มาตรการ 6 เดือนที่รัฐบาลยุคโน้นบังคับออกมาใช้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา และกำหนดไว้ 6 เดือน
สรุปว่าพอเปลี่ยนขั้วใหม่แล้วยังไงต่อ
หลังม.คปีหน้า น้ำมันโซฮอล์จะปรับกลับขึ้นไป ~ 2 บาท โดย auto .........
ใช่มั๊ยเจ้าต้น
6 มาตรการ 6 เดือน ลืมกันไปหรือยัง1. การลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันถูกลง โดยจะปรับภาษีสรรพสามิตแก๊สโซฮอล์ 91, 95 , E10, E20 และ E85 โดยมีการปรับลดภาษีสรรพสามิตลงลิตรละ 3.30 บาท เหลือลิตรละ 0.0165 บาท จากปัจจุบันที่จัดเก็บลิตรละ 3.3165 บาทต่อลิตร และหากรวมภาษีมูลค่าเพิ่มและค่าการตลาดแล้วจะทำให้ลดลงได้ลิตรละ 3.88 บาท เพื่อให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ มีส่วนต่างจากราคาน้ำมันเบนซินประมาณลิตรละ 8 บาท
ขณะที่น้ำมันดีเซล บี2 มีการลดภาษีสรรพสามิตลงลิตรละ 2.30 บาท เหลือลิตรละ 0.005 บาท หรือลดลงได้ลิตรละ 2.71 บาท และลดภาษีสรรพสามิตไบโอดีเซล บี 5 ลงลิตรละ 2.19 บาท เหลือลิตรละ 0.0048 บาท หรือลดลงได้ ลิตรละ 2.45 บาท ทั้งนี้กระทรวงการคลังจะออกประกาศให้มีผลบังคับใช้ได้ในวันที่ 25 ก.ค. 51 เป็นต้นไป เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อต้นทุนของภาคการขนส่งในระยะสั้น ซึ่งในส่วนนี้จะใช่วงเงินประมาณ 32,000 ล้านบาท
2. ชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือน (LPG) ไปอีก 6 เดือน เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มสูงขึ้นหลังจากที่จะมีการปรับราคาเป็น 2 โครงสร้าง
3. งดเก็บค่าน้ำประปาครัวเรือนที่ใช้ไม่ต่ำกว่า 50 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน ครอบคลุมผู้ใช้น้ำทั้งประเทศ ประมาณ 3.2 ล้านราย ซึ่งจะประหยัดค่าใช้จ่ายน้ำประปาเฉลี่ยต่อรายต่อเดือนประมาณ 213 บาทในเขตนครหลวง และประหยัดได้ 176 บาทในเขตภูมิภาค ใช้วงเงินประมาณ 3,930 ล้านบาท
4. งดเก็บค่าไฟ สำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วยต่อเดือน โดยภาครัฐจะรับภาระค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ส่วนครอบครัวที่ใช้ไฟฟ้าเกินกว่า 80 หน่วยต่อเดือน แต่ไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ภาครัฐจะรับภาระค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่งของค่าไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งจะครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าทั้งประเทศประมาณ 9.85 ล้านราย สามารถลดค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนเฉลี่ย 120 ? 200 บาทต่อครัวเรือน ใช้วงเงินประมาณ 12,000 ล้านบาท
5. จัดรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่เป็นรถโดยสารธรรมดา หรือ รถร้อน จำนวน 800 คัน จาก 1,600 คน ใน 73 เส้นทาง เพื่อให้บริการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และจะมีการติดป้ายบอกไว้ให้ประชาชนทราบ คาดว่าจะใช้วงเงิน 1,224 ล้านบาท
6. ใช้บริการโดยรถไฟชั้น 3 ไม่ปรับอากาศ ฟรีทั่วประเทศ ซึ่งครอบคลุมผู้ใช้บริการเฉลี่ยประมาณ 16 ล้านคน คาดว่าจะใช้วงเงิน 250 ล้านบาท