ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
13 มีนาคม 2025, 19:16:13
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: มาดูกันให้ชัดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหม้อต้มแก็สถูกใช้งานมาเกือบสองปี 0 สมาชิก และ 18 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาดูกันให้ชัดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหม้อต้มแก็สถูกใช้งานมาเกือบสองปี  (อ่าน 23641 ครั้ง)
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 07:32:42 »



ขอให้เพื่อนๆสมาชิก อ่านเนื้อเรื่องก่อนแล้วค่อยดูภาพประกอบตอนท้ายๆ หลังจากดูภาพแล้วจะมีความคิดเห็นในการทำงานของหม้อต้มแก็ส กับความเข้าใจว่าเราเข้าใจอย่างไร กับการปรับจูนและการใช้หม้อต้มแก็ส ก็อยากจะแชร์ความคิดที่เห็นต่างและเห็นด้วยว่ากันด้วยเหตุและผล ความน่าจะเป็นตามประสาของคที่ต่างความคิด และความเข้าใจ เลือกเอาสิ่งที่คิดว่าถูกต้องมาใช้กัน สิ่งไหนที่ยังไม่กระจ่าง ก็ช่วยกันค้นหาแบ่งปันความรู้ เพราะพวกเราส่วนมากก็ไม่ได้ศึกษาด้านนี้มาโดยตรง เอาประสบการณ์และข้อมูลจากท่านที่มีความรู้เฉพาะ มาต่อยอดให้เกิดความเข้าใจและการใช้ที่ถูกต้องครับ

หลังจากที่ผมได้ทำการติดตั้งแก็ส ระบบ Fix mixer ด้วยตนเอง  และเพื่อที่จะต้องการว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมีระยะเวลาของการใช้งานของหม้อต้ม  ต้องการหาข้อมูลต่างๆที่เกิดขึ้นในระยะเวลาตลอดอายุของการใช้งาน จนวาระที่จะต้องถอดออกมาทำการแก้ไข และพิสูจน์ว่ามีส่วนใดของหม้อต้ม ชำรุด และชำรุดอย่างไร เสียหายที่ส่วนไหน  และยังต้องการที่จะทราบการทำงานของส่วนประกอบต่างๆ ของหม้อต้ม ว่ามันทำหน้าที่อย่างไร  หลังจากที่เริ่มติดตั้งและนำมาใช้ ได้แต่อาศัยความรู้ที่ถูกถ่ายถอด จากท่านที่มีประสบการณ์ โดยไม่เห็นของจริง ว่าเป็นไปตามที่เขาบอกมาหรือไม่  แม้กระทั้งการปรับจูนหม้อต้มแก็ส มันมีหลักการอย่างที่เขาปฏิบัติกันถูกผิดหรือไม่  ต้องมาพิสูจน์กัน  ความเข้าใจของเราต่างกับของเขาหรือไม่ หรือเรามีความคิดที่แตกต่างกันอย่างไร จะต่อยอดในความเข้าใจของเราให้มีผลในการใช้ที่ดีขึ้นได้หรือไม่ มันเป็นการท้าทายและน่าลอง
ก่อนอื่นผมต้องบอกกับเพื่อนๆสมาชิกว่า หม้อต้มที่ผมใช้ เป็นของโทมาเซ้ทโต้ รุ่น 140P เป็นที่นิยมใช้กันมากยี่ห้อหนึ่ง  โดยติดตั้งให้กับเจ้า ซีวิคตาโต 
จะขอกล่าวเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นของหม้อต้มให้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่างที่มีการใช้งาน จะสรุปแบบสั้นๆ  ระยะหกเดือนแรกที่ได้ใช้งาน  การทำงานของหม้อต้มแก็สไม่ค่อยพบปัญหาในส่วนของหม้อต้ม มีเพียงแต่เรื่องของกรองอากาศของเครื่องยนต์  ที่เมื่อใช้ไปเป็นเวลานาน หลายเดือนก็จะมีละอองฝุ่นอุดตัน ทำให้อากาศไหลผ่านไม่สะดวก ทำให้อากาศอ๊อกซิเจน ที่ผ่านกรองอากาศมาผสมกับแก็สในห้องมิ๊ก มีอัตราส่วนผิดไป จากการปรับจูนแก็สที่มีความสมดูลย์ในครังแรก  คืออากาศน้อยเมื่อผสมกับแก็ส  ทำให้อัตราส่วนผสม มีอัตราส่วนของแก็สมากกว่าอากาศ ในอัตรส่วนมาตรฐานในการเผาไหม้ ผลก็คือมีส่วนผสมหนา  ทำให้การเผาไหม้ที่เกิดขึ้นในห้องสูบ ไม่สมบูรณ์ ทำให้กำลังของเครื่องยนต์ต่ำ และรอบเดินเบาต่ำตามไปด้วย(กรณีกรองอากาศตัน)
ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้เราทราบว่า ทุกครั้งที่มีการทำความสะอาดกรองอากาศ โดยใช้ลมเป่า เราจำเป็นที่จะต้องมีการปรับจูนแก็สใหม่ในจังหวะของรอบของเดินเบา บางท่านบอกว่าผมเอากรองอากาศออกมาทำความสะอาดแล้ว ใส่กลับเข้าไป ไม่เห็นมีผลอะไรเลย ก็จริงอย่างท่านว่า แต่บางท่านพอทำความสะอาดเสร็จ ใส่กรองอากาศเข้าที่เดิม สตาร์ทเครื่อง รอบเครื่องยนต์ต่ำเครื่องสั่นเป็นเจ้าเข้าก็มี แล้วแต่สถาพเครื่องยนต์ของแต่ละท่านล่ะครับ   กรองอากาศตันก็ปรับ สะอาดก็ปรับ ควรทำครับ เพื่อความสมบูรณ์ในเรื่องอัตราส่วนผสมที่ป้อนให้กับเครื่องยนต์ จะมีส่วนทำให้เครื่องยนต์ทำงานมีการจุดระเบิดที่ดี ในอัตราส่วนที่สมดุลย์ และยังทำให้เครื่องยนต์ มีความร้อนที่ปกติและไม่สูง
ช่วงที่สอง ในระหว่างการใช้งานเข้าสู่เดือนที่เจ็ดไปจนถึงหนึ่งปี ช่วงนี้ได้ทำการเปิดถ่ายขี้แก็สและทำความสะอาดกรองแก็ส  สังเกตุว่าที่กรองแกสมีสิ่งที่ทำให้อุดตันบ้างเล็กน้อย  ขี้แก็สไม่ค่อยมี
ช่วงระยะหนึ่งปีขึ้นไปถึงปีครึ่ง มีอาการของเครื่องยนต์ บางครั้งมีปัญหาเรื่องรอบเดินเบาบ้างในช่างเวลาเช้าๆ หรือเครื่องยังเย็นอยู่ แต่ก็เป็นสักระยะหนึ่งพอเครื่องยนต์มีอุณหภูมิห้องเครื่องเพิ่มขึ้น ก็ปกติ
แต่มีปัญหาใหม่เข้ามาให้น่าคิด คือในขณะที่เราจอดรถแวะทานอาหารหรือไปในงานใดๆ ที่มีการจอดรถนานๆ  หลังจากที่เราขับรถออกมาจากสถานที่นั้นๆ สักสองสามกิโล อยู่ๆเครื่องยนต์ก็ดับวู๊ปขึ้นมาเฉยๆ คล้ายกับว่าไม่มีแก็สออกมาจากหม้อต้ม พอเครื่องดับก็สตาร์ทใหม่เครื่องก็ติด เร่งให้ออโตสวิชเปลี่ยนไปใช้แก็สใหม่ ก็วิ่งได้เดี๋ยวเดียวก็ดับอีก  ต้องเปลี่ยนเป็นระบบน้ำมันไปสักระยะหนึ่งถึงจะใช้แก็สได้ เป็นเพราะอะไรค่อยกล่าวในบทการทำงานของหม้อต้มในช่วงต่อไปครับ    ช่วงนี้เพียงแต่ให้รู้ว่ามันมีอาการอะไรเกิดขึ้น เมื่อหม้อต้มแก็สเริ่มเสื่อมสภาพ
ในระยะสุดท้าย ระหว่างปีครึ่งถึงเกือบสองปี   เป็นช่วงระยะที่น่าตกใจ ทำไมเริ่มใช้แก๊สเปลืองขึ้น จากเดิมที่เคยวิ่งได้ประมาณ 11 กิโลต่อลิตร  เหลือ  8-9 กิโลต่อลิตร      และระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ปรากฏว่า อัตราสิ้นเปลืองมีมากเกินไป เดิมเคยเติมสองร้อยบาท วิ่งได้สองวันกว่า ลดลงเหลือ หนึ่งวันกว่าๆ  หรือจะเทียบเป็นกิโลต่อลิตร ก็ประมาณ 5-6 กิโลต่อลิตร
และที่ร้ายไปว่านั้นรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ ก็ไม่สเตเบิล  ขึ้นๆลงๆ 
สำหรับหัวเทียนของเครื่องยนต์ที่ใช้แก็สตลอดมา ไม่เคยเปลี่ยน เคยนำเอาออกมาทำความสะอาดและปรับระยะห่างของเขี้ยวหัวเทียนใหม่เมื่อครบหนึ่งปี   นอกนั้นไม่เคยถอดออกมาทำการปรับหรือทำความสะอาดแต่อย่างใด    ตามภาพที่เพื่อนๆได้เห็น ต่อไปในท้ายบทความนี้
ต่อไปนี้ลองดูภาพที่ผมโพสมาให้ดูกันนะครับ



* DSCN0586.jpg (99.38 KB, 550x413 - ดู 2381 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #1 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 07:35:45 »

ภาพข้างบนและภาพนี้เป็นภาพของหม้อต้มก่อนที่จะทำการเปิดออกมาดู จะเห็นมัคราบของน้ำมัน(ขี้แก็ส)จับบริเวณขั่วต่อ


* DSCN0585.jpg (99.08 KB, 550x413 - ดู 2341 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #2 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 07:49:08 »

นี้เป็นภาพของแผ่นไดอะแฟรมของชุดห้องที่เปลี่ยนสถานะของน้ำแก็สให้กลายเป็นไอแก็ส
ยังมีภาพอีกหลายๆรูป ที่ส่งมา  อาจจะมีปัญหาระหว่างส่งเพราะบางภาพมีขนาดไฟร์ใหญ่เกินไป ทำให้เสียเวลาในการโพสครับ เพื่อนๆอย่าเพิ่งแจมเข้ามานะครับ  อยากให้ภาพต่อเนื่องกัน


* DSCN0587.jpg (60.45 KB, 450x338 - ดู 2349 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #3 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 07:57:15 »

ภาพนี้เป็นภาพไดอะแฟรมเดี่ยวกันกับข้างบน แต่ด้านนี้อยู่ด้านห้องเปลี่ยนสถานะของแก็สที่เปลี่ยนเป็นไอ  ที่มาจากท่อกรองแก็สผ่านวาวล์ของติ๊กแก็ส มาที่ห้องนี้ โดยมีวาวล์ปิดเปิดให้ผ่าน  ตอนท้ายจะมีการกล่าวว่ามันทำงานอย่างไร


* DSCN0590.jpg (70.11 KB, 550x413 - ดู 2375 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #4 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 08:35:10 »

ภาพนี้เป็นภาพของห้องที่เปลี่ยนสถานะของน้ำแก็สให้กลายป็นไอ  จะเห็นคราบของน้ำมันขี้แก็สจับเต็มไปหมด


* DSCN0592.jpg (78.71 KB, 450x338 - ดู 2309 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #5 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 08:51:51 »

อยากให้ดูที่วาวล์ ยางที่ทำหน้าที่ปิดเปิด มีสภาพที่แย่มาก ทำให้ปิดไม่สนิท ที่ห้องนี้จะได้รับความร้อนที่ถูกถ่ายเทมาจากแผ่นโลหะที่ใช้กั้นระหว่างห้องหม้อต้มของน้ำร้อนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องนี้ ทำให้อุณหภูมิที่ห้องนี้สูง เป็นผลให้น้ำแก็สกลายเป็นไอได้ดีและสูงขึ้น

ผมมีปัญหาเรื่องการโพส ทำให้ล่าช้า แตจะพยายามส่งมาให้ดูจนครบ มีหลายรูปเป็นสิบภาพ ทั้งสภาพของหม้อต้มแก็ส ที่ผ่านการใช้งานมาเจ็ดแปดเดือน มาให้ดูเปรียบเทียบกันครับ


* DSCN0594.jpg (67.3 KB, 450x338 - ดู 2304 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #6 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 09:49:48 »

มาดูภาพของนี้อีกครั้งก่อนที่จะไปดูภาพของห้องเก็บไอแก็ส ที่ส่งมาจากห้องเปลี่ยนสถานะน้ำแก็สเป็นไอ เพื่อเก็บไอแก็สพร้อมที่จะจ่ายให้กับเครื่องยนต์


* DSCN0596.jpg (74.83 KB, 450x338 - ดู 2282 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #7 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:00:40 »

นี้คือแผ่นไดอะแฟรม ของห้องเก็บไอแก็ส หลังจากที่ได้รัมาจากห้องเปลี่ยนสถานะน้ำแก็สเป็นไอ มีสภาพดังที่เห็น ทำให้แผ่นไดอะแฟรมไม่สามารถมีแรงยกกระเดื่องวาวล์สำหรับเปิดปิดช่องไอแก็สได้สนิท  เพราะแผ่นไดอะแฟรมหมดสภาพที่จะดันก้านกระเดื่องวาวล์ เมื่อได้รับแรงกดดันจากไอแก็ส ภายในห้องนี้


* DSCN0576.jpg (69.34 KB, 450x338 - ดู 2267 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #8 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:04:35 »

ดูกันชัดๆอีกครั้ง   ให้สังเกตุขอบของแผ่นไดอะแฟรม จะมีสภาพขอบยางเรียบย่นทำให้ไอแก็สใหลซึมออกมาได้


* DSCN0577.jpg (65.98 KB, 450x338 - ดู 2205 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #9 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:07:31 »

นี้เป็นสภาพภายใน จะเห็นว่ามีขี้แก็สจับเต็มไปหมด ไม่ต่างอะไรกับห้องที่ผ่านมา


* DSCN0579.jpg (74.03 KB, 450x338 - ดู 2127 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #10 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:08:47 »

ดูรูปเต็มๆกันครับ


* DSCN0578.jpg (71.09 KB, 450x338 - ดู 2087 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #11 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:11:03 »

มาดูที่ตัวกระเดื่องวาวล์กัน ว่ามีสภาพอย่างไร


* DSCN0582.jpg (66.74 KB, 450x338 - ดู 2107 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #12 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:15:44 »

ทีนี้มาเปิดดูห้องที่ทำหน้าที่หม้อต้ม ห้องเก็บน้ำร้อนที่ได้มาจากหม้อน้ำรถยนต์


* DSCN0550.jpg (63.17 KB, 450x338 - ดู 2090 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
system-dj
โฆษกประจำสำนัก
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11,486


Dj Ko System No.468


« ตอบ #13 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:17:45 »

 :'(
บันทึกการเข้า

Line User ID dj9317ko

http://www.facebook.com/phathompong.nagyam                                                          http://www.facebook.com/Dj.Ko.system.555

srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #14 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:18:36 »

มาดูสภาพภายในครับ


* DSCN0556.jpg (86.79 KB, 550x413 - ดู 2088 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #15 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:22:00 »

ขอโทษครับภาพข้างบนเมื่อกีนี้เป็นของหม้อต้ม เมื่อใช่งานไป 7-8 เดือน  (ส่งผิดไป)
แต่รูปนี้เป็นของรุ่นที่กำลังกล่าวถึง


* DSCN0598.jpg (77.51 KB, 450x338 - ดู 2082 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #16 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:26:07 »

มาดูกันให้ชัดๆ   จะเห็นสภาพของแผ่นยางที่ทำหน้าที่กั้นน้ำในห้องต้มนี้ มีสภาพย่นและยืด ทำให้พื้นที่ ที่จะติดกับแผ่นโลหะได้รับความร้อนมีน้อย  เดี๋ยวค่อยมากล่าวถึงมันว่ามีผลอย่างไร


* DSCN0600.jpg (81.98 KB, 450x338 - ดู 2078 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #17 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:28:27 »

ดูแล้วสบายใจจริงๆ  จะเห็นว่าทั้งแกนหลักของตัวปรับไอเดิลดูแล้วน่ารักขึ้นมา


* DSCN0599.jpg (84.8 KB, 450x338 - ดู 2041 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #18 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:30:29 »

ดูกันอีกภาพว่ามันน่าชมแค่ไหน


* DSCN0602.jpg (76.11 KB, 450x338 - ดู 2041 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
manutowin
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 53


« ตอบ #19 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 10:59:02 »

 อายจัง น่ากลัวจัง เราไม่ค่อยรู้เครื่องยนต์ด้วย  เราใช้น้ามัน ดีกว่า ถึงแฟง กว่าก้อ ยอม


  ขอบคุณครับ

  Man-U-towin 
บันทึกการเข้า
NEO
หนุ่มโสดย่านชิดลม
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7,065

My Name is NEO


« ตอบ #20 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 13:02:37 »

ใช้ยี่ห้องเดียวกันเลย

แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้เปลี่ยนอะไรไปแล้วบ้างครับ เกี่ยวกับอะไหล่ ของหม้อต้ม
บันทึกการเข้า

srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #21 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 22:14:53 »

ยังมีภาพและข้อมูลต่ออีกครับยังไม่จบ อย่าเพิ่งกลัวว่าจะเสียหายอย่างที่คิด เพียงแต่ว่าการที่เราใช้เราควรจะดูแลอย่างไร และควรเปลี่ยนระยะเวลาใด ก็จะทำให้มีความุขกับการใช้แก็สครับ ติดตามต่อไปครับ

ภาพนี้เป็นภาพของหัวเทียน ที่ผ่านการใช้งานมาเกือบสองปี กว่า 90000 กิโลเมตร  เขี้ยวของหัวเทียนไม่ได้สึกหรอมากไปกว่าการใช้น้ำมัน เพียงแต่แห้งและเขียวห่างเกินไป  ไม่เคยเปลี่ยน ยืนยันว่าการใช้หัวเทียนไม่จำเป็นจะต้องเป็นยี่ห้อและเกรดดีๆ  ทั่วๆไปก็ใช้ได้  ตอนนี้ผมนำมาปรับระยะห่างของหัวเทียนแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่  ยังวิ่งฉลุย


* DSCN0611.jpg (69.56 KB, 450x338 - ดู 1883 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #22 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 22:29:14 »

ขอแจ้งให้ทราบถึงผลการเปลี่ยนชุดซ่อมของหม้อต้มแก็สรุ่นนี้ว่า หลังจากเปลี่ยนชุดซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้ได้ดีเหมือนของใหม่ทุกประการ เรื่องรอบเดินเบาและการเร่งของเครื่องยนต์ ทำได้ดีมาก สเตเบิลดีของรอบเดินเบาก็ดี  แค่เปลี่ยนชุดซ่อมของหม้อต้มแก็สเท่านั้น  เรื่องของวาวล์ยันยังไม่ได้ตรวจปรับตั้งแต่อย่างใด เพียงเปิดฝาครอบวาวล์ออกมาดู ว่ามันผิดปกติมากแค่ไหน เท่าที่ลองขยับกดวาวลดูระยะของวาวล์ ยังถือว่ายันไปบ้างนิดหน่อยไม่ต่างกับการใช้น้ำมัน เพราะว่าระยะทางประมาณ 90000 กิโลนี้ อย่าว่าแต่แก็สเลย  ของการใช้น้ำมันก็เป็นเช่นเดียวกัน   มันอยู่ที่เทคนิคการใช้แก็สร่วมกับน้ำมัน จึงทำให้เครื่องสึกหรอไม่ต่างกับการใช้น้ำมันแต่อย่างใด 
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #23 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 22:38:19 »

นี้เป็นภาพภายในของฝาครอบวาวล์เครื่องยนต์  บังเอิญผมลืมถ่ายใกล้ๆ


* DSCN0615.jpg (105.46 KB, 450x338 - ดู 1893 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 พฤษภาคม 2009, 22:40:38 โดย srithanon » บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #24 เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2009, 22:47:48 »

ไว้พรุ่งนี้ผมค่อยโพสภาพของหม้อต้มแกส ที่ผ่านการใช้งานมาประมาณ 7 เดือน ว่ามีสภาพอย่างไร แตกต่างกับภาพข้างบนที่ผมโพสมา มากน้อยแค่ไหน แล้วผมจะมาพูดถึงการทำงานของแต่ละส่วนของหม้อต้ม จะทำให้เราทราบว่าเราควรจะปรับจูนแก็สอย่างไร หลังจากที่เราทราบการทำงานของมัน มีความต่างกับที่เขาปรับจูนกันหรือไม่   
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #25 เมื่อ: 03 มิถุนายน 2009, 16:07:18 »

ขออภัยเพื่อนๆสมาชิกด้วยที่หยุดไปสองสามวัน เพราะมีภาระกิจมาก ไม่มีเวลาเข้ามาต่อบทความ   จากภาระกิจที่รัดตัว ก็พยายามหาเวลาพิมพ์เนื้อหามาเล่าความคืบหน้าเรื่องหม้อต้มแก็สต่อครับ ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วยครับ
บทความอาจจะยาวมาก หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆสมาชิกบ้าง ลองสละเวลาอ่านกันดูครับ


ช่วงต่อไปนี้ผมจะมาพูดถึงลักษณะการทำงานของส่วนประกอบของหม้อต้มแก็ส ตามที่ผมได้มีข้อคิดเห็นจากการที่ได้เปิดหม้อต้มแก็สออกมาดู   ว่ามันทำงานอย่างไรแบบเคร่าๆ ด้วยเหตุและผลและความน่าจะเป็น อาจจะไม่ถูกต้องนัก  แต่ก็มีความเชื่อว่าไม่ผิดไปในหลักการสักเท่าใด ก็ลองอ่านดูว่าความน่าจะเป็นมีความถูกต้องอย่างไร  ก็ขออภัยมาที่นี้ด้วย  เพราะผมก็เพิ่งได้มีโอกาสผ่าดูโครงสร้างภายในของหม้อต้มแก็ส ลูกนี้เป็นครั้งแรก ขั้นตอนการทำงานไม่น่าจะผิดพลาด แต่หากกล่าวถึงเรื่องทางฟิสิคส์เคมี ทางปิโตรเคมี ผมไม่มีความรู้ เพราะไม่ได้ศึกษามา  เอาเป็นว่าหากมีสิ่งใดผิดพลาด มีความคิดต่าง ไม่ถูกก็ขออภัยด้วยครับ 
หม้อต้มแก็สในรถยนต์  เมื่อมีการสตาร์ทเครื่องยนต์ ในกรณีที่ใช้ Auto switch เป็นตัวตัดต่อไฟให้กับปั้มติ๊ก  และติ๊กแก็ส  ในกรณีใช้แก็ส จะมีไฟ +12 Volt จ่ายให้กับติ๊กแก็ส ทำหน้าที่เปิดลิ้นวาวล์  ให้น้ำแก็ส ที่ไหลผ่านมาจากกรองแก็ส แล้วไหลต่อไปที่วาวล์ ที่ทำหน้าที่ปิดเปิดเอาน้ำแก็สนี้เข้าสู่ห้อง การเปลี่ยนสถานะแก็สที่เป็นน้ำ ให้กลายเป็นไอแก็ส (ก๊าซ)  ที่ห้องนี้จะมีอุณหภูมิความร้อนสูง อันเนื่องมาจากผนังของห้องที่ใช้ผนังเป็นโลหะผสม ชิ้นเดียวกันกับโครงสร้างของห้องน้ำร้อนภายในตัวเรือนโครงสร้างของหม้อต้มแก็ส ที่อยู่ด้านตรงข้าม ที่ห้องน้ำร้อนนี้ได้รับน้ำร้อนมาจากหม้อน้ำรถยนต์ ทำให้โครงสร้างผนังที่เป็นโลหะผสมได้รับความร้อน และถ่ายเทไปให้ห้องที่เปลี่ยนสถานะของแก็ส อุณหภูมิที่เกิดขึ้นภายในห้องนี้ก็จะสูง จะเห็นว่า เมื่อน้ำแก็สถูกฉีดเข้ามาที่ห้องนี้ มันก็จะกลายเป็นไอแก็สทันที  ความจริงแล้วน้ำแก็สที่อยู่ในถังเก็บ เมื่อไหลออกจากท่อด้วยความดันภายในถัง  มันก็จะกลายเป็นไอแก็สทันที ที่อุณหภูมิปกติ จึงไม่แปลกใจที่เราสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์โดยใช้ระบบแก็สในครั้งแรก แต่คุณภาพของไอแก็สก็ยังไม่สมบูรณ์  เพราะอุณหภูมิความร้อนมีผลกับการเปลี่ยนสถานะของน้ำแก็สให้กลายเป็นไอแก็ส(ก๊าซ)
ภายในห้องเปลี่ยนสถานะของแก็ส ยังอาศัยส่วนที่ทำหน้าที่คอนโทรลการปิดเปิดการจ่ายน้ำแก็ส โดยอาศัยแผ่นไดอะแฟรม ที่มีกระเดื่องคล้องล็อคติดกับก้านวาวล์(บางท่านเรียกตีนจิ้งจก) การทำงานของมัน อาศัยสปริงที่กดแผ่นไดอะแฟรม เพื่อที่จะให้แผ่นไดอะแฟรมกดเจ้าก้านกระเดื่องวาวล์(ตีนจิ้งจก)ให้เปิดอยู่ตลอดเวลา การทำงานของมันจะสัมพันธ์กับการจ่ายแก็สของห้องที่เก็บไอแก็ส ที่พร้อมที่จะจ่ายให้กับเครื่องยนต์  เมื่อเครื่องยนต์อยู่ในจังหวะของรอบเดินเบา ทำให้น้ำแก็สที่ไหลผ่านมาจากลิ้นวาวล์ติ๊กแก็ส  ผ่านมาที่ห้องเปลี่ยนสถานะแก็ส ถูกลดปริมาณการจ่ายไอแก็สไปยังห้องเก็บไอแก็ส  แต่การจ่ายน้ำแก็สยังคงจ่ายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง  ทำให้เกิดไอแก็สมากกว่าจ่ายไปยังห้องเก็บไอแก็ส  ทำให้เกิดแรงดันของไอแก็สมาก และผลักดันแผ่นไดอะแฟรม เอาชนะแรงสปริงที่กดก้านกระเดื่องวาวล์ ให้เปิดในช่วงแรก  กลับมาเป็นปิด
  การทำงานในช่วงนี้อาจจะมีลักษณะดังนี้คือ ในขณะที่เครื่องยนต์ อยู่ในรอบเดินเบา การจ่ายแก็สจะมีปริมาณน้อย ทำให้การจ่ายแก็สที่เป็นไอในห้องเปลี่ยนสถานะแก็ส มีแรงดันที่เกิดจากไอแก็สมากขึ้น จนเอาชนะแรงสปริงที่กดก้านกระเดื่องวาวล์ให้ยกตัวดึงก้านวาวล์ ให้ปิดการรับน้ำแก็สเข้ามา  แต่ปริมาณไอแก็สยังคงมีปริมาณมากอยู่ในห้องนี้  ทำให้มีไอแก็สจ่ายไปยังห้องเก็บไอแก็สและจ่ายต่อผ่านท่อไปเพาเวอร์วาวล์ ให้กับเครื่องยนต์ ที่อยู่ในรอบเดินเบา  แต่เมื่อเวลาผ่านไป แรงดันของแก็สที่เอาชนะแรงสปริงในช่วงแรกที่ปิด กลับมีแรงดันต่ำลง เนื่องจากมีการจ่ายไอแก็สไปให้ที่ห้องเก็บไอแก็ส  จึงเป็นผลให้แรงกดดันที่เกิดขึ้นในห้องเปลี่ยนสถานะแก็สตกลง ทำให้สปริงที่กดแผ่นไดอะแฟรมกดกระเดื่องวาวล์ ให้เปิดรับน้ำแก็สเข้ามา และเปลี่ยนสภาพให้เป็นไอแก็สอีก ก็จะมีสภาพปิดๆเปิดๆเมื่อเครื่องยนต์อยู่ในช่วงของรอบเดินเบา จนกว่าเครื่องยนต์จะอยู่ในจังหวะเร่ง วาวล์ก็จะเปิดรับน้ำแก็สตลอดเวลา เพราะแรงดันของไอแก็สที่ถูกจ่ายออกไปมาก ทำให้ไม่มีแรงกดดันพอที่จะเอาชนะแรงกดของสปริง ที่กดให้วาวล์เปิด  นี้คือกลไกการทำงานของห้องที่เปลี่ยนสถานะของน้ำแก็ส
จะเห็นว่าการทำงานของระบบหม้อต้มแก็สจะทำงานสัมพันธ์กันตลอดระหว่างห้องแต่ละห้อง    ไอแก็สหรือก๊าซที่รับมาจากห้องเปลี่ยนสถานะ หากไม่มีการรักษาอุณหภูมิความร้อนในห้องไว้ จะทำให้ไอแก็สต่ำลง  ดังนั้นเขาจึงต้องทำให้ห้องนี้มีอุณหภูมิความร้อน เพื่อรักษาระดับของสถานะก็าซเอาไว้ให้คงที่ เพื่อที่จะจ่ายให้กับเครื่องยนต์  ที่ห้องนี้จึงมีพื้นที่กว้างมากกว่าทุกห้อง  จะเห็นว่ามีแผ่นไดอะแฟรมแผ่นใหญ่กว่าห้องอื่นๆอีกเช่นกัน   
พื้นที่ของห้องนี้จะได้รับความร้อนจากห้องน้ำร้อนเช่นเดียวกันกับห้องเปลี่ยนสถานะน้ำแก็สเป็นไอหรือก็าซ  แต่จะต่างกันก็ตรงที่ผนังของห้องนี้ไม่ได้รับการถ่ายเทความร้อนจากผนังห้องที่เป็นโลหะผสมโดยตรงเช่นเดียวกับห้องที่เปลี่ยนสถานะ  แต่จะถูกกั้นด้วยแผ่นยางที่กั้นการรั่วของห้องน้ำร้อน ดังนั้นการถ่ายเทความร้อนอาจจะไม่เท่ากับห้องเปลี่ยนสถานะของน้ำแก็สในช่วงแรกๆ แต่พอเวลาผ่านไปก็อาจจะเท่ากัน อันเนื่องมาจากสภาวะการเกิดความร้อนภายในห้องเครื่องยนต์และความร้อนที่สะสมระหว่างการใช้งาน ของหม้อต้มเมื่อเวลาผ่านไป

การทำงานของห้องที่เก็บไอแก็สหรือก๊าซ (ผมให้ชื่อว่าห้องเก็บไอแก็ส(ก๊าซ)

กลไกการทำงานของห้องนี้  โดยยึดเอาแรงดูดจากท่อไอดีมากระทำต่อแผ่นไดอะแฟรม ในรอบเดินเบาของเครื่องยนต์
หลังจากที่ไอแก็สที่ถูกส่งมาจากห้องเปลี่ยนสถานะน้ำแก็ส ก่อนที่จะเข้ามาที่ห้องเก็บไอแก็สนี้ จะมีพอร์ทหรือช่องท่อสำหรับส่งไอแก็ส ที่ถูกกั้นด้วยวาวล์ปิดเปิดไอแก็ส(บางท่านเรียกวาวล์ฉิ่งฉับ) ที่ปลายของก้านวาวล์(ตีนจิ้งจก) จะถูกคล้องติดกับกระเดื่องของแผ่นไดอะแฟรม  ช่องพอร์ทที่ไอแก็สจะผ่านมาที่ห้องนี้ยังประกอบไปด้วย สลักสกรูจูนของตัว Sensitive เจ้าตัวสลักจูนนี้จะทำหน้าที่พายพาสเอาไอแก็สหรือก๊าซจากห้องเปลี่ยนสถานะแก็ส ผ่านมาที่ห้องเก็บไอแก็สนี้ โดยไม่ผ่านวาวล์ฉิ่งฉับ มันจะมีรูช่องเล็กๆไปโผล่ที่ใต้แขนก้านวาวล์ฉิ่งฉับ โดยมีตัวสลักจูนของ  SENSITIVE เป็นตัวกั้นและปรับให้ไอแก็สผ่านมากหรือน้อยตามความต้องการรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ที่มีโหลด   เช่นเปิดแอร์ เข้าเกียร์(ออโต้) หรืออื่นๆ ที่เป็นโหลดทำให้เครื่องยนต์รอบตก โดยจะทำงานควบคู่กับตัวปรับไอเดิล ( Idle ) ซึ่งกำลังจะกล่าวถึงต่อไป 
ขอกล่าวถึงภายในโครงสร้างห้องเก็บไอแก็สนี้ต่อครับ ภายในห้องนี้นอกจากจะมีวาวล์ฉิ่งฉับ ทำหน้าที่ปิดเปิดรับเอาไอแก็สแล้ว ที่ตัวแขนวาวล์ฉิ่งฉับ ด้านที่เป็นตีนจิ้งจกจะถูดยึดด้วยกระเดื่องของแผ่นไดอะแฟรม เพื่อที่จะอาศัยการยุบตัวของแผ่นไดอะแฟรมจากแรงดูดของท่อไอดีที่ดูดเอาแก็สออกไป  หากเราสังเกตให้ดีจะพบว่าตรงกลางของแผ่นไดอะแฟรมจะมีแผ่นโลหะบางๆ วงกลมใหญ่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว ที่ติดกับแผ่นไดอะแฟรมที่เป็นผ้าสังเคราะห์  ตรงกลางมีกระเดื่องสำหรับยึดตีนจิ้งจกก้านฉิ่งฉับวาวล์  บริเวณรัศมีของแผ่นโลหะนี้ เมื่อมีแรงดูดจากท่อร่วมไอดี จะทำให้แผ่นนี้กดตีนจิ้งจก ยกกระเดื่องวาวล์ฉิ่งฉับให้เปิด ในจังหวะรอบเครื่องยนต์อยู่ในอัตราเร่ง แต่เมื่ออยู่ในช่วงของรอบเดินเบา  การกดของแผ่นไดอะแฟรมที่ได้จากแรงดูดของแว็คคั่มท่อไอดีต่ำลง ทำให้แผ่นไดอะแฟรมไม่ค่อยมีแรงกดที่ปลายขาจิ้งจก ทำให้วาวล์ฉิ่งฉับเปิดรับไอแก็สได้น้อย ( ท่านที่มีเครื่องยนต์ที่แรงดูดแว็คคั่มที่ท่อไอดีต่ำ อันเนื่องมาจากวาวล์ยัน บ่าวาวล์สึก ทำให้กำลังอัดและแรงดูดที่ท่อร่วมไอดีต่ำ จะมีผลในช่วงตรงนี้ไงครับ)
ด้วยสถาวะที่เกิดขึ้นนี้ ตัวที่ทำหน้าที่เข้ามาแก้ไขให้การจ่ายไอแก็สในรอบเดินเบาทำงานได้ตามความต้องการของเครื่องยนต์ก็คือ  ตัวไอเดิล   ที่ตัวไอเดิลนี้ประกอบไปด้วยแกนสลักสำหรับปรับดันสปริงให้ไปกดดันก้านของวาวล์ฉิ่งฉับ ให้ปิดเปิดให้แก็สผ่านได้ตามที่ต้องการ
คือ ในขณะที่เครื่องยนต์อยู่ในรอบเดินเบา ทำให้แรงดูดที่ท่อไอดีกระทำต่อแผ่นไดอะแฟรม มีแรงกดต่ำ เดิมทีหากไม่มีสปริงดันแขนก้านวาวล์ฉิ่งฉับไว้  แรงดูดที่รอบเดินเบาก็สามารถ ดูดแผ่นไดอะแฟรมให้ไปกดก้านวาวล์ฉิ่งฉับ ให้เปิดรับไอแก็สได้ แต่มันจะเปิดรับไอแก็สจนสุด บังคับไม่ได้ จึงต้องมีสปริงเข้ามาเป็นตัวแด้มปิ่ง ให้เกิดแรงต้านการเปิดของวาวล์     ดังจะเห็นได้ว่าหากเราปรับไอเดิลตามเข็มนาฬิกา ทำให้สปริงต้านการกดของแผ่นไดอะแฟรม (การกดของแผ่นไดอะแฟรมทำให้ไปกดแขนของวาวล์ลง ทำให้วาวล์ฉิ่งฉับเปิด)  ทำให้วาวล์เปิดยาก  แต่ถ้าหากเราปรับทวนเข็มนาฬิกา จะทำให้สปริงของไอเดิล อ่อนตัวไม่ค่อยมีแรงต้านการกดของแผ่นไดอะแฟรม มันก็จะไปกดก้านวาวล์ฉิ่งฉับเปิดได้ง่าย   จึงต้องมีการปรับเพื่อให้บาลานซ์ ในการจ่ายพอเหมาะกับรอบเดินเบาของเครื่องยนต์  ( ในจังหวะรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ที่ไม่มีโหลด )
ขอกล่าวถึงส่วนประกอบของห้องเก็บไอแก็สต่ออีกหน่อยครับ  แผ่นโลหะวงกลมบางๆที่ติดอยู่กึ่งกลางของแผ่นผ้าไดอะแฟรม จะทำหน้าที่เป็นตัวยึดแผ่นผ้าไดอะแฟรมและเป็นโครงฐานยึดกระเดื่องที่เกี่ยวคล้องตีนจิ้งจกของก้านวาวล์ฉิ่งฉับ หากไม่มีแผ่นนี้จะทำให้ไม่มีแรงกดของกระเดื่องที่ตีนจิ้งจก  และที่สำคัญพื้นที่แผ่นวงกลมนี้ จะถูกค้ำยันด้วยแกนโลหะเสาเล็กๆ สามจุด
สูงประมาณเซ็นกว่าๆ เสาเล็กๆทั้งสามจุดที่ว่านี้ ทำหน้าที่กั้นไม่ให้แผ่นวงกลมที่ยึดติดกับแผ่นผ้าไดอะแฟรม กดตัวลงมาติดกับพื้นของห้องเก็บไอแก็ส ในขณะที่มีแรงดูดจากท่อไอดี  จนทำให้ปิดกั้นการไหลของไอแก็ส  เขาจึงกำหนดให้มีระยะการกดของแผ่นไดอะแฟรม ที่ตำแหน่งเปิดสุดของวาวล์ฉิ่งฉับ และไม่ไปกดก้าน  หากไม่มีแท่งโลหะค้ำสามจุดนี้  ด้วยแรงดูดไอแก็สจากท่อร่วมไอดีจะทำให้แผ่นไดอะแฟรมกดลงจนสุดซึ่งจะเป็นอุปสรรค์ในการจ่ายไอแก็ส เพราะพื้นที่ถูกขัดขวางด้วยแผ่นไดอะแฟรม  ให้ลองนึกถึงสภาพขวดน้ำเปล่าพลาสติคบางๆ   หากเราใช้ปากดูดมันจะแฟ๊บยุบตัวลงมาติดกัน แต่ถ้าหากเราเอาอะไรไปค้ำไม่ให้แผ่นพลาสติคที่มันยุบตัวลงมาติดกัน และมีช่องว่างให้ก๊าซหรือของเหลวผ่านไปได้ ตามระยะที่กำหนดให้มีช่องว่าง  ก็เช่นเดียวกับที่ผมกล่าวเมื่อกี้นี้
ดังนั้นการปรับ IDLE จึงเป็นการปรับรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ที่ไม่มีโหลด และการปรับตัว SENSITIVE เป็นการปรับรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ที่มีโหลด ตามความคิดของผม  ดังนั้นการปรับจูนแก็สเราควรที่จะปรับที่ตัวไอเดิลก่อน โดยปิดเซ้นและอย่าเพิ่งไปเปิดแอร์หรือเปิดไฟหน้าหรือเข้าเกียร์รถ(ออโต้)  แล้วทำการปรับให้เครื่องยนต์มีรอบเดินเบาที่พอเหมาะ  บางท่านอาจจะถามมาว่าปรับอย่างไรถึงจะรียกว่าพอเหมาะ  ก็คือปรับจนอ่านค่าของอ็อกซิเจนเซ็นเซอร์ อ่านค่าโวลเต็จประมาณจุดห้าโวล  หรือจะปรับแบบตาดูหูฟัง ก็คือการปรับสกรูที่ตัวไอเดิล ทวนเข็มหรือตามเข็มนาฬิกา เอาตำแหน่งของรอบเครื่องยนต์เดินเบาสูงสุด หมายความว่าในขณะที่ปรับทวนเข็มนาฬิกา รอบเครื่องยนต์เริ่มสูงขึ้นๆไปเรื่อยๆ แล้วจะมีจุดหนึ่งที่ปรับต่อไปแล้วรอบเครื่องยนต์เริ่มตก ก็ให้เราหยุดปรับ  แล้วหมุนทวนเข็มกลับไปอีกนิดหนึ่งไม่เกินครึ่งรอบ หลังจากนั้นให้ทำการเปิดแอร์และเปิดไฟหน้ารถเพื่อให้เครื่องยนต์มีโหลดสูงสุด แล้วทำการปรับตัวเซ้นซิตีป หมุนทวนเข็มนาฬิกา จนได้รอบเครื่องยนต์สูงสุด  คือหมายความว่าการปรับหากปรับทวนเข็มมากเกินไป รอบเครื่องยนต์ก็จะต่ำหรือปรับตามเข็มนาฬิกาเข้ามากไป รอบเครื่องก็จะต่ำเช่นกัน ก็เลือกเอาระหว่างกลางทั้งสอง

การปรับที่ตัวเซ้นนี้จะมีผลมากในรอบเดินเบา  เพราะว่าเป็นการจ่ายไอแกสจากห้องเปลี่ยนสถานะน้ำแก็สเป็นไอแก็สตรงไปยังห้องเก็บไอแก็ส โดยไม่ผ่านวาวล์ฉิ่งฉับ เป็นผลให้การจ่ายไอแก็สพอกับความต้องการของรอบเดินเบาเครื่องยนต์ ในสภาวะที่มีโหลด. 

ในคราวหน้าผมจะมาต่อในการทำงานของห้องน้ำร้อน ที่เป็นจุดสำคัญของระบบหม้อต้มแก็ส ว่ามันทำงานอย่างไร สำคัญอย่างไร รวมทั้งส่วนประกอบของหม้อต้ม ที่เสื่อมสภาพ เพราะการใช้งาน
เมื่อชิ้นส่วนนั้นๆ เสีย จะเกิดอะไรขึ้น  และที่สำคัญว่ามันกินแก็สมากอย่างไร ส่วนไหนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้   รวมทั้งการแก็ปัญหาการจ่ายแก็สให้กับเครื่องยนต์ในจังหวะรอบเดินเบา อาจจะไม่เหมือนกับที่อื่นๆ   
จากการที่ได้เปิดผ่าหม้อแก็สออกมาดูการทำงานของมัน ทำให้เกิดความคิดต่อยอดในเรื่องของการจ่ายแกสให้กับเครื่องยนต์ โดยเฉพาะเรื่องรอบเดินเบา ทดลองในหลักการเบื้องต้นแล้ว มีความเป็นไปได้สูง  ยังต้องใช้เวลาทดลองให้เกิดความชัดเจนและได้แน่นอน แล้วค่อยมาเล่าสู่กันฟังครับ......srithanon
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #26 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2009, 14:23:54 »

ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องการทำงานของห้องที่เก็บน้ำร้อน  ขอย้อนในหัวข้อที่เป็นห้องเก็บไอแก็ส(ก๊าซ)   
 อยากจะขอแก้เป็นว่า ห้องคอนโทรลการจ่ายไอแก็ส 
เพราะในเนื้อหาการทำงานที่ห้องนี้ เขาต้องการที่จะสร้างระบบการ CONTROL ให้กับการจ่ายไอแก็ส ไปยังท่อไอดีของเครื่องยนต์ โดยอาศัยปัจจัย สองปัจจัย ที่จะนำมาคอนโทรล ก็คือแรงดูด (VACCUM) จากท่อไอดีของเครื่องยนต์  และแรงดันของไอแก็ส  ที่ทำให้กลไกระบบปิดเปิดวาวล์ ของหม้อตมแก็ส ทำงานตามแรงกดดันของไอแก็ส และแรงดูดจากท่อไอดีเครื่องยนต์  ดังที่ผมกล่าวมาเบื้องต้นนี้แล้ว
ในหม้อต้มแก็ส ในส่วนที่เป็นห้องเก็บน้ำร้อน ที่ได้รับความร้อนมาจากหม้อระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เพื่อใช้ความร้อนของน้ำที่ได้นี้ สร้างอุณหภูมิความร้อนให้กับห้องเปลี่ยนสถานะของน้ำแก็ส  เพื่อให้การเปลี่ยนสถานะของน้ำแก็สมีคุณภาพ  และไม่ก่อให้เกิดขี้แก็ส หลังจากเปลี่ยนสถานะ  เพราะปัจจัยในการเปลี่ยนสถานะของแก็ส จะขึ้นอยู่กับอุณหภูมิความร้อน
จะเห็นว่าหม้อต้มแก็สที่เริ่มเสื่อมคุณภาพ จะก่อให้เกิดขี้แก็สนี้จำนวนมาก เกาะตามผนังในส่วนต่างๆของหม้อต้มแก็ส 
เนื้อหาต่างๆผมได้กล่าวรวมๆกันไปในใช่วงแรกๆแล้ว  ช่วงนี้ขอกล่าวผลการเสื่อมสภาพของชิ้นส่วนหม้อต้มแก็ส ที่มีผลต่อระบบรอบเดินเบาของเครื่องยนต์ และการกินแก็ส
การที่หม้อต้มแก๊สเสื่อมสภาพ อันมาจากการใช้งานมานาน ทำให้การสึกหรอของแผ่นยางวาวล์ ที่ทำหน้าที่ปิดเปิดให้น้ำแก็สและไอแก็สผ่าน รวมทั้งแผ่นไดอะแฟรมของห้องเปลี่ยนสถานะแก็ส และห้องคอนโทรลระบบจ่ายแก็ส  มีสภาพที่หย่อน ยืด หรือแข็งกระด้าง ไม่อ่อนตัวตามสภาพการทำงาน  หากเป็นที่หน้าสัมผัสของแผ่นยางของวาวล์(ฉิ่งฉับ)  สึก ก็จะทำให้การปิดน้ำแก็สและไอแก็สไม่สนิท  หากไดอะแฟรมที่รองรับสปริงของห้องเปลี่ยนสถานะแก๊ส มีรูปแบบที่ผิดไป แผ่นแข็งกระด้าง มีส่วนโค้งนูนของแรงกดสปริง ไม่สามารถกลับเรียบเหมือนเดิมได้  ทำให้แรงดันของไอแก็สที่ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นไอแก็ส มีแรงกดดันไม่พอที่จะเอาชนะแรงสปริง ทำให้แรงของสปิงกดก้านกระเดื่องวาวล์ ให้เปิดรับน้ำแก็สตลอดเวลา แม้เครื่องยนต์จะอยู่ในรอบเดินเบา
แผ่นไดอะแฟรมที่ว่านี้เมื่อรอบเครื่องยนต์อยู่ในอัตราเร่ง  หรือเครื่องยนต์ไม่ทำงาน มันจะเปิดอยู่ตลอดเวลา  ตราบใดที่ติ๊กวาวล์เปิดให้น้ำแก็สไหลผ่านมาที่วาวล์นี้ 
มันจะปิดก็ต่อเมื่อเครื่องยนต์อยู่ในรอบเดินเบา  แต่ไม่ใช่ปิดทันที่ มันอยู่ที่เงื่อนไข เงื่อนไขอย่างไร
ในขณะที่เครื่องยนต์อยูในรอบเดินเบา ไอแก็สที่ห้องเปลี่ยนสถานะแก็ส จะไหลไปที่ห้องระบบคอนโทรลการจ่ายแก็สน้อย  เพราะแรงดูดที่ท่อไอดีเครื่องยนต์ต่ำ แก็สที่ถูกดูดไปใช้ก็มีปริมาณต่ำ ทำให้ไอแก็สที่ห้องเปลี่ยนสถานะยังเกิดการเปลี่ยนแปลงในปริมาตรเท่าเดิม ทำให้ไม่สมดูล์กับการจ่ายออกไป(จ่ายน้อย) ดังนั้นมันจึงเพิ่มปริมาตรของไอแก็สที่เพิ่มขึ้น  เกิดแรงดันมากขึ้นจนเอาชนะแรงดันของสปริงที่กดวาวล์ให้เปิดอยู่  กลับมาเป็นปิด  ก็จะไม่มีน้ำแก็สเข้ามาให้เปลี่ยนเป็นไอแก็ส   ในขณะที่วาวล์ปิด แต่ไอแก็สยังคงมีอยู่ที่ห้องนี้ด้วยแรงดันในปริมาตรที่มาก  และยังมี ปริมาณที่เครื่องยนต์ต้องการในรอบเดินเบา  แต่เมื่อเวลาผ่านไปปริมาณไอแก็สที่ห้องเปลี่ยนสถานะเริ่มลดน้อยลง เพราะจ่ายไป ไปตามแรงดูดของท่อไอดี ในช่วงเดินเบา  ทำให้ปริมาณไอแก็สลดลง  แรงดันก็ลดลงไปเช่นเดียวกัน  ทำให้สปริงที่กดแผ่นไดอะแฟรมไปกดตีนจิ้งจกของวาวล์ฉิ่งฉับ เปิดให้น้ำแก็สไหลเข้ามาอีก    มันก็จะทำงานเหมือนกับที่กล่าวมาเมื่อกี้นี้อีก  วนเวียนไป จนกว่าเมื่อใดที่เราเร่งหรือใช้กำลังรถเครื่องยนต์ ทำให้แรงดูดที่ท่อไอดี มีแรงดูดมาก  มันก็จะจ่ายไอแก็สออกมาอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นการที่หม้อต้มกินแก็ส(ตามที่เข้าใจกัน)  นั้นหมายความว่า  สภาพของแผ่นไอแฟรมตัวที่กล่าวถึงนี้ มีสภาพยางแผ่นไดอะแฟรม แข็งกระด้างขนาดเอานิ้วกดแล้วยังไม่ยุบตัวดันสปริงเลยครับ มันก็ทำให้วาวล์ฉิ่งฉับเปิดตลอดเวลา   แต่การที่จะใช้ไอแก็สที่ได้จากห้องเปลี่ยนสถานะนี้ไปทันทีคงไม่ครบองค์ประกอบ  ในการสิ้นเปลือง  เพราะต้องอาศัยความเสื่อมสภาพของแผ่น
ไดอะแฟรมที่ห้องคอนโทรลการจ่ายไอแก้สด้วย
ความเสื่อมสภาพของแผ่นไดอะแฟรมที่ห้องนี้เกิดจาก ความย่นและยืดของผ้า เมื่อถูกใช้งานมานานปกติแล้วจะมีสภาพที่เรียบตึง  ขอบของแผ่นผ้าไดอะแฟรมยึดแน่นติดกับโครงหม้อต้มและฝาครอบได้เซ็นเตอร์ของวงกลมทั้งแผ่น   เมื่อมีแรงดูดจากท่อไอดีทำให้ตัวของแผ่นผ้าไดอะแฟรม กดลงที่ตีนจิ้งจกของวาวล์ฉิ่งฉับ  ให้เปิดช่องรับไอแก็สเข้ามามีความสมดุลกับการปรับตั้งสปริงของตัวไอเดิล  ที่ปรับให้สปริงมีระยะความเหมาะสมกับการจ่ายแก็ส ที่รอบเดินเบา
เมื่อแผ่นไดอะแฟรมหมดสภาพ ย่นและยืด ทำให้จุดบาล้านซ์ของแผ่นไดอะแฟรมผิดรูปไป ทำให้แรงดูดจากท่อไอดี ดูดแผ่นไดอะแฟรมกดที่ตีนจิ้งจกได้ง่าย โดยไม่มีแรงต้านที่เกิดจากการยกตัวของแผ่นไดอะแฟรม ที่ปกติแล้วมันจะยกตัวดึงกระเดื่องของตีนจิ้งจกให้ยกก้านวาวล์ปิด เพราะความตึงของแผ่นผ้าไดอะแฟรม   พร้อมๆกับการปรับสปริงของตัวไอเดิล ที่ดันก้านกระเดื่องวาวล์ให้มีแรงต้านร่วมกับกับแผ่นไดอะแฟรม  ตามที่ตั้งไว้ครั้แรก  จึงเท่ากับว่า เพียงเกิดแรงดูดเบาๆที่ท่อไอดีรอบเดินเบาของเครื่องยนต์  ก็สามารถดูดแผ่นไดอะแฟรมนี้ ให้มีแรงกดเช่นเดียวกับ อัตราเร่งของเครื่องยนต์ (วาวล์เปิดสุด)    ดังนั้นแก็สจึงไหลออกมามาก
สภาพการทำงานตรงนี้จะสัมพันธ์กับแผ่นไดอะแฟรมที่ห้องเปลี่ยนสถานะของน้ำแก็ส  ที่วาวล์ไม่ยอมปิด เปิดตลอดดังที่กล่าวมาข้างบน เมื่อกี้นี้  จึงทำให้การจ่ายแก็สให้กับเครื่องยนต์มากเกินความจำเป็นในรอบเดินเบา  และยังทำให้อัตราส่วนผสมของแก็สหนา  ทำให้เครื่องยนต์มีกำลังตก รอบเครื่องยนต์ต่ำ เครื่องสะดุด  จะเห็นว่าผลที่เกิดจากสาเหตุที่กล่าวมานี้มีผลต่อเครื่องยนต์มากในเรื่องรอบเดินเบา ทำให้การสาร์ทเครื่องยนต์ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนๆ รอบเครื่องยนต์ก็จะตก เพราะไอแก็สมีมากในอัตราส่วนผสม  และก็เป็นที่มาของการกินแก็สของหม้อต้ม
ต้องขออภัยเพื่อนสมาชิกด้วย ที่บางครั้งอ่านแล้ววกไปเวียนมา เพราะไม่มีโอกาสตรวจเนื้อหา มือไม่ทันความคิด บางครั้งกำลังพิมพ์อยู่ และแก้คำผิด เคอร์เซอร์กระโดดไปอยู่บันทัดอื่น กลายเป็นประโยคไม่ต่อเนื่อง  หากอ่านพบก็ขออภัยด้วย รีบพิมพ์
สำหรับคราวต่อไปผมจะพูดถึงหลักการจ่ายแก็สเข้าท่อไอดี  ว่าควรจะทำอย่างไร ที่จะไม่ก่อให้เกิดปัญหากับรอบเดินเบาของเครื่องยนต์   จะพยายามเข้ามาเล่าสู่กันฟังครับ???srithanon
บันทึกการเข้า
tommyr28
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


« ตอบ #27 เมื่อ: 08 มิถุนายน 2009, 23:24:48 »

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #28 เมื่อ: 10 มิถุนายน 2009, 00:08:37 »

ก่อนที่จะมาเล่าสู่กันฟังเรื่องการจ่ายแก็สเข้าห้องไอดี  ขอย้อนเรื่องหม้อต้มแก็สอีกหน่อยครับ เรื่องสกรูปรับ SENSITIVE และ IDLE  ที่สร้างความสับสนในความเข้าใจ หลายๆท่านที่ทรงความรู้ได้ให้การเรียกชื่อ ตัวปรับทั้งสองต่างกันไป  บางท่านก็บอกว่า หากเป็นตัวที่สำหรับปรับ IDLE  ให้สังเกตุ ที่ปลายเข็มจะแหลมเหมือนกับตัวปรับ IDLE  SPEED  ที่เรือนลิ้นปีกผีเสื้อ  หรือที่ คาร์บูเรเตอร์   และหากเป็นตัว  SENSITIVE  จะมีแกนปรับที่มีสปริง  ซึ่งมันกลับกันกับที่ผมกล่าวมา  ด้วยความเคารพผมมิบังอาจบอกว่าผิดหรือถูก  แล้วแต่ใครจะเรียก   สำหรับผมก็เรียกตามความรู้สึกว่าน่าจะเป็น  และสำหรับรุ่นที่ผมนำมากล่าว  ก็ตรงตามที่ทางบริษัทผู้ผลิตเขากำหนดไว้
ตามที่ผมเข้าใจ คำว่า  SENSITIVE  มันหมายถึงความไว ในการปรับที่มีผลต่อกำลังและรอบของเครื่องยนต์  เพียงแค่ปรับเพียงนิดหน่อย ครึ่งรอบก็มีผล  เพราะตัวของมันทำหน้าที่ให้ไอแก็ส ที่ห้องเปลี่ยนสถานะแก็สผ่านไปที่ห้องคอนโทรลจ่ายต่อไปยังห้องมิ๊กเซอร์โดยตรง  จึงไวต่อการปรับ น่าจะเรียกตัวที่ปรับนี้ว่า SENSITIVE 
 แต่ตัวไอเดิลปรับแล้วตองหมุนกันมากกว่าถึงจะมีผลกับเครื่องยนต์  เพราะเอาไอแก็ส ที่ได้จากห้องเปลี่ยนสถานะ ที่ถูกบังคับด้วยกลไกของวาวล์เปิดให้แก็สผ่านในปริมาณพอดีกับความต้องการรอบเดินเบาของเครื่องยนต์  จะเห็นว่าช่วงการปรับจะกว้างมาก จึงน่าจะเรียกที่ตัวปรับนี้ว่า IDLE  ถูกผิดอย่างไรก็ขออภัยด้วยครับ   
ขอแถมท้ายสำหรับหม้อต้มแก็สที่ผ่านการใช้งานมาเกือบปี หรือปีกว่าหน่อยๆ  จะมีอาการที่สร้างความงุนงง สำหรับเจ้าของรถเป็นอย่างมาก  ว่ามันเกิดอะไรขึ้น  เมื่ออยู่ๆในระหว่างที่กำลังขับรถเดินทางไกล จู่ๆเครื่องยนต์ก็ฟ่อดับกลางอากาศ  เหมือนไม่มีแก็สจ่ายให้กับเครื่องยนต์
หรือจอดรถแวะทานข้าวตามร้านอาหารนานๆ  เวลาขับรถออกมาได้ไม่ถึงกิโล เครื่องยนต์ดับเฉยเลย ต้องรีบกดสวิชมาที่ระบบน้ำมัน  พอเบิลรอบเครื่องยนต์ให้เปลี่ยนเป็นระบบใช้แก็ส เครื่องยนต์ก็ปกติ  แต่ไม่ถึงอึดใจก็ดับอีก  ต้องกดสวิชมาใช้ระบบน้ำมันต่อ  และต้องวิ่งไปสักพักใหญ่ๆ ถึงจะกลับมาใช้ระบบแก็สได้อีกตามปกติ   งงมากกับอาการที่เกิดขึ้น ผมได้พยายามหาข้อมูลนี้มาตลอดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับหม้อต้มแก็ส  และเป็นที่ส่วนไหนของระบบ
เป้าหมายแรกก็คือเจ้าตัวโซลินอยวาวล์ (ติ๊กแก็ส) โดยตั้งข้อสันนิฐานว่า ขดลวดที่พันบนแกนฟอร์มเกิดการช๊อทเทินระหว่างขด หลังจากที่ถูกใช้งานมานาน และเกิดความร้อนขึ้นในขณะใช้งาน ทำให้ไม่สามารถที่จะสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นมาได้ เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กก็ไม่สามารถดึงให้ลิ้นวาวล์ของติ๊กแก็สเปิดให้น้ำแก้สไหลผ่านไปได้  ดังนั้นก็ต้องมีการพิสูจน์ว่ามันเกิดขึ้นจริงตามที่เราคิดหรือไม่    หลังจากนั้นได้นำเอาหลีดสวิชมาติดไว้กับผนังของตัวติ๊กแก็ส ในแนวตั้ง โดยที่ปลายขาด้านหนึ่งของตัวหลีดสวิช ต่ออันดับเข้ากับหลอดไฟ 12 V 3Watt  โดยใช้ไฟบวกที่ขาติ๊กแก็ส ขาที่มีสายไฟบวกมาจาก Auto switch  ส่วนที่ปลายอีกข้างหนึ่งของหลีดสวิช ก็ต่อลงกราวด์กับตัวถังรถ หรือสายไฟขั่วลบของแบ็ตเตอรี่  โดยอาศัยหลักการที่ว่า เมื่อเราป้อนไฟให้กับติ๊กแก็ส (เมื่อเครื่องยนต์ใช้ระบบแก็ส Auto switch จะจ่ายไฟบวกมาให้ติ๊กแก็ส) ตัวขดลวดที่พันบนแกนฟอร์มของ COIL จะเกิดสนามแม่เหล็ก ดูดให้ลิ้นวาวล์เปิด  ในขณะเดียวกันสนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นนี้ ก็จะดูดก้านโลหะเล็กๆทั้งสองที่อยู่ในตัวหลีดสวิช ให้สัมผัสกัน ทำให้กระแสไฟของหลอด 12V 3Watt ไหลผ่านลงกราวด์ ทำให้หลอดไฟติดสว่าง   นั้นหมายความว่าเมื่อใดที่เราใช้ระบบแก็ส เจ้าตัวติ๊กแก็สทำงานไฟจากหลอดก็ติดสว่าง  ทำให้เราแน่ใจว่าไม่มีปัญหากับเจ้าตัวติ๊กแก็ส  หากหลอดไฟไม่ติดก็แสดงว่ามีปัญหากับตัวติ๊กแก็ส ไม่สร้างสนามแม่เหล็ก  เราก็ใช้หลักการนี้มาใช้ตรวจสอบการทำงานของตัวติ๊กแก็ส
เพื่อนๆสมาชิกท่านใดจะนำเอาวิธีนี้ไปใช้ก็ได้นะครับ เพื่อเพิ่มการตรวจสอบการทำงานของติ๊กแก็ส
หากจะติดเพื่อความสวยงามที่หน้าปัทม์รถหรือเสริมที่ตัวกล่อง Auto switch ควรใช้หลอด  LED  เพราะจะกินกระแสไฟนิดเดียว ประมาณ สิบกว่ามิลลิแอมป์ ใช้ค่า  Resistor มาต่ออันดับ เพื่อดร๊อปโวลเต็จให้เหลือ 3 Volt  สำหรับใช้กับ LED  คำนวนหาค่า resistor ได้จากสูตร R =E/I
หลังจากที่ผมได้ใช้การตรวจสอบการทำงานของติ๊กแก็ส ว่าทำงานตามปกติหรือไม่  จากกรณีข้างบนที่ผมกล่าว   ปรากฏว่ามันทำงานปกติ  ก็ต้องมองเป้าหมายต่อไป
ขออนุญาตต่อคราวหน้านะครับ หากเพื่อนๆสมาชิกอยากทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์นี้ แท้จริงเกิดที่ส่วนใด มีคำตอบคราวหน้าครับ
บันทึกการเข้า
Drager
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,371


WAZA Cover of skills


« ตอบ #29 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2009, 23:10:45 »

อ้างถึง
โดยตั้งข้อสันนิฐานว่า ขดลวดที่พันบนแกนฟอร์มเกิดการช๊อทเทินระหว่างขด หลังจากที่ถูกใช้งานมานาน และเกิดความร้อนขึ้นในขณะใช้งาน ทำให้ไม่สามารถที่จะสร้างสนามแม่เหล็กขึ้นมาได้ เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กก็ไม่สามารถดึงให้ลิ้นวาวล์ของติ๊กแก็สเปิดให้น้ำแก้ สไหลผ่านไปได้  ดังนั้นก็ต้องมีการพิสูจน์ว่ามันเกิดขึ้นจริงตามที่เราคิดหรือไม่    หลังจากนั้นได้นำเอาหลีดสวิชมาติดไว้กับผนังของตัวติ๊กแก็ส ในแนวตั้ง โดยที่ปลายขาด้านหนึ่งของตัวหลีดสวิช ต่ออันดับเข้ากับหลอดไฟ 12 V 3Watt  โดยใช้ไฟบวกที่ขาติ๊กแก็ส ขาที่มีสายไฟบวกมาจาก Auto switch  ส่วนที่ปลายอีกข้างหนึ่งของหลีดสวิช ก็ต่อลงกราวด์กับตัวถังรถ หรือสายไฟขั่วลบของแบ็ตเตอรี่  โดยอาศัยหลักการที่ว่า เมื่อเราป้อนไฟให้กับติ๊กแก็ส (เมื่อเครื่องยนต์ใช้ระบบแก็ส Auto switch จะจ่ายไฟบวกมาให้ติ๊กแก็ส) ตัวขดลวดที่พันบนแกนฟอร์มของ COIL จะเกิดสนามแม่เหล็ก ดูดให้ลิ้นวาวล์เปิด  ในขณะเดียวกันสนามแม่เหล็กที่เกิดขึ้นนี้ ก็จะดูดก้านโลหะเล็กๆทั้งสองที่อยู่ในตัวหลีดสวิช ให้สัมผัสกัน ทำให้กระแสไฟของหลอด 12V 3Watt ไหลผ่านลงกราวด์ ทำให้หลอดไฟติดสว่าง   นั้นหมายความว่าเมื่อใดที่เราใช้ระบบแก็ส เจ้าตัวติ๊กแก็สทำงานไฟจากหลอดก็ติดสว่าง  ทำให้เราแน่ใจว่าไม่มีปัญหากับเจ้าตัวติ๊กแก็ส  หากหลอดไฟไม่ติดก็แสดงว่ามีปัญหากับตัวติ๊กแก็ส ไม่สร้างสนามแม่เหล็ก  เราก็ใช้หลักการนี้มาใช้ตรวจสอบการทำงานของตัวติ๊กแก็ส
เพื่อนๆสมาชิกท่านใดจะนำเอาวิธีนี้ไปใช้ก็ได้นะครับ เพื่อเพิ่มการตรวจสอบการทำงานของติ๊กแก็ส
หาก จะติดเพื่อความสวยงามที่หน้าปัทม์รถหรือเสริมที่ตัวกล่อง Auto switch ควรใช้หลอด  LED  เพราะจะกินกระแสไฟนิดเดียว ประมาณ สิบกว่ามิลลิแอมป์ ใช้ค่า  Resistor มาต่ออันดับ เพื่อดร๊อปโวลเต็จให้เหลือ 3 Volt  สำหรับใช้กับ LED  คำนวนหาค่า resistor ได้จากสูตร R =E/I
หลังจากที่ผม ได้ใช้การตรวจสอบการทำงานของติ๊กแก็ส ว่าทำงานตามปกติหรือไม่  จากกรณีข้างบนที่ผมกล่าว   ปรากฏว่ามันทำงานปกติ  ก็ต้องมองเป้าหมายต่อไป
ขออนุญาตต่อคราวหน้านะครับ หากเพื่อนๆสมาชิกอยากทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์นี้ แท้จริงเกิดที่ส่วนใด มีคำตอบคราวหน้าครับ

ขอโทษที่ขุดขึ้นมานะคับ

อยากรู้จัง สรุปมันเป็นอะไรเหรอคับ  อายจัง  รอฟังๆ

  ว่าจะเหมือนของผมไหม ตอนนี้ผมใช้ IC ดรอบกระแสมันไว้ให้เหลือ 9v. ก่อนเข้าโซลินอยด์ ถัง ของผมมันเสื่อม ร้อนแล้วแก๊สตัด ตอนนี้ใช้งานปกติ ใช้โซลินอยด์เดิมนะคับ ลดความร้อนได้เยอะเลย แต่ตัว IC ต้องติดซิ้งค์ นะคับ ร้อนทีเดี่ยว

   จุมพิต


* zasilacz_9v_7943.jpg (16.53 KB, 738x548 - ดู 1381 ครั้ง.)

* 1013_1.jpg (10.24 KB, 130x82 - ดู 1271 ครั้ง.)

* lm7809_9443.jpg (13.5 KB, 285x254 - ดู 1457 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #30 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2009, 14:51:57 »

กระทู้นี้มันนานมากแล้ว  ผมไม่เอาผลสรุปมาเฉลย และโฮลเอาไว้อันเนื่องมาจากไม่มีผู้ใดเข้ามาแจมข้อความของผม ผมก็เลยคิดว่าคงไม่มีผู้ใดสนใจ  นั่งพิมพ์ก็เมื่อยและเสียเวลาเปล่า ก็เลยปล่อยไว้อย่างนั้น
อยากจะเฉลยพอสังเขปดังนี้ก็แล้วกัน การที่เวลาเราขับรถแล้วแวะข้างทางหรือตามร้านอาหาร เพื่อทานข้าวหรือแวะทำธุระ สักสองสามชั่วโมง  หรือระหว่างการขับรถเดินทางไปต่างจังหวัด แล้วแวะเติมแก็สที่ปั้มแก็ส  แล้วขับรถออกมาได้สักสองสามร้อยเมตร เครื่องยนต์ดับ อาการเหมือนกับว่าไม่มีแก็สมาที่ห้องมิ๊กเซอร์  พอเครื่องยนต์ดับ แล้วสตาร์ทด้วยน้ำมันเครื่องยนต์ติด เบิลรอบเครื่องยนต์ให้ออโตสวิชท์เปลี่ยนไปเป็นแก็ส  ก็วิ่งได้สองสามร้อยเมตรก็เกิดเครื่องยนต์ดับอีก
อาการนี้เป็นเพราะว่า กรองแก็สตัน อาการของกรองแก็สตันทำให้แก็สที่อยู่ในสภาวะของเหลวเป็นน้ำ ใหลผ่านกรองแก็สได้น้อย ทำให้ความดันของน้ำแก็สในท่อแก็สที่ไหลผ่านกรองแก็ส ถูกจำกัดให้น้ำแก็สผ่านช่องเล็กๆ ของผนังผ้ากรองแก็สที่ไม่อุดตัน  หลักการเหมือนตัวเอ็กแพนชั่นวาวล์ของเครื่องปรับอากาศ  เกิดการเปลี่ยนสถานะของน้ำแก็สกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็งจับบริเวณผ้ากรองแก็ส  ทำให้อุดตัน น้ำแก็สไหลผ่านไปที่ตัวของติ๊กแก็สไม่ได้ 
จึงไม่มีน้ำแก็สไหลเข้สสู่ห้องเปลี่ยนสถานะจากน้ำแก็สให้กลายเป็นไอ   เหตุการณ์นี้น้ำแข็งที่เกิดกับตัวกรองแก็สจะถูกทยอยหายไป  เมื่อหม้อต้มแก็สได้รับความร้อนจากท่อน้ำที่ต่อมาจากหม้อน้ำรถ ก็จะทำให้น้ำแข็งที่จับบริเวณผิวผ้ากรองแก็สละลายออก ทำให้น้ำแก็สไหลผ่านติกแก็สเข้าสู่ห้องเปลี่ยนสถานะจากน้ำแก็สให้กลายเป็นไอ ก็จะมีไอแก็สเข้าสู่ระบบท่อมิ๊กไปจ่ายให้กับเครื่องยนต์  กรองแก็สที่ส่ออาการอุดตัน จะทำให้อัตราเร่งของเครื่องยนต์ไม่ตอยสนองหรือเครื่องยนต์สะดุดได้ในรอบความเร็วสูงๆ  บางท่านอาจจะถามว่าแล้วเวลาแวะเติมแก็สข้างทางแล้วขับรถออกมาได้หน่อยเดียวเครื่องยนต์ก็ฟ่อดับเอาดื้อๆ ก็เพราะว่าเวลาเติมแก็สเต็มถัง ก็จะยิ่งมีความดันที่เกิดขึ้นภายในถังยิ่งสูงขึ้น ความดันนี้จะถูกดันไปที่กรองแก็ส ที่อุดตันน้ำแก็สไหลไม่สะดวก เกิดเป็นฟอยกระจายเหมือนกับที่หัวของเอ็กแพนชั่นวาวล์ของแอร์ ก็จะเกิดความเย็นจัดเป็นเกล็ดน้ำแข็งขึ้นง่าย  ทั้งนี้เพราะกรอวแก็สตันครับ  ก็ตอบแบบรวบรัดตามที่กล่าวก็แล้วกัน คงไม่ต้องอธิบายองค์ประกอบอื่นๆเสริมอีก...srithanon
บันทึกการเข้า
Drager
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,371


WAZA Cover of skills


« ตอบ #31 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2009, 15:10:28 »

   ขอบคุณ คับเข้าใจแล้วคับ แก๊ส นี่มันปัญหาเยอะเหมือนกันนะคับ พอใช้ไปนานๆเข้า จะไล่หาจุดสาเหตุก็ ยากเหลือเกิน จะเข้าร้านแก๊ส เดี่ยวก็โดน จับเปลี่ยนตลอดไม่มีการซ่อม เอาง่ายเข้าว่า ต้องมานั่งคิดเองว่าจะซ่อมยังไง ไล่ตรงไหนก่อน ดีนะคับที่ใช้ระบบดูด ถ้าเป็นระบบ หัวฉีด คงหมดปัญญา  :'(

   คุณ srithanon คับความรู้เยอะทีเดี่ยวคับ กระทู้นี้ จุมพิต น่าจะย้ายไปห้องพลังงานทางเลือก คับ  เจ๋ง
บันทึกการเข้า
chanin408
เข้าวงการ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 19


« ตอบ #32 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2012, 08:10:54 »

กระทู้ดีมีสาระมากค่ะ เพิ่งเป็นสมาชิกใช้ Civic Eg ปี92 เครื่อง D15b เกียร์ออโต้ หัวฉีด แต่ติดแก๊สระบบMix. เหมือนกันค่ะ(เจ้าของรถเดิมเค้าติดมาแล้ว)  ซื้อต่อมาเมื่อกลางปี 54 ค่ะหม้อต้มเป็นของญี่ปุ่น ไม่รู้ยี่ห้ออะไรคุณป๊าเพิ่งเปลี่ยนให้ใหม่ ตอนนี้ก็ขับได้ปีกว่าแล้วมีปัญหาเรื่องกรองแก๊สตันเหมือนกันค่ะวิ่งแล้วดับ ต้องเปลี่ยนไส้กรอง คิดจะเก็บตังค์เปลี่ยนระบบแก๊สเป็นหัวฉีดเหมือนกันค่ะเห็นสมาชิกหลายท่านเชียร์ว่าดีกว่าระบบหม้อต้ม เก็บตังค์ๆๆ  เพิ่งมีปัญหาเมื่อวานเอารถไปเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ปรากฎว่าตัดเข้าแก๊สแล้วดับค่ะ ให้ช่างจูนเท่าไรก็ดับ เลยใส่ไส้กรองเดิมไปก่อน ไว้ขับกลับบ้านคลองหกค่อยให้ป๊าดูให้อีกที  เฮ้อ เหนื่อย...  อายจัง
บันทึกการเข้า
srithanon
เจ้ายุทธภพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,135


« ตอบ #33 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2012, 11:07:53 »


ขอบคุณครับ  ที่ยังจำคำถามที่ผมยังไม่ได้เครียร์     และนำเอากระทู้นี้กลับมาอีกครั้ง  นานมากกับกระทู้นี้

ขอตอบคำถามในกรอบกระทู้ที่คุณยกมาอ้าง .....     ปัญหาที่เวลาขับรถเดินทางออกไปทำงานแล้ว บางครั้งที่อยู่ในระหว่างเดินทางเครื่องยนต์ก็ดับลงไปเฉยๆ  หรือบางครั้งในระหว่างเดินทางแวะเข้าปั้มจอดเติมแก็สระหว่างเส้นทาง  (ไม่เกิน 5-10 นาที )  เวลาขับรถออกจากปั้มแก็ส ได้ไม่ถึงสองสามกิโลเมตร  เครื่องยนต์ก็ดับลงเฉยเลย   และอีกกรณีหนึ่งเวลาขับรถเดินทางไปทำธุระ  จอดรถแวะทานอาหารหรือในงานเลี้ยง  พอเลิกงานขับรถกลับ(ใช้แก็ส)  พอขับมาได้สองสามกิโลเมตร  เครื่องยนต์ก็ฟอสดับลงไปเฉยๆ   ต้องสตาร์ทด้วยน้ำมันใหม่  พอเปลี่ยนเป็นแก็สก็ขับไปได้ไม่ถึงกิโลเมตร ก็ดับอีก    ต้องสตาร์ทวิ่งด้วยน้ำมันสักระยะหนึ่ง(เกือบครึ่งชั่วโมง)  แล้วสลับมาใช้แก็สใหม่ก็จะวิ่งได้ปกติ   

อาการที่เกิดขึ้นนี้เสือบเนื่องมาจาก  หม้อต้มแก็ส(ไม่ใช่มาจากสาเหตุจากกรองแก็สตัน)  เพราะถ้าหากกรองแก็สตัน  จำทำให้ บริเวณโลหะที่ครอบกรองแก็สเกิดความเย็นจัด มีฝ้าน้ำแข็งจับ  เพราะการที่กรองแก็สตัน  หมายความว่า น้ำแก็สไหลผ่านได้น้อย ทำให้แรงดันของน้ำแก็สที่มาจากถังแก็สพยายามไหลผ่านแผ่นกรองออกมา  แต่ออกได้น้อย ทำให้เป็นฟอยละอองของน้ำแก็ส   ซึ่งตรงนี้เป็นหลักการเดียวกับของตัวเอ้กแพนชั่นวาวล์ ในระบบแอร์  ที่ทำให้เกิดนำเอาความร้อนแฝงออกจากชิ้นโลหะที่อยู่ในจุดนั้น  ทำให้เกิดความเย็นจัด เป็นเกล็ดน้ำแข็ง  เกล็ดน้ำแข็งที่เกิดขึ้นนี้ไปอุดทางเดินของน้ำแก็สที่จะไหลผ่านวาวล์ของติกแก็ส  ไปยังห้องเปลี่ยนสถานะ    ทำให้ไม่มีแก็สจ่ายให้กับเครื่องยนต์  เครื่องยนต์ก็ดับ

ที่ผมบอกว่ามาจากหม้อต้มแก็สเพราะว่า   ในระบบน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ที่ได้นำเอาน้ำร้อนจากหม่อน้ำรถไปเข้าห้องต้ม  ของหม้อต้มแก็ส  มีการรั่วซึมของอากาศภายนอก  จากจุดรอยรั่วตามข้อต่อของท่อยาง และส่วนอื่นๆในระบบน้ำหล่อเย็น  ทำให้มีอากาศเข้าไปแทนที่ระบบน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์
อากาศที่เข้าไปแทนที่น้ำนี้  อากาศจะพยายามที่จะลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ  เพื่อจะหาทางออกไปจากระบบปิดของระบบทางเดินน้ำหล่อเย็น  ดังนั้นจะเห็นว่า หม้อต้มแก็สติดตั้งอยู่สูงกว่าตัวเครื่องยนต์   อากาศมันก็หาทางดันออกไปที่จุดสูงสุดของระดับน้ำหล่อเย็น    เนื่องจากว่าในห้องต้มแก็สในหม้อต้ม  เกิดการรั่วซึมขึ้นมาพร้อมกันกับการรั่วของระบบน้ำหล่อเย๋นของเครื่องยนต์     อันมาจากการใช้งานมานานของหม้อต้มแก็ส   ทำให้แผ่นยางที่ใช้กันน้ำและถ่ายเทความร้อนไปยังห้องเปลี่ยนสถานะน้ำแก็สเป็นไอแก็ส  แข็งและหดตัว  มีการรั่วซึมของน้ำออกไปได้   ทำให้อากาศที่พยายามหาทางออกไปจากระบบปิดของระบบน้ำหล่อเย็น  ถือโอกาสเอาความร้อนในห้องต้มออกไปได้วย   ทำให้อุณภูมิความร้อนในห้องเปลี่ยนสถานะลดลง  จากสองกรณี กรณีแรก แผ่นยางในห้องต้มหดตัวกรอบแห้งและมีรอยรั่วน้ำซึม  ทำให้ผิวเรียบของแผ่นยางที่แนบกับโลหะ  ที่ใช้เป็นตัวทรานเฟอร์ความร้อนไปยังห้องเปลี่ยนสถานะ  ทรานเฟอร์ความร้อนจากน้ำไปได้น้อย
กรณีที่สอง   เมื่อน้ำซึมออกตามแผ่นยางในห้องต้มของหม้อต้มแก็ส  ทำให้อากาศที่ถูกดูดเข้ามาก็หาทางออก  ดันออกไปข้างนอกพร้อมกับนำเอาความร้อนในห้องต้มออกไปด้วย   ถือว่าเป็นสองเด้ง  ที่ทำให้อุณหภูมิในห้องเปลี่ยนสถานะน้ำแก็ส มีอุณหภูมิความร้อนไม่ถึงจุดกำหนดของการเปลี่ยนสถานะ    เป็นผลให้ปริมาณน้ำแก็สที่กลายเป็นไอแก็สมีไม่พอกับรอบเครื่องยนต์  โดยเฉพาะรอบอัตราเร่ง   หากอยู่ที่รอบเดินเบาจะไม่ดับ  พอเร่งเครื่องได้สักพักแก็สก็จะไม่พอ  ทำให้เครื่องยนต์ดับ

อาจจะมีคำถามต่อไปว่า   แล้วระหว่างที่ขับรถเดินทางไกลเมื่อแวะหยุดทานอาหารหรือเติมแก็ส  เวลาวิ่งออกจากปั้มแก็สไปได้สักกิโลสองกิโลเมตร ทำไมถึงดับกลางทางเมื่อใช้แก็ส    เพราะว่าในขณะที่ดับเครื่องยนต์ในการเติมแก็สหรือแวะทานอาหาร  ทำให้น้ำในระบบน้ำหล่อเย็น   มีสูญญากาศเกิดขึ้น   ปกติแล้วเมื่อระบบน้ำหล่อเย็นเกิดสุญญากาศ  มันจะดูดน้ำจากหม้อพักน้ำ  มาเข้าที่หม้อน้ำ     แต่ในกรณีที่เกิดมีการรั่วของระบบน้ำ  ทำให้มันดูดอากาศจากรอยรั่วเข้ามาแทนการดูดจากหม้อน้ำ  เพราะดูดเอาเข้ามาง่ายกว่า   ผลที่มีอากาศเขข้ามาแทนที่ในระบบน้ำหล่อเย็นในบางส่วน   ก็มีผลตามที่ผมกล่าวข้างบนนี้แล้ว

สำหรับเรื่องการลดโวลเต็จของตัวแม็คเนติควาวล์    ลงมาเหลือ 9 Volt  ทำให้มีการลดกระแสในขดลวดแม็คเนติคลงไปด้วย  ทำให้ตัวแม็คเนติคไม่ค่อยร้อน  และมีอายุการใช้งานเพิ่มขึ้น   ถึงแม้ประสิทธิภาพจะลดลงไปบ้าง  ก็ไม่มีปัญหา  หากมันยังทำงานได้ปกติ      ปกติที่ โวลเต็จ 9-12 Volt   การสร้างสนามแม่เหล็ก ก็ไม่ต่างกันมากนัก    แต่อย่าลดลงมาต่ำกว่า  7-8 Volt  จะทำให้เกิดสนามแม่เหล็กของตัวแม็คเนติคน้อยลง  จนไม่สามารถดึงกระเดื่องวาวล์ได้    ครับ….srithanon
บันทึกการเข้า
dirtyshoes
จอมยุทธ
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 338



« ตอบ #34 เมื่อ: 27 กรกฎาคม 2012, 11:47:26 »

ผมว่ามันยังสภาพดีกว่าของผมอีกนะ


* file2.jpg (113.45 KB, 500x375 - ดู 668 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Discuss => ห้องคนขับ  |  หัวข้อ: มาดูกันให้ชัดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหม้อต้มแก็สถูกใช้งานมาเกือบสองปี
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |