Thoong_Bangna
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1,144
หนุ่มหน้ามล คนเชียงราย
|
|
« เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2008, 00:36:27 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 พฤษภาคม 2008, 00:39:22 โดย Thoong_Bangna »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thoong_Bangna
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1,144
หนุ่มหน้ามล คนเชียงราย
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2008, 00:55:48 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
YUYU
Gold Member
อาจารย์ปู่
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3,876
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2008, 13:53:15 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
kapum
Gold Member
อาจารย์ปู่
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 9,870
สะพานใหม่
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2008, 14:34:11 » |
|
ขุดได้ รวยกับ รวยเท่านั้น ประชาชนในท้องถิ่นรับไปเต็ม ทั้ง อาชีพ รายได้มหาศาล ของที่ส่งให้เรือ ราคาจะ 2 ถึง 10 เท่าของราคาปกติ ประเทศจะมีรายได้แบบรับเละ และอีกหลายๆ อย่าง เช่น จะกลายเป็น เมืองท่าสำคัญของโลก เรือจะมาใช้บริการผ่านคลอง รวมถึง แวะพัก รับสเบียง น้ำจืด น้ำมัน เปลี่ยนพนักงาน รับสโตร์ และ อีกมากมาย สิงค์โปร์ จะแห้งเหี่ยวภายในไม่เกิน10 ปี เพราะรายได้หลักๆ ของประเทศมาจากการเป็นเมืองท่าสำคัญ และรายได้ในทางเรือ และพลังงาน มาเลก็จะตามสิงค์โปรไปด้วย เพราะปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาโจรสลัดชุกชุมในบริเวณช่องแคบมะละกา ทะเลแถบนั้นได้ถูกกำหนดให้เป็นเขต war zone ไปตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ยิ่งถ้าขุดได้ เรือก็จะต้องมาในด้านของความปลอดภัยที่มากกว่า รวมไปถึงระยะทางที่สั้นกว่ามากๆ ซึ่งยกตัวอย่างนะครับ เรือสินค้าขนาด 30,000 ตัน มีค่าใช้จ่ายต่อวัน 20,000-25000 usd ไม่รวมค่าน้ำมัน ค่าน้ำมัน (heavy oil) 30 ton ประมาณ 400,000 ดีเซล 3 ton ประมาณ 90,000 คิดเอาล่ะกันนะครับว่าถ้า วิ่งผ่าน คอคอดกระได้ จะเซพไปได้อย่างน้อยๆ 2 วัน เป็นเงินเท่าไร ซึ่งโดยทางกฏหมายแล้ว เรามีสิทธิ์ เก็บค่าผ่านคลอง ซึ่งอาจ คำนวนตามน้ำหนัก เหมือน คลองสุเอช หรือ คลอง ปานามา รวมไปถึงบังคับใช้ พนักงานนำร่อง , ค่าจอดเรือ , เรือลากจูง และ อีกมากมายครับ คิดง่ายๆ ก็ เก็บเฉลี่ย 1-200,000 ได้อย่างสบาย ๆ แต่อย่างที่ จกท บอกครับ สิงค์โปร์ รู้ชะตาประเทศเป็นอย่างดี ถ้าไทยขุดได้ สิคโปร จบข่าว มาเล ก็จะโดนไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้น พวกอาตี๋ คงทำทุกทางอ่ะครับ เพื่อไม่ให้ขุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
arm_united
ไม่หล่อ แต่อร่อย
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 7,466
CiviC CluB No. 101
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2008, 14:44:15 » |
|
ขุดได้ รวยกับ รวยเท่านั้น ประชาชนในท้องถิ่นรับไปเต็ม ทั้ง อาชีพ รายได้มหาศาล ของที่ส่งให้เรือ ราคาจะ 2 ถึง 10 เท่าของราคาปกติ ประเทศจะมีรายได้แบบรับเละ และอีกหลายๆ อย่าง เช่น จะกลายเป็น เมืองท่าสำคัญของโลก เรือจะมาใช้บริการผ่านคลอง รวมถึง แวะพัก รับสเบียง น้ำจืด น้ำมัน เปลี่ยนพนักงาน รับสโตร์ และ อีกมากมาย สิงค์โปร์ จะแห้งเหี่ยวภายในไม่เกิน10 ปี เพราะรายได้หลักๆ ของประเทศมาจากการเป็นเมืองท่าสำคัญ และรายได้ในทางเรือ และพลังงาน มาเลก็จะตามสิงค์โปรไปด้วย เพราะปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาโจรสลัดชุกชุมในบริเวณช่องแคบมะละกา ทะเลแถบนั้นได้ถูกกำหนดให้เป็นเขต war zone ไปตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ยิ่งถ้าขุดได้ เรือก็จะต้องมาในด้านของความปลอดภัยที่มากกว่า รวมไปถึงระยะทางที่สั้นกว่ามากๆ ซึ่งยกตัวอย่างนะครับ เรือสินค้าขนาด 30,000 ตัน มีค่าใช้จ่ายต่อวัน 20,000-25000 usd ไม่รวมค่าน้ำมัน ค่าน้ำมัน (heavy oil) 30 ton ประมาณ 400,000 ดีเซล 3 ton ประมาณ 90,000 คิดเอาล่ะกันนะครับว่าถ้า วิ่งผ่าน คอคอดกระได้ จะเซพไปได้อย่างน้อยๆ 2 วัน เป็นเงินเท่าไร ซึ่งโดยทางกฏหมายแล้ว เรามีสิทธิ์ เก็บค่าผ่านคลอง ซึ่งอาจ คำนวนตามน้ำหนัก เหมือน คลองสุเอช หรือ คลอง ปานามา รวมไปถึงบังคับใช้ พนักงานนำร่อง , ค่าจอดเรือ , เรือลากจูง และ อีกมากมายครับ คิดง่ายๆ ก็ เก็บเฉลี่ย 1-200,000 ได้อย่างสบาย ๆ แต่อย่างที่ จกท บอกครับ สิงค์โปร์ รู้ชะตาประเทศเป็นอย่างดี ถ้าไทยขุดได้ สิคโปร จบข่าว มาเล ก็จะโดนไม่ใช่น้อย
เพราะฉะนั้น พวกอาตี๋ คงทำทุกทางอ่ะครับ เพื่อไม่ให้ขุด ถูกต้อง ข้อมูลแน่น นับถือ ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
Ole Ferio
ศิษย์น้อง
ออฟไลน์
กระทู้: 131
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2008, 15:01:30 » |
|
คัดลอกมาให้อ่านเป็นข้อมูลครับ
คำทำนายจุดจบประเทศไทย
รายละเอียด
ปี 2553 จุดจบประเทศไทยถ้าเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้.....ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา.....ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง
เมื่อหลายปีก่อน คุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14ประเทศซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์ และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศอาเจะ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ
คุณนิติภูมิ ได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน! ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553 ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์ การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์ สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทย แต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้
เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๊ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้
วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้ เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เขาสามารถตั้งราคา ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์ คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้
ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว
เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus,Carrefour,ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat, McDonal,สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ
ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด...เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้...รัฐจะอยู่ได้ฤา ? 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553 คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน
จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา จะขอแยกตัวตามมาเนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก
นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก Russia ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่ เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ? ผมติดตามงานเขียน คุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของ นิติภูมิ ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์
บ่อยครั้งที่ นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ ก่อนล่มจริง...เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน
นิติภูมิ เคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์ สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่ เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ ถ้าซื้อจากห้าง 1,000บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์ เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ ได้ผล...ลูกเปลี่ยนวิธีกิน... วิธีคิดไปเลย... เปลี่ยนไปได้มาก พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลยผมก็อธิบายคำว่า license (ค่าลิขสิทธิ) ให้ลูกฟัง ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท.. ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธ ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน ขนมต่างชาติ ห่อสวย แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี ผมสอนแบบนี้ ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย ผมทำได้และได้ทำแล้ว
ปล.ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน เพื่อที่ไทยเราจะได้อยู่รวมเป็นชาติไทยต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
MIM_ING+1
Gold Member
อาจารย์ปู่
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 2,344
No.566
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2008, 15:53:01 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Lamillabo
Gold Member
อาจารย์ปู่
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 2,410
? A u d i M i l l A ?
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2008, 22:48:50 » |
|
นู๋คิดว่า ...
ผลกระทบ น่าจะออกมาเป็นแบบทั้งสามข้อน่านแหละคะ
แต่ไม่รู้ว่ามันจะหนักไปที่ข้อไหน ตอนไหน อย่างไร
แตแอบคิดเล็กๆว่า ข้อสุดท้ายนี่ ไม่น่าจะรอดนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
miracle
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2008, 09:29:38 » |
|
ดูท่าจะสร้างยากเจงๆ ด้วยค๊า... :'( ทำไมพวกผุ้บริหารประเทศไม่รู้จักคิดถึงผลประโยชน์ของแผ่นดินของประเทศชาติให้มากกว่าประโยชน์ส่วนตนน่ะ คิดอยากได้แต่อำนาจ+เงิน ... ตายไป เอาไป ได้มั้ยหว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Thamrong
Gold Member
เจ้าสำนัก
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 780
Civic Club No.262
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2008, 11:09:57 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Thoong_Bangna
Gold Member
เจ้ายุทธภพ
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 1,144
หนุ่มหน้ามล คนเชียงราย
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2008, 16:40:40 » |
|
ขุดได้ รวยกับ รวยเท่านั้น ประชาชนในท้องถิ่นรับไปเต็ม ทั้ง อาชีพ รายได้มหาศาล ของที่ส่งให้เรือ ราคาจะ 2 ถึง 10 เท่าของราคาปกติ ประเทศจะมีรายได้แบบรับเละ และอีกหลายๆ อย่าง เช่น จะกลายเป็น เมืองท่าสำคัญของโลก เรือจะมาใช้บริการผ่านคลอง รวมถึง แวะพัก รับสเบียง น้ำจืด น้ำมัน เปลี่ยนพนักงาน รับสโตร์ และ อีกมากมาย สิงค์โปร์ จะแห้งเหี่ยวภายในไม่เกิน10 ปี เพราะรายได้หลักๆ ของประเทศมาจากการเป็นเมืองท่าสำคัญ และรายได้ในทางเรือ และพลังงาน มาเลก็จะตามสิงค์โปรไปด้วย เพราะปัจจุบัน เนื่องจากปัญหาโจรสลัดชุกชุมในบริเวณช่องแคบมะละกา ทะเลแถบนั้นได้ถูกกำหนดให้เป็นเขต war zone ไปตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ยิ่งถ้าขุดได้ เรือก็จะต้องมาในด้านของความปลอดภัยที่มากกว่า รวมไปถึงระยะทางที่สั้นกว่ามากๆ ซึ่งยกตัวอย่างนะครับ เรือสินค้าขนาด 30,000 ตัน มีค่าใช้จ่ายต่อวัน 20,000-25000 usd ไม่รวมค่าน้ำมัน ค่าน้ำมัน (heavy oil) 30 ton ประมาณ 400,000 ดีเซล 3 ton ประมาณ 90,000 คิดเอาล่ะกันนะครับว่าถ้า วิ่งผ่าน คอคอดกระได้ จะเซพไปได้อย่างน้อยๆ 2 วัน เป็นเงินเท่าไร ซึ่งโดยทางกฏหมายแล้ว เรามีสิทธิ์ เก็บค่าผ่านคลอง ซึ่งอาจ คำนวนตามน้ำหนัก เหมือน คลองสุเอช หรือ คลอง ปานามา รวมไปถึงบังคับใช้ พนักงานนำร่อง , ค่าจอดเรือ , เรือลากจูง และ อีกมากมายครับ คิดง่ายๆ ก็ เก็บเฉลี่ย 1-200,000 ได้อย่างสบาย ๆ แต่อย่างที่ จกท บอกครับ สิงค์โปร์ รู้ชะตาประเทศเป็นอย่างดี ถ้าไทยขุดได้ สิคโปร จบข่าว มาเล ก็จะโดนไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้น พวกอาตี๋ คงทำทุกทางอ่ะครับ เพื่อไม่ให้ขุด ^ ^ ^ คิดอย่างเดียวกับผมเลย ผมเลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาให้พี่น้องลองออกความคิดเห็นกันอ่ะคับว่า อยากให้โครงการนี้เป็นอย่างไร เพราะไอ้ตัวผมเองก้อคิดอย่างเดียวกันกันพี่ Kapum ผมขออนุญาตร่วมตอบกระทู้นี้ด้วยล่ะกัน ในฐานะที่ผมก็เป็นนักเดินเรือคนหนึ่งที่เห็นว่าไทยเราจะมีผลประโยชน์มหาศาลแน่นอนหากมีการขุดคอคอดกระจริงๆจะมีการจ้างงาน สร้างรายได้แก่คนไทยเป็นจำนวนมาก ตามที่คูณ kapum บอกไว้ จะมีแต่ประโยชน์ ส่วนผู้เสียประโยชน์มีแค่นักการเมืองและกรมเจ้าท่าที่ได้รับเงินลับจากสิงคโปร์และมาเลอยู่ตลอดปี คุณลองคิดดูประเทศปานามา คลองปานามาแบ่งประเทศออกเป็นเหนือใต้ แต่ก็ไม่เห็นมีการแบ่งแยกประเทศเกิดขึ้น หนำซำนี่คือรายได้หลักอันดับหนึ่งเข้าประเทศ เค้ามีรายได้อย่างไร เขาคำนวณนำหนักของเรือแต่ละลำต่อตันคิดออกมาเป็นเงิน ใน 1 ชม.หรือ 1 convoy เที่ยวเรือ มีเรือผ่านคลองประมาณ10-14 ลำ รับนำหนักเรือได้ถึง 40000 ton รายได้เข้าประเทศต่อวัน ต่อเดือน ต่อปี เท่าไหร่ นี่ยังไม่รวมรายได้จากการขายนำมัน, เสบียงเรือ,อาหาร และอื่นๆอีกมากมาย และขณะนี้ปานามากำลังขยายคลองอีกให้สามารถที่จะให้เรือนำมันดิบขนาดใหญ่ crude oil carrier ขนาด แสนกว่าตันขึ้นไปสามารถผ่านคลองได้ มีระยะเวลาขุด 10-15 ปี ด้วยเงินลงทุนของปานามาเอง หลังจากที่ในครั้งแรก อเมริกามาสร้างให้เมื่อกว่า50 ปีที่ผ่านมาและขอเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมผ่านคลองไป30 ปี อันนี้เป็นคำบอกเล่าจากพนักงานนำร่องชาวปานามาที่ผมได้มีโอกาสพูดคุยด้วยขณะที่ผมผ่านคลองอยู่น่ะครับ โดยส่วนตัวผมเองคิดว่าอีกนานครับที่จะทำโปรเจคนี้ได้ ในเมื่อวงการเดินเรือไทยยังตามหลังเขาอยู่มากเลย ผมได้แต่หวังว่าคงจะมีสักวันแน่ๆครับ
^ ^ ^ ความจิงจากนักเดินเรือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|