใช้ในระบบปรับอากาศรถยนต์ คอมเพรสเซอร์เป็นอุปกรณ์หลักที่สำคัญของระบบเครื่องทำความเย็น สำหรับเครื่องปรับ อากาศรถยนต์แล้วคอมเพรสเซอร์ที่ใช้แบ่งได้เป็น 3 แบบหลักๆ คือ
        1.แบบลูกสูบ
        2.แบบโรตารี
        3.แบบสวอชเพลต

[Buranasak]

1.คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ ( Reciprocating )
   
คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ จะทำงานคล้ายกับลูกสูบในเครื่องยนต์ โดยลูกสูบจะขึ้นลงตามข้อเหวี่ยง การขึ้นลงของลูกสูบก็จะเป็นการดูด และ อัด ให้น้ำยาไหลเวียนอยู่ในระบบ โดยน้ำยาจะผ่านเข้ามาในคอมเพรสเซอร์ทางช่องดูด(Suction) และจะถูกอัดออกไปทางช่องอัด (Discharge) คอมเพรสเซอร์จะมีลูกสูบหลายอันตามแต่การออกแบบของผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์ครับ มีทั้งแบบ 2, 4, 5, 6 ลูกสูบ ฯลฯ โดยลักษณะโครงสร้างแข็งแรงมีความทนทานและการบำรุงรักษาสะดวกกว่าแบบอื่น ตัวอย่างคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบได้แก่ คอมเพรสเซอร์ที่ใช้ลูกสูบทั้งหมด เช่นเครื่องปรับอากาศรถยนต์ เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่

หลักการทำงานของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบเคลื่อนที่มีหลักการเหมือนกันทั้งหมด คอมเพรสเซอร์ทั่วไปที่ใช้แบบลูกสูบจะมี 2 สูบ สูบหนึ่งดูด สูบสองอัดเป็นต้น เช่นของ York, Kiki, Mitsubishi, Tecumshe ยกเว้นคอมเพรสเซอร์ของบริษัทเยนเนอรัลมอ¬เตอร์ซึ่งมี 5 และ 6 สูบ (สูบนอน) แต่ละสูบทำงานตรงกันข้ามคือ ด้านหนึ่งของลูกสูบทำหน้าที่ดูด อีกด้านหนึ่งทำหน้าที่อัดคอมเพรสเซอร์ชนิดที่นิยมใช้กันมากที่สุดในวงการเครื่องเย็น ได้แก่คอมเพรสเซอร์แบบเคลื่อนที่ขึ้น – ลง หรือที่เรียกว่าแบบใช้ลูกสูบ (Reciprocating Compressor) จะพูดถึงคอมเพรสเซอร์ชนิดนี้มากเป็นพิเศษ เพราะว่ามีใช้ในประเทศไทยมาก เช่น เครื่องปรับอากาศรถยนต์ เครื่องปรับอากาศรถบัส และเครื่องปรับอากาศที่ใช้ในกิจการอุตสาหกรรม ส่วนคอมเพรสเซอร์แบบอื่น เช่น คอมเพรสเซอร์แอร์บ้านและตู้เย็นใช้คอมเพรสเซอร์แบบเฮอร์เมติค ซึ่งมีการทำงานในส่วนของตัวคอมเพรสเซอร์คล้ายกัน

โครงสร้างของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ RECIPROCATING
โครงสร้างและส่วนประกอบของคอมเพรสเซอร์แบบใช้ลูกสูบนั้นมีส่วนประกอบคล้ายกับโครงสร้างของเครื่องยนต์เกือบทุกประการ ยกเว้นกลไกเกี่ยวกับลิ้นเท่านั้น โครงสร้างคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ ประกอบด้วย
-กระบอกสูบ Cylinder
-เพลาข้อเหวี่ยง Crankshaft
-ซีลเพลาข้อเหวี่ยง Crankshaft seal
-ฝาสูบ Cylinder head
-ชุดลิ้นบริการ Service valve
-ปะเก็น Gasket
-น้ำมันหล่อลื่น Lubricating oil

[Buranasak]

คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ (Reciprocating Compressor)มีการใช้มากในระบบทำความเย็น คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบนี้จะดึงไอของสารทำความเย็นเข้ามาเป็นจังหวะ ในขณะที่คอมเพรสเซอร์แบบอื่นนั้นจะดึงสารทำความเย็นเข้ามาอย่างต่อเนื่องหลักการทำงานของเครื่องคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ (Reciprocating Compressor) จะแสดงให้เห็นดังในภาพ คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ (Reciprocating Compressor)สามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท คือ ชนิดเปิด ชนิดกึ่งปิดสนิท (Semi-Hermetic)และชนิดปิดสนิท (Hermetic)คอมเพรสเซอร์ชนิดเปิดนั้นคอมเพรสเซอร์จะแยกออกมาจากมอเตอร์  และต่อกันเพลาต่อหรือสายพาน โดยอาศัย(Axle or V-Belt)เนื่องจากคอมเพรสเซอร์แยกออกจากมอเตอร์ จึงสามารถใช้กับแอมโมเนียมาทำหน้าที่เป็นสารหล่อเย็นได้(Coolant)

สำหรับเครื่องคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบชนิดกึ่งปิดสนิท และชนิดปิดสนิทนั้น คอมเพรสเซอร์และมอเตอร์จะถูกรวมไว้ในชุดเดียวกันโดยอาศัยใช้เพลาร่วมกัน ดังนั้นการเชื่อมต่อด้วยสายพาน (V-Belt) เพลาเชื่อมต่อ (axle couplings), ซีลเพลา (shaft seals), และอื่นๆจึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้ เนื่องจากคอมเพรสเซอร์อยู่รวมกับมอเตอร์ ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้แอมโมเนียมาทำหน้าที่เป็นสารทำความเย็นได้
    
ความเย็นที่ออกมาจากระบบทำความเย็นนั้นสามารถควบคุมได้โดยการปรับสมรรถนะการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ซึ่งทำโดยการควบคุมแบบเปิด/ปิด และคอมเพรสเซอร์ที่มีกระบอกสูบหลายอันนั้นสามารถถูกควบคุมได้โดยไม่ใช้กระบอกสูบชุดใดชุดหนึ่งหรือหลายชุด
 
ภาพประกอบ
1. วาล์วด้านที่อากาศเข้า (Intake valve)
2. วาล์วด้านที่อากาศออก (Exhaust valve)
3. ไอของสารทำความเย็น (Refrigerant vapour)

[Buranasak]

สรุปคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ (Reciprocating Compressor)

ข้อดี คือ ลักษณะมีความแข็งแรง รูปร่างที่ใหญ่ การบำรุงรักษาจะสามารถทำได้ง่ายกว่า   มีระบบหล่อลื่นอิสระ โดยมีอ่างน้ำมันหล่อลื่น
               มีระบบวิดน้ำมันไปหล่อลื่นลูกสูบและกลไก ดังนั้นในระบบทำความเย็นจะไม่มีน้ำมันคอมเพรสเซอร์ไปปะปนอยู่หรือมีก็น้อยมากต่างกับคอมเพรสเซอร์ประเภทอื่น
               แน่นอน อึดมาก ไม่พังง่ายๆ

               ดังนั้นคอมเพรสเซอร์ประเภทนี้ยังเป็นที่ต้องการ ของบรรดานักดัดแปลงทั้งหลาย เช่นช่างแอร์อาจนำไปทำเครื่องแวคคั่มแอร์หรือทำสูญญากาศในระบบแอร์
               คนส่งกุ้งหอยปูปลาที่วิ่งรถกะบะส่งนิยมนำไปทำปั๊มอัดลมเลี้ยงบรรดาอาหารเป็นๆ และช่างซ่อมรถบางอู่ นำไปทำเครื่องอัดลมเข้าถังลมโดยใช้คอมเพรสเซอร์แบบนี้กับ
               ถังแก๊ส  รถยนต์เก่าๆมาประกอบกัน


ข้อเสีย คือ ในระบบปรับอากาศรถยนต์ปัจจุบันไม่นิยมมาใช้กันมากนักเท่าไหร่ รถขนาดเล็กไม่ใช้กันแล้ว เนื่องด้วยรูปร่างที่มีขนาดใหญ่กว่าชนิดอื่นๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน
                  ที่มีการลดขนาดของรถยนต์ทั้งรูปร่างและกำลัง  เครื่องลง  การทำงานของคอมแบบลูกสูบแท้ๆ นี้จะสร้างภาระการทำงานของเครื่องยนต์มาก
                  ทำให้เกิดโหลดมาก ดึงกำลังเครื่อง


    

[hs2cbp]

ไม่ยาวอย่างเดียวด้วย ใหญ่อีกต่างหาก สงสัยต้องถอย 90 นิ้ว มาทำจอคอมส์แล้ว รูปพี่แต่ละรูป งาม หยดย้อย   

[Buranasak]

ไม่ยาวอย่างเดียวด้วย ใหญ่อีกต่างหาก สงสัยต้องถอย 90 นิ้ว มาทำจอคอมส์แล้ว รูปพี่แต่ละรูป งาม หยดย้อย  

เอ่อ...คอมแบบนี้มันใหญ่นะ รถไรใช้ไม่รู้  รูปชัดเจนดี เอามารวมๆกัน เพื่อนๆได้อ่านด้วย
โอ้ เรื่องนี้มาทั้งคณะเลย วิศวกรรมยานยนต์/เครื่องกล

[Buranasak]

2.คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ (Rotary)

คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ เป็นการออกแบบที่จะไม่มีลูกสูบในคอมเพรสเซอร์ แต่จะใช้สิ่งที่คล้ายๆใบพัดที่จะหมุนอยู่ภายในคอมเพรสเซอร์ เพื่อที่จะนำพาน้ำยาแอร์เข้าทางด้าน Suction และผลักออกมาทางด้าน Discharge.คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ที่ใช้กันส่วนใหญ่ในปัจจุบัน


คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ ติดตั้งอยู่บริเวณเครื่องยนต์ จะทำงานได้ต่อเมื่อ ได้รับแรงหมุนจาเครื่องยนต์ ผ่านมา ทางสายพาน คล้องไว้กับพูลเล่ย์ และยะมีคลัทช์แม่เหล็ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพูลเล่ย์ อยู่บนแกนกลางเพลาหมุน ของคอมเพรสเซอร์ ในกรณีที่เครื่องยนต์หมุน แรงหมุนของเครื่องยนต์ จะถูกส่งผ่านสายพานมาหมุนพูลเล่ย์ แต่คอมเพรสเซอร์ยังไม่ได้ทำงาน

Civic ek  eg  si  เราใช้คอมเพรสเซอร์ประเภทนี้ครับ
เมื่อเราเปิดสวิตช์แอร์ในห้องโดยสาร ไปยังตำแหน่ง "ON" กระแสไฟจากแบตเตอรี่ จะไปทำให้คลัทช์แม่เหล็ก ดูดยึดติดกับพูลเล่ย์ จึงส่งผลให้ แกนเพลาหมุนของคอมเพรสเซอร์ ไปจับยึดติดกับพูลเล่ย์ จากจุดนี้ ทำให้ คอมเพรสเซอร์เริ่มทำงาน เมื่ออุณหภูมิในห้องโดยสาร เริ่มเย็นลงตามที่ต้องการแล้ว เซนเซอร์ควบคุมอุณหภูมิ (Thermostat) จะทำงานโดยไปตัดสวิตช์ ส่งผ่านไฟฟ้าที่คลัทช์แม่เหล็ก ทำให้คลัทช์แม่เหล็กกับพูลเล่ย์ แยกจากกัน คอมเพรสเซอร์จึงหยุดทำงาน แต่ในกรณีที่เราปิดสวิตช์ แอร์ในห้องโดยสาร ก็คือ การทำให้คลัทช์แม่เหล็กนี้ แยกจากพูลเล่ย์นั่นเอง

สรุป คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ (Rotary)

ข้อดีคือ   คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ จากผลการทดลองของต่างประเทศ พบว่า คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่สามารถสร้างความเย็นได้มากสุด โดยเทียบความจุต่อปอนด์ของคอมเพรสเซอร์ขนาดเท่ากัน และกินกำลังน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับคอมแบบลูกสูบ  
               ฉะนั้นคอมแบบ[โรตารี่ หรือคอมแบบ ก้นหอย คอมชนิดนี้มีขนาด "เล็ก" และกินแรงเครื่อง "น้อยมาก" แต่ทำความเย็นได้ "มาก"

ข้อเสีย  คือ คอมโรตารี่โดยทั่วไปนั้นจะมีความบอบบาง เพราะระบบการทำงานภายในเป็นแบบก้นหอยที่ละเอียดกว่าลูกสูบ จะซ่อมยาก หรือซ่อมไม่ได้เลยและเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมที่ทำแล้วอาจไม่คุ้ม โดยเฉพาะ เมื่อผู้ใช้รถยนต์ขาดการดูแลรักษาที่ดีแล้ว ปล่อยให้คอมเพรสเซอร์เกิดโหลดความร้อนสูงเกินไป อาจพังในไม่ช้า  

[Buranasak]

 3.คอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลต ( Swash plate )
คอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลต ปัจจุบันคอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลตเป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศรถยนต์ เพราะคอมเพรสเซอร์แบบนี้มีขนาดเล็กกะทัดรัด มีประสิทธิภาพการทำงานสูง และฉุดแรงเครื่องน้อยกว่าแบบลูกสูบ ในขนาดของการทำความเย็นจำนวนบีทียูเท่ากัน ซึ่ง swash plate อันนี้เป็นวิวัฒนาการของคอมลูกสูบครับภายในมีลูกสูบเล็กๆอยู่สัก 7-9 อัน คนไทยเลยเรียกคอมลูกสูบ(แน่นอน ขนาดเล็กกว่าคอมลูกสูบแท้ๆ) เป็นลักษระคอมแบบ "จานเอียง" ใช้การอัดน้ำยาคล้ายๆคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ แต่เบาแรงกว่า

คอมเพรสเซอร์ชนิดสวอทเพรสนี้มีความแตกต่างที่สามารถ ใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์ หมุนซ้ายและหมุนขวา การทำกำลังอัดระหว่างการหมุนรอบต่อรอบนั้น คอมชนิดสวอทเพรสนั้นทำได้ดีกว่าคอมเพรสเซอร์แอร์ทั้งสองชนิดที่กล่าวมาอย่างแน่นอน


สรุปคอมเพรสเซอร์แบบสวอชเพลต


ข้อดี มีความทนทาน และสร้างความเย็นได้ดี
ข้อเสีย กินแรงเครื่องในระดับนึง

[Buranasak]

สรุปคอมเพรสเซอร์รถยนต์

    จะเห็นได้ว่าคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ นั้นมีรูปแบบการทำงาน ขนาดการทำงาน และข้อดี ข้อเสียต่างกันนะครับจริงๆการเลือกใช้
ตามหลักไม่ควรจะมาคิดในประเด็นเหล่านี้ ด้วยเหตุผลขนาดรถยนต์ กำลังเครื่อง ผู้ผลิตได้กำหนดไว้เหมาะสมอยู่แล้วว่าควรใช้ยี่ห้อ และขนาด ประเภท
ไหนเพื่อให้เหมาะสมกับรถยนต์ ประสิทธิภาพการทำงานของระบบปรับอากาศรถยนต์ดีขึ้น
         แต่ก็มีอย่างกรณีข้อยกเว้นครับ รถบางคันอายุ อานามก็ปาเข้าไป 20   30   40   ปี   คนไทยยังรักรถยนต์ครับ
ลูกโตแต่งงานก็ยังเก็บเอาไว้ใช้ แน่นอนปัญหาเรื่องอุปกรณ์ต่างๆของรถยนต์ รวมถึงระบบปรับอากาศจะต้องมีการแปลงร่าง ให้มาเข้ากับการใช้งานของอุปกรณ์
และระบบในปัจจุบันที่มีอยู่ด้วย ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมครับ ปรึกษาช่างแอร์ผู้ชำนาญงานครับว่าควรใช้รุ่นไหนดีนะครับ

          แต่กรณีถ้าเป็นรถปัจจุบันที่ยังอายุ อานามไม่มาก เราควรเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์แบบที่เหมือนของเดิมหรือให้มากที่สุด จะได้ไม่ต้องแปลงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องครับ แต่ถ้าจำเป็นต้องแปลงเช่นคอมเพรสเซอร์หาไม่ได้ หรือคอมเพรสเซอร์ไม่ทน เราก็สามารถแปลงได้ครับ

         [b] เหนื่อยเขียน[/b]

[Buranasak]

หวังว่าคงมีประโยชน์นะครับ....

[junkhung]

หลังๆมาไม่เห็นเอารูปน้องๆมาลงเลย หรือเก็บเข้าสังกัดหมดแล้ว

[Buranasak]

หลังๆมาไม่เห็นเอารูปน้องๆมาลงเลย หรือเก็บเข้าสังกัดหมดแล้ว

เอามาลงแล้ว ครับน้องๆมันทะเลาะกัน ตบกันใหญ่เลย เลยไม่เอามาโชว์หละ ชอบแย่งผู้ชายกัน 

[junkhung]

 

[Buranasak]

อันนี้สำหรับนักประดิษฐ...ชอบแปลง

     คอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบ หน้าที่และการทำงานของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบคือจะดูดและอัดน้ำยาในสถานะที่เป็นแก๊ส โดยดูดน้ำยาในสถานะแก๊สที่มีความดันต่ำและอุณหภูมิต่ำเข้ามาอัดตัวให้เป็นแก๊สที่มีความดันสูงและอุณหภูมิสูงขึ้นและส่งไปยังคอนเดนเซอร์ หลักการทำงานของคอมเพรสเซอร์แบบลูกสูบคือ ในแต่ละกระบอกสูบจะประกอบด้วยชุดของลิ้นทางดูดและลิ้นทางอัดซึ่งติดอยู่กับวาล์วเพลต ขณะที่ลูกสูบหนึ่งลงในจังหวะดูด อีกลูกหนึ่งจะเคลื่อนที่ขึ้นในจังหวะอัด

    ฉะนั้น ด้วยหน้าที่และลักษณะการทำงานข้างต้น  ประกอบกับ ขนาดและรูปร่างที่ใหญ่ แข็งแรง รูปร่างที่ใหญ่ ทนทาน  มีระบบหล่อลื่นอิสระ โดยมีอ่างน้ำมันหล่อลื่น มีระบบวิดน้ำมันไปหล่อลื่นลูกสูบและกลไก ดังนั้นในระบบทำความเย็นจะไม่มีน้ำมันคอมเพรสเซอร์ไปปะปนอยู่หรือมีก็น้อยมากต่างกับคอมเพรสเซอร์ประเภทอื่น ไม่พังง่ายๆหรอกครับแน่นอน อึดมาก ไม่พังง่ายๆ จึงนิยมนำมาดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ใช้งานต่างๆ

     เกี่ยวกับเรื่องระบบแอร์  ใครชอบ DIY ถ้ามีตัวนี้เหลือใช้นำไปทำเครื่องแวคคั่มแอร์หรือทำสูญญากาศในระบบแอร์ ได้น่ะ ส่วนผมไม่แนะนำ เขียนไว้ในหน้า 7 มั้งถ้าไม่ผิดมันไม่ค่อยดีหรอก ใช้แบบฉุกเฉินพอให้อภัย  เดี๋ยวนี้ราคาเครื่องแวคคั่มไม่แพงน่ะครับ ประสิทธิภาพนี้สุดยอดเลย....
              

        

[Buranasak]

ถามได้น่ะ....ไม่ต้องอ่านอย่างเดียวก็ได้ ถ้าเป็นสิ่งที่ผมรู้ผมจะตอบให้ครับ  

[Buranasak]

เมื่อยมือ เมื่อยหมอง.....ฉิบ

กระทู้แอร์ มีทุกสิ่งให้เลือกสรรค์

[Buranasak]

ไม่ยาวอย่างเดียวด้วย ใหญ่อีกต่างหาก สงสัยต้องถอย 90 นิ้ว มาทำจอคอมส์แล้ว รูปพี่แต่ละรูป งาม หยดย้อย  

มุขเด็ด ผมจุกอีกแล้ว

[Buranasak]

รถตระกูล Honda Civic  EK EG SI

ทาง Honda เลือกใช้คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่ (Rotary) เพราะเหตุผลจาก เป็นรถที่มีเครื่องยนต์ขนาดไม่ใหญ่มากนัก การเลือกใช้
คาดเดาตาม Logic ทั่วไป เล็กเหมาะตามขนาดรถ Honda Civic  EK EG SI ทำให้กินแรงเครื่องน้อย สามารถลดโหลดของการทำงาน
คมเพรสเซอร์แอร์ได้อีกด้วย และคอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่สามารถสร้างความเย็นได้มากสุด ตามที่อธิบายไป

[Buranasak]

8)แอร์รถไม่เย็น เกิดจากอะไร 

  ลองไปอ่านที่เขานำเสนอไว้บ้างครับ มันต่างกันไหม....รู้เขารู้เรา


คอลัมน์ คาร์ทิป มติชน 6 เมษายน 56
โดยปกติรถยนต์ทั่วไป ส่วนประกอบที่สำคัญของระบบปรับอากาศรถยนต์ ประกอบไปด้วย

1.คอมเพรสเซอร์ ทำหน้าที่ดูดและอัดน้ำยาแอร์ให้มีความดันสูงขึ้นและทำให้น้ำยาแอร์หมุนเวียนในระบบ ติดตั้งอยู่ที่เครื่องยนต์ อาศัยแรงขับจากเครื่องยนต์ ผ่านสายพาน มักเรียกกันว่า คอมพ์แอร์

2.คอนเดนเซอร์ ทำหน้าที่ระบายความร้อนน้ำยาแอร์ที่ออกจากคอมเพรสเซอร์ โดยอาศัยพัดลมระบายความร้อนหรือลมปะทะขณะรถวิ่ง

3.รีซีฟเวอร์-ดรายเออร์ ทำหน้าที่ดูดความชื้น กรองสิ่งสกปรกในน้ำยาแอร์และกักเก็บน้ำยาแอร์ให้มีปริมาณเหมาะสมกับการใช้งานในระบบ ติดตั้งระหว่างคอนเดนเซอร์กับตู้แอร์ ที่ด้านบนจะมีตาแมวเพื่อใช้ดูว่าน้ำยาแอร์มีเพียงพอหรือไม่ นอกจากนี้ บางรุ่นยังมีสวิตช์ความดันติดตั้งอยู่ด้วย มีไว้เพื่อป้องกันไม่ให้คอมเพรสเซอร์เสียหาย ถ้าความดันในระบบสูงหรือต่ำเกินไป ชุดคลัตช์แอร์จะตัดการทำงานทันที

4.ตู้แอร์ ติดตั้งอยู่ในห้องโดยสารบริเวณหลังแผงหน้าปัด มีส่วนประกอบที่สำคัญคือ

4.1 อีวาปอเรเตอร์ ทำหน้าที่เปลี่ยนอากาศร้อนให้อากาศเย็น

4.2 พัดลมตู้แอร์หรือชุดโบลว์เออร์ ทำหน้าที่ดูดอากาศร้อนภายในห้องโดยสารให้ผ่านอีวาปอเรเตอร์เป็นลมเย็นเป่าออกทางช่องลม

4.3 เอ็กซ์แพนชันวาล์ว ทำหน้าที่ปรับความดันของน้ำยาแอร์มีคุณสมบัติในการดูดความร้อนจากอากาศ

5.ชุดทำความร้อน ใช้ความร้อนจากน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์มาอุ่นให้อากาศร้อนขึ้นแล้วเป่าออกมาโดยพัดลม ตามปกติใช้ในขณะอากาศหนาว

สาเหตุที่แอร์รถยนต์ไม่เย็นเกิดจาก

1.ฟิวส์และรีเลย์ในวงจรเครื่องปรับอากาศชำรุด และขั้วต่อสายไฟตามจุดต่างๆ ต่อไว้ไม่แน่น

2.สวิตช์ความดันสูง-ต่ำในระบบชำรุด หรือขั้วต่อไม่แน่น ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ไม่ทำงาน ถ้าความดันในระบบสูงหรือต่ำเกินไป คอมเพรสเซอร์ก็จะไม่ทำงานเช่นกัน จะช่วยป้องกันไม่ให้คอมเพรสเซอร์แอร์เสียหาย

3.คลัตช์แม่เหล็กไม่ทำงาน หรือสายไฟเข้าคลัตช์แม่เหล็กขาด

4.สายพานแอร์หย่อนเกินไปหรือขาด ทำให้คอมเพรสเซอร์หมุนช้าหรือไม่หมุน

5.พัดลมไฟฟ้าของแอร์ไม่ทำงานหรือหมุนช้า ทำให้ความร้อนที่คอนเดนเซอร์ (คอยล์ร้อน) สูง สาเหตุอาจเกิดจากแบตเตอรี่มีไฟไม่พอหรือตัวมอเตอร์พัดลมแอร์เริ่มเสื่อมสภาพ

6.มีเศษผงหรือสิ่งสกปกติดอยู่ที่ด้านหน้าคอนเดนเซอร์แอร์ ควรใช้ลมที่มีความดันไม่เกิน 10 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เป่าทำความสะอาด อย่าใช้ลมที่มีความดันสูงกว่านี้เพราะอาจทำให้ครีบที่คอนเดนเซอร์แอร์บิดงอ

7.ตัวเอ็กซ์แพนชัววาล์วเสียหรือเสื่อมสภาพ ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ตัด-ต่อบ่อยเกินไป

8.ตัวรีซีฟเวอร์-ดรายเออร์เสื่อมสภาพ ที่ด้านบนจะมีกระจกใสเพื่อตรวจดูน้ำยาแอร์ว่ามีเพียงพอหรือไม่ ถ้ากระจกใสหรือมีฟองอากาศเล็กน้อยแสดงว่าปกติ

9.น้ำยาแอร์รั่วซึมตามจุดต่างๆ เช่น บริเวณข้อต่อ รั่วที่ซีลโอริง รั่วที่คอนเดนเซอร์ (คอยล์ร้อน) รั่วที่บริเวณใต้ตู้แอร์ เนื่องจากมีน้ำขังอยู่ภายในตู้ทำให้เกิดการผุกร่อน ปัจจุบันตู้แอร์ส่วมมากทำด้วยอะลูมิเนียม ถ้ามีน้ำขังอยู่จะทำให้ตู้แอร์รั่วได้ง่าย

10.คอมเพรสเซอร์แอร์เสื่อมสภาพ

น้ำยาแอร์รั่วตามจุดต่างๆ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แอร์ไม่เย็น จุดที่น้ำยาแอร์รั่วบ่อยได้แก่ตู้แอร์ เนื่องจากมีน้ำขังอยู่ วิธีตรวจว่าระบบปรับอากาศรถยนต์ทำงานปกติหรือไม่ ทำได้โดยติดเครื่องยนต์และเปิดแอร์ ใช้มือจับที่ท่อดูดจะเย็นหรือบางทีมีน้ำเกาะ ส่วนที่ท่อจ่ายจะร้อน ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าระบบปรับอากาศทำงานตามปกติ

คำแนะนำ

- หมั่นดูดฝุ่นภายในรถบ่อยๆ และไล่น้ำออกจากตู้แอร์ทุกครั้งก่อนดับเครื่องยนต์

- หลังจากปิดแอร์แล้ว จะมีน้ำไหลออกมาจากท่อน้ำทิ้งใต้ตู้แอร์แล้วหยดลงบนพื้นถนนเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไม่มีน้ำหยดแสดงว่าท่อน้ำทิ้งอุดตันควรทำความสะอาดทันที ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ จะทำให้ตู้แอร์รั่วซึมได้

  
    

[Buranasak]

8)การแก้ไขปัญหาแอร์รถยนต์ไม่เย็นเบื้องต้น

 อันนี้ก็เป็นแนวทาง ที่ได้รวบรวมปัญหาอาการแอร์รถยนต์ไม่เย็นมาให้ผู้ใช้รถยนต์ทุกท่านทราบจากประสปการณ์ โดยตรง (ของใครหว่า)  
ลองอ่านดูอีกครับ เป็นแนวทางที่ได้สรุปไว้


 ปัญหาอาการแอร์รถยนต์ไม่เย็นเกิดจากปัญหาหลักๆ 3 อย่าง คือ

1.ปัญหาด้านระบบไฟฟ้า

   1.1 สาเหตุ จาก ฟิวส์สั่งงานหรือรีเลย์ คอมเพรสเซอร์ หรือพัดลม ขาดไม่ทำงาน  แก้ไขโดยการเปลี่ยน ฟิวส์ ใหม่เช็คว่าไฟมาเลี้ยงที่ชุดคอยล์แม่เหล็กหรือไม่ ด้วยมิเตอร์

   1.2 สาเหตุจาก คอยล์ขดลวดคลัช คอมเพรเซอร์แอร์ขาด  แก้ไขโดย เทียบรุ่นและ จัดการเปลี่ยนใหม่

   1.3 สาเหตุจาก ชุดสั่งงานตัดต่อ คอมเพรซเซอร์แอร์ เสีย ไม่ทำงาน (เทอร์โมสตัท)  แก้ไขโดย เทียบรุ่น และ ซื้อเปลี่ยนใหม่

2.ปัญหาทางกล

    2.1 ปัญหา สายพาน คอมแอร์ขาด  แก้ไขด้วยการเปลี่ยนใหม่    

    2.2 ปัญหาคอมเพรสเซอร์ มีกำลังอัด ดูด ไม่เพียงพอ  แก้ไขโดย ลองแวคคั่ม และเติมไล่น้ำยาใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับกำลังคอม  หรือ  เปลี่ยนคอมเพรซเซอร์ใหม่

    2.3 ปัญหาหน้าคลัชคอม จับไม่แน่น ลื่น ไม่จับเป็นบางครั้ง  แก้ไขโดย ถอด หน้าคลัชออก ไปกลึงปาดหน้าใหม่  หรือเปลี่ยนชุดหน้าคลัชใหม่ครับ

    2.4 ปัญหาคอมเพรสเซอร์ ล็อค น๊อค    แก้ไขโดย  ต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ใหม่ และล้าง ระบบใหม่ทั้งหมด เปลี่ยน ไดเออร์ใหม่

3. ปัญหาน้ำยาแอร์ & น้ำมันคอม


     3.1 น้ำยาแอร์ ขาด เป็นฟอง(แบบนานๆเติมที) สาเหตุจากเกิดการซึม ที่บริเวณจุดข้อต่อต่างๆ สายน้ำยา โอริง ที่ตัวคอมเพรสเซอร์ ลองมองหาจุดที่มีน้ำมันคอมไหลเยิ้มออกมา   แก้ไข เติมน้ำยาเข้าไปเพิ่มเติม

     3.2 น้ำยาแอร์ ขาดแบบ หมดเลี้ยง  สาเหตุจาก สายน้ำยาแตกรั่ว ตู้แอร์รั่ว  แผงแอร์รั่ว ซีลคอมแอร์รั่ว  แก้ไขโดย หาจุดรั่วโดยการอัดแรงดันเข้าไปในระบบแทนน้ำยา 200 -300 Psi และหาจุดรั่ว โดยใช้น้ำสบู่ หรือ ฟังเสียงรั่ว เมือพบและทำการแก้ไข โดยเปลี่ยนใหม่ หรือ เชื่อมอุด(ได้บางจุด)

     3.3 น้ำยาแอร์มากเกินไป  ทำให้ระบบไม่สมดุล  แก้ไขโดย ปลอยน้ำยาแอร์ไล่ออก ให้พอดี ตามเกณท์ (อยู่ที่ 30-35 Psi)

     3.4  น้ำยาแอร์น้อยเกินไป  ทำให้ไม่สามารถ ฉีดน้ำยาได้ทั่วคอยล์ ระบบหมุนเวียนไม่พอ  แก้ไขโดย เติมน้ำยาแอร์เพิ่มลงไปให้อยูในเกณท์ ( 30-35 Psi)ด้านดูด   ด้านอัด (150-200Psi)

      3.5 น้ำมันคอมแอร์ ในระบบ มากเกินไป(ปกติต้องประมาณ 150 CC)  ทำให้คอมทำงานหนัก น้ำยาแตกตัวไม่ดี เย็นแบบ ชืดๆ ไม่ฉ่ำ  ต้องไล่ออกให้พอดีจะทำให้เย็นดีขึ้นแน่นอนครับ

[Buranasak]

  สวัสดีตอนเช้าๆ 

[hs2cbp]

เด็กๆยังไม่ตื่นกันเลย ท่าน ส.ว. ตื่นแต่มืด 

[Buranasak]

เด็กๆยังไม่ตื่นกันเลย ท่าน ส.ว. ตื่นแต่มืด 

จะแปดโมง สายแล้ว   ว่าวันนี้จะไปหาแท่งอัดตามที่ถามท่านไว้หน่อย

[hs2cbp]

จะแปดโมง สายแล้ว   ว่าวันนี้จะไปหาแท่งอัดตามที่ถามท่านไว้หน่อย

ร้านขายเหล็กแบบแบ่งตัดขายเป็นกิโล มีขายครับ เหล็กเหนียว เหล็กธรรมดา เหล็กกลวง เล็กตัน มีหมดครับ แถวๆนั้นน่าจะมีเยอะหลายขนาด

[Buranasak]

ร้านขายเหล็กแบบแบ่งตัดขายเป็นกิโล มีขายครับ เหล็กเหนียว เหล็กธรรมดา เหล็กกลวง เล็กตัน มีหมดครับ แถวๆนั้นน่าจะมีเยอะหลายขนาด

เดี๋ยวลองหาดูก่อน ว่าแต่ไอ้เหล็กเป็นแท่งทึบนี้ มันมีไหม
ต้องเอไปกลึง พื้นผิวอีกดิ

กำลังหาอยู่ แต่ไปไม่ถูกร้านขายซะที

[hs2cbp]

เดี๋ยวลองหาดูก่อน ว่าแต่ไอ้เหล็กเป็นแท่งทึบนี้ มันมีไหม
ต้องเอไปกลึง พื้นผิวอีกดิ

มีครับ เป็นแท่งตัน ขนาด 1.2/4 นิ้ว หรือ 1.1/2 นิ้ว มีหมด ส่วนที่เห็นกลวงๆ นั่นก็ท่อเหล็กแบบหนาครับ ถ้าไม่มี ก็ท่อปะปา นี่แหนะ

[Buranasak]

มีครับ เป็นแท่งตัน ขนาด 1.2/4 นิ้ว หรือ 1.1/2 นิ้ว มีหมด ส่วนที่เห็นกลวงๆ นั่นก็ท่อเหล็กแบบหนาครับ ถ้าไม่มี ก็ท่อปะปา นี่แหนะ

เขาจะตัดแบ่งขายไหมน๋อ...เป็นอย่างตันต้องเอาไปกลึงด้วยไหท่านตู่

[Buranasak]

แท่นไฮโดรลิคน่าสนน่ะ ต้นทุนไม่สูง ผมมีใช้อยู่แต่เป็นแบบเฟือง 2 ตัน

[hs2cbp]

เขาจะตัดแบ่งขายไหมน๋อ...เป็นอย่างตันต้องเอาไปกลึงด้วยไหท่านตู่

น่าจะมีร้านแบบนี้นะครับ
ถ้าจะเอาไปเป็นแท่ง ส่ง ต้องเอาให้ช่างกลึงไปปาดหน้าให้ได้ฉากครับ

แท่นไฮโดรลิคน่าสนน่ะ ต้นทุนไม่สูง ผมมีใช้อยู่แต่เป็นแบบเฟือง 2 ตัน

ของผมทำไว้แบบเปลี่ยน ตัวไฮโดรลิค ได้ อยากได้ 15 ตัน หรือ 20 ตัน ก็เปลี่ยนตัวเอา ( แต่ยังไม่เคยเจอว่าอัดชิ้นงานตอนนี้ ขนาด 10 ยังเอาไม่ออก )

[Buranasak]

น่าจะมีร้านแบบนี้นะครับ
ถ้าจะเอาไปเป็นแท่ง ส่ง ต้องเอาให้ช่างกลึงไปปาดหน้าให้ได้ฉากครับ

ของผมทำไว้แบบเปลี่ยน ตัวไฮโดรลิค ได้ อยากได้ 15 ตัน หรือ 20 ตัน ก็เปลี่ยนตัวเอา ( แต่ยังไม่เคยเจอว่าอัดชิ้นงานตอนนี้ ขนาด 10 ยังเอาไม่ออก )

ในวงเล็บ หมายความว่า อัดชิ้นงาน ใช้ 10 ตันไม่ออกใช่ไหมครับ ::)แล้ว
ของผมเป็นแบบเฟือง 2 ตัน จะเอาออกหรือนี้  จริงๆแล้ว เอาไว้เปลี่ยนลูกปืน
ขนาดเล็กๆ เช่ย มูเลย์คอมแอร์ สบายๆครับ ที่สำคัญประหยัดพื้นที่ จริงๆมีแบบ
3 ตันน่ะ แต่มันใหญ่ไปหน่อย ยังไม่ได้ใช้งานขนาดนั้น

[hs2cbp]

ในวงเล็บ หมายความว่า อัดชิ้นงาน ใช้ 10 ตันไม่ออกใช่ไหมครับ ::)แล้ว
ของผมเป็นแบบเฟือง 2 ตัน จะเอาออกหรือนี้  จริงๆแล้ว เอาไว้เปลี่ยนลูกปืน
ขนาดเล็กๆ เช่ย มูเลย์คอมแอร์ สบายๆครับ ที่สำคัญประหยัดพื้นที่ จริงๆมีแบบ
3 ตันน่ะ แต่มันใหญ่ไปหน่อย ยังไม่ได้ใช้งานขนาดนั้น

มาอ่านอีกที ก็งงเองแฮะ 

ในวงเล็บ หมายถึง ตอนนี้ใช้ไฮโดรลิค ขนาด 10 ตันอยู่ อัดชิ้นงานออกได้ทุกตัว ไม่มีดื้นแพ่ง กดอัดปุบ ไหลออกปับ 

[Buranasak]

มาอ่านอีกที ก็งงเองแฮะ 

ในวงเล็บ หมายถึง ตอนนี้ใช้ไฮโดรลิค ขนาด 10 ตันอยู่ อัดชิ้นงานออกได้ทุกตัว ไม่มีดื้นแพ่ง กดอัดปุบ ไหลออกปับ 

แสดงว่า ของมันดี

[Buranasak]

เจ2 ถอดระบบแอร์หรือยังครับ ถ่ายรูปเก็บไว้ รอชมผลงานน่ะ

[Buranasak]

ขออนุญาตท่านตู่นำภาพ DIY มาลงเผยแพร่อีกทาง.....เก่งน่ะคนไทยมีแบบมาแกะแบบเนี๊ยบเลย [/size]