anodite_studbar
เจ้าสำนัก
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 902
I love my CIVIC.
|
|
« ตอบ #40 เมื่อ: 27 สิงหาคม 2006, 23:09:45 » |
|
หายไปนานเลยครับ พอดีไม่ค่อยว่างติดงานอ่ะคับ เลยมะได้อัพ วันนี้มาUpกันหน่อยครับ เรื่องการสตาร์ท ตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้วครับ สตาร์ทน้ำมันแล้วswitchเป็นแก็ส หรือสตาร์ทด้วยแก็สเลย ติดดีครับ อาจจะมีบางครั้งที่ยาก แต่รวมๆสตาร์ทง่ายครับ อัตราสิ้นเปลืองกับความเร็วสูงสุดที่ทำได้หลังจากรายงานไปล่าสุดได้ที 1.47 ก็ได้มีการจดมาเรื่อยๆ มากบ้างน้อยบ้างอยู่ที่การจราจร ที่ได้ก็มี 1.66,1.73,1.59 บาทต่อโลพอดีวันนี้มีโอกาสได้เดินทางไปต่างจังหวัดก็เลยลองดูสักกะหน่อย ความเร็วสูงสุดที่ได้คือ 150 กม/ชม แต่ช่วง 140-150 จะอืดหน่อย แต่150ก็อั้นแล้ว แต่คิดว่าน่าจะกดได้แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวเป็นไรขึ้นมาแย่เลย ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 130-150 กม/ชม คราวนี้ผลที่ได้ว่าโลนึงใช้กี่บาท ผลจากการคำนวนออกมาคือ 1.37 บาทต่อโล ซึ่งสำหรับผม ผมคิดว่าพอใจนะครับ เพราะว่าในเมืองกินกว่านี้และความเร็วที่ทำก็ได้อย่างที่หวัง (จริงถ้าขับแบบ 90-110น่าจะได้มากกว่านี้ แต่ผมอัดดูอ่ะคับ) และเทียบกับตอนใช้น้ำมัน น้ำมันแพงกว่าเยอะครับ คิดเป็นสามบาทกว่าต่อโล ยังไงก็คุ้มครับ สำหรับคนที่กำลังคิดว่าจะติดแต่กลัวว่าเครื่องจะเสีย ถ้าคุณประหยัดจากน้ำมันแล้วเอาเงินนั้นมาบำรุงดีๆก็น่าจะใช้งานได้อีกนาน รถเราไม่ได้ใช้แบบแท็กซี่ เพราะว่าแท็กซี่วิ่ง24ชม และที่สำคัญ น้ำมันเครื่องต้องเป็นสังเคราะห์ ถึงจะทำให้เครื่องลื่นขึ้นและรักษาเครื่องไปในตัว ส่วนอื่นๆ คงไม่มีอะไรครับ ติดก่อนคุ้มก่อนนะครับ รอไปติดตอนแก็สลอยตัว คราวนี้จะเสียใจว่าทำไมไม่รีบติดตั้งแต่ตอนแรกครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 902
I love my CIVIC.
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2006, 00:00:45 » |
|
ครับหายไปนานทีเดียว รายงานผลต่อดีกว่าครับ หลังจากใช้ไปได้สักพักนึงก็เริ่มเกิดปัญหาครับ คือรอบเดินเบาไม่นิ่ง บทรอบจะสูงก็สูงซะเลย บทจะต่ำก็ต่ำซะเกือบดับ ตอนแรกที่เกิดปัญหาก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าขับได้ก็ขับ แต่ว่าคราวนี้ไม่ไหว ก็เลยให้อู่เก่าจูน คราวนี้อย่างที่เคยบอกไปคือการจูนรอบให้สูงขึ้นโดยยกปีกฝีเสื้อ(อยู่ที่ก่อนไอดี) ขอบอกเลยว่าวิธีนี้ไม่ควรทำอย่างยิ่ง สาเหตว่าทำไมไว้เดี่ยวจะเล่าให้ทีหลัง คราวนี้ก็เล่าต่อ ก็เริ่มงุงิว่าทำดีหว่า เริ่มรวนไปกันใหญ่ กินแก็สก็เริ่มแปลกๆ การวิ่งก็แปลกๆ เคลียดมาก คราวนี้ไม่เอาเข้าไปอู่เก่าแล้วครับ ผมก็เลยลองไปศึกษาที่ www.gasthai.com เสร็จแล้วก็ลองอ่านๆกระทู้ที่เกี่ยวกับซีวิคที่ติดแก็ส ก็อ่านไปเรื่อยๆแบบเจาะลึกกว่าเก่า ปัญหาที่เจอ(ระบบมิกเซอร์แบบของผม)คือ รอบเดินเบาไม่นิ่ง ไฟเอ็นจิ้นโชว์ Backfire คราวนี้ก็เริ่มเจาะลึกไปเรื่อยๆก็เจอว่า มีอุปกรณ์อยู่ตัวนึงที่ทำหน้าที่เหมือนพาวเวอร์วาวล์(ปรับทางเดินแก็สเข้าเครื่อง)แต่มีกล่องคุมซื่งชื่อเรียกคือ Stepping Motor หรือ Lamda มาคราวนี้ก็เลยอ่านว่าจริงๆแล้วมันทำหน้าที่อย่างไร เท่าที่ได้จากในเวปคือ เหตุและผลที่มีการติดตั้ง Lambda & Stepping motor พอกล่าวได้ดังนี้ การติด Mixer ในระบบดูด ธรรมดา 1. มีการจูนหลายครั้ง เพื่อปรับแต่งส่วนผสมอากาศ+แก๊ส 2. อาจมีการเกิด Backfire ได้ การติด.ในระบบ Lambda & Stepping motor 1.ไม่ต้องมีการจูนบ่อย (ครั้งเดียวจบ) เพราะ Program computor จูน 2.อัตราส่วนผสมที่ดี เพราะ Copy กล่อง ECU น้ำมันมาใช้กับ ECU แก๊ส ทำให้การจ่ายแก๊สแม่นยำ โดยเจ้า Stepping motor เป็นตัว Control อัตราส่วนผสม Gas + O2 3.การเกิด Backfire น้อยมากๆๆๆ บางเหตุผลก็เพื่อ เลียนแบบวิธีการผสมไอดีแบบตอนเป็นโหมดน้ำมันครับ บางเหตุผลก็แบบนี้คือ อัตราเร่งดีขึ้น อัตราสิ้นเปลือง ประหยัดขึ้น (ซึ่งต้องขอขอบคุณสำหรับข้อมูลตรงนี้มากๆเลยครับ) คราวนี้ก็ว่ากันต่อ ก็เลยลองหาไปเรื่อยๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็มีหลายคนในเวปที่ติดตัวนี้ แต่ผมต้องการช่างที่เกี่ยวกับซีวิคโดยตรง ก็ไปเจออยู่ในกระทู้นึง (ซึ่งจะบอกชื่อตอนสุดท้ายอีกทีครับ) ผมก็เลยโทรไปคุยกับเขาและเล่าอาการที่รถผมเป็นให้เขาพัง ซึ่งตอนแรกเขาก็บอกผมว่าทำไมไม่ติดหัวฉีดไปเลย ผมเองก็ตอบไปตรงๆว่าเราอยากที่จะประหยัดและก่อนหน้านี้ผมก็เอารถไปติดอู่เดิมก็ไม่มีปัญหาอะไรก็เลยเอารถผมไปติด และเขาก็ได้เล่าต่อมาว่าซีวิครุ่นนี้ต้องยอมรับว่าจูนยาก รอบเครื่องไม่นิ่ง เกือบทุกคัน ที่ไม่ได้ติดหัวฉีดมา ก็ควรใส่Stepping Motor ผมก็ตัดสินใจได้สักวันสองวัน คิดว่าดีกว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่น ผมก็เลยโทรไปนัดเขาโชคดีที่ร้านเขาวันนั้นว่างพอดี ต้องบอกเลยครับว่าไกลจากบ้านผมพอสมควร แต่เมื่อเราต้องหามืออาชีพในรุ่นนี้ ผมก็ต้องไปครับ พอไปถึงร้าน สิ่งหนึ่งที่เห็นคือ รถฮอนด้าเต็มไปหมด(ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเขาคลุกคลีฮอนด้ามาพอสมควร เรียกว่าช่างซ่อมเฉพาะทางก็ได้) นี่ก็เป็นรูปร้านที่ผมไปมา หลังจากนั้นผมก็คุยกับเขาแล้วให้เขาใส่stepping motor ซึ่งผลที่ออกมาคือหม้อต้มผมมีปัญหา หม้อต้มผมเป็นของเกาหลี(ไม่รู้ยี่ห้อ) ปัญหาคือเวลาจูนบางก็บางไป หนาก็หนาไป เวลาใส่stepping motorแล้วจูนที่notebookมันฟ้องเลยครับ ก็จูนได้สักพักจนนิ่ง เขาก็ลองบอกว่าให้เอาไปใช้ก่อน แต่ว่าหม้อต้มนี้คิดว่าไม่เหมาะกับรถรุ่นนี้(ซึ่งผมก็เห็นด้วย) ผมก็ลองดูได้สักวันสองวัน ปรากฎว่ารอบเดินเบายังมีอยู่และอยู่ดีๆดับไปเฉยๆ ผมก็เลยกลับเข้าไปให้เขาจูนอีกรอบ ซึ่งเขาก็จูนจนเครียดพอสมควรแต่ผมก็บอกว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วเปลี่ยนหม้อต้มใหม่แล้วกันจะได้จบๆไปเพราะเบื่อกับปัญหาเดินเบาไม่นิ่ง แต่เขาบอกว่าเขาอยากลองก่อนถ้าได้ก็ดีไปจะได้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ลองไปเกือบสองชั่วโมง ปรากฎว่าเป็นอย่างที่ผมคาดไว้คือต้องเปลี่ยนหม้อต้ม ซึ่งหม้อต้มใหม่ชองผม ผมเลือกของโตมาโซโต๊ หลังจากที่เปลียนเสร็จผมก็ให้เขาดูที่มิกเซอร์ของผม ว่ามิกซ์เท่าไร ซึ่งอู่เก่าเขาใส่ให้ผม 22 มิลฯ เขาก็เลยเปลี่ยนให้เป็น 26 มิล และก็ลองจูนไปจูนมาก็นิ่งได้ในระดับนึง เขาก็บอกว่าให้ผมลองกลับไปใช้ดูอีกที เพราะว่าจูนบางทีไม่ใช่ครั้งเดียวจะได้ที่ อาจจต้องมีอีกสักครั้งสองครั้ง ผมก็ลองกลับไปใช้ดู แต่เท่าที่สังเกตคือมีปัญหาเรื่องรอบนิดหน่อย ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่เบาดับไม่เป็น ก็ลองไปได้อีกสักพักก็กลับไปให้เขาดูอีกรอบ ซึ่งผมลืมบอกเขาไปว่าผมได้มีการยกปีกผีเสื้อก่อนที่จะมาทำที่นี้เพี่อให้รอบสูงขึ้นจะได้ไม่ดับ ซึ่งเขาก็ตกใจและบอกว่าการทำแบบนี้นไม่ดี เพราะปีกผีเสื้อรุ่นนี้ใช้กล่องคุม เมื่อตำแหน่งของมันเปลี่ยนจากเดิมค่าก็เปลี่ยน กล่องมันก็พยามให้ได้ค่าเดิมที่มาจากโรงงาน เมื่อไม่ได้มันก็พารวน เผลอๆจะเข้าsafe modeเอาดื้อๆ หลังจากนั้นเขาเองก็เลยเอาปีกผีเสื้อออกมาล้างทำความสะอาดและตั้งให้ได้ค่าปกติ(ที่ใกล้เคียงกับโรงงานที่สุด) และก็ใส่ลงไป คราวนี้เมื่อปีกผีเสื้อกลับสู่ตำแหน่งเดิม การจูนใหม่ก็ต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากค่ามันต้องเปลี่ยน ซึ่งเขาใช้เวลาจูนไปพอสมควร เพื่อให้แน่ใจว่ารอบเดินเบานิ่ง ไม่ดับกลางทาง ไม่Backfire ไฟเอ็นจิ้นไม่โชว์ แล้วเขาก็จูนให้ผมจนสำเร็จ ผมก็ลองกลับเอามาใช้งานอีกครั้งนึง ผลที่ได้คืออาการเบาดับ ดับกลางทาง ไฟเอ็นจิ้นโชว์ Backfire ไม่เกิดขึ้นครับ และผลที่น่าดีใจอีกสองอย่างคืออัตราเร่งและการกินแก็ส เอาเรื่องอัตราเร่งก่อน หน้านี้ต้องค่อยพะวงว่าจะเร่งแซงไหวหรือเปล่า ตอนนี้ไม่เป็นแล้วครับ นิ่มขึ้น รอบนิ่งขึ้น(อาจจะมีหนืดๆหน่อยในตอนแรกๆที่ออกตัว) แต่ถ้าปลายแล้ววิ่งเหมือนน้ำมันเลยครับ คราวนี้ก็มาเรื่องอัตราการกินแก็ส(แก็สยังไม่หมดถัง คำนวนที่วิ่งไป 202กิโลเมตร) กินอยู่ที่ 1.28 บาท/กม (ซึ่งการวิ่งของผมมีทั้งวิ่งเร็วบ้าง ช้าบ้าง รถติดบาง ทางยาวบ้าง ทางสั้นบ้าง ) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เต็มที่ก็แค่ 1.40 กว่าแค่นั้นเองแถมยังไม่ค่อยวิ่งด้วย(ซึ่งก่อนหน้านี้ระยะทางเท่าๆกัน) คราวนี้ก็มาถึงตำแหน่งการติดหม้อต้มใหม่กับStepping Motor ถ้าได้ดูจากรูปในตอนแรกๆ(ประมาณหน้า1)ให้สังเกตมุมขวาใกล้กับกระบุกน้ำมันพาวเวอร์ให้ดีเดิมจะอยู่ดำแหน่งตรงนั้นซึ่งการว่างก็อยู่ตำแหน่งที่ออกเฉียงๆหน่อย และนี่ก็อีกความรู้นึงที่ผมได้คือ การวางหม้อต้ม ต้องว่าขนาดกับรถไม่ควรวางควางหรือทะแยง ทำไมหรอ ก็เพราะว่าในหม้อต้มจะมีแผ่นไดอะเพรมซึ่งกั้นอยู่เป็นห้องๆ เมื่อรถวิ่งก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าเราเบรกและต่ำแหน่งการวางแบบควางหรือทะแยงจะทำให้แผ่นไดอะเพรมนี้เคลื่อน ทำให้หม้อต้มไม่นิ่ง ซึ่งผมก็เพิ่งรู้ก็ตอนเปลี่ยนหม้อต้มและก็เลยย้ายตำแหน่งให้มาอยู่ที่ใต้ท่อแอร์ และอีกความรู้นึงคือหม้อต้มยิ่งใกล้stepping motorหรือpower valveและใกล้มิกเซอร์ยิ่งดี ทำไมหรือครับ ก็ระยะทางของแก็สที่วิ่งไปจากหม้อต้มน้อยลงทำให้แก็สผ่านใกล้stepping motorหรือpower valveและเข้าไปสู่มิกเซอร์อย่างเร็วทำให้ต่อเนื่องไม่เกิดการสะอึกขึ้นครับ และนี่คือรูปหลังเปลี่ยน อันนี้คือตัว Stepping Motor (หรือเรียกง่ายๆว่าพาวเวอร์จูนด้วยกล่องจากคอม) อันนี้คือหม้อต้มใกล้ๆStepping Motor อยู่ใต้ท่อแอร์ ครับที่เล่ามาทั้งหมดนี้ผมต้องออกตัวก่อนนะครับ ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับอู่เขา ผมเพียงแค่อยากเอาความรู้ที่เกียวกับการติดแก็ส ปัญหาหลังจากติด วิธีแก้ ที่ผมเจอและแนวทางต่างๆมาให้เพื่อนๆที่อยู่ในซีวิคคลับด้วยกับเพื่อไปแนวทางศึกษาว่าควรติดหรือไม่อย่างไรคุ้มไหม ต้องยอมรับว่าสมัยนี้เล่นรถค่อนข้างดีกว่าสมัยก่อน เมื่อก่อนผมเล่นรถ ไม่มีเวปไม่มีคลับ กว่าจะคลำทาง หาของแต่ง ก็โดนพวกเอาแต่กำไรขายของซะแพง เข็ดจนไม่อยากแต่งไปเลย และเดี๋ยวนี้ทางเลือกค่อนข้างกว้างและราคาไม่แพงเหมือนก่อน ที่สำคัญคือการบริการและคุณภาพของสินค้าว่าเป็นอย่างไร ขอให้ดีใช้ได้ไม่แพง รับรองรุ่งครับ สำหรับคนที่จะติดต่อหรือให้เขาแก้ไขก็โทรไปได้ตามเบอร์ที่อยู่ในรูปนะครับ สำหรับชื่อ คุณพากษ์ หรือ คุณยุทธ ก็ได้ทั้งสองคนครับ ลองโทรไปคุยกับเขาถ้ารถมีปัญหา จะทำหรือไม่อยู่ที่คุณตัดสินใจเองครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
e22bkw
$[^_^ ]$ ต้นครับ! $[ ^_^]$
Gold Member
อาจารย์ปู่
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 3,175
CIVIC ALUMNI
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: 26 ตุลาคม 2006, 09:17:37 » |
|
อยากติดบ้างจัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 902
I love my CIVIC.
|
|
« ตอบ #68 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2006, 00:31:01 » |
|
วันนี้ผมมาเพิ่มเติมสองเรื่อง เรื่องแรกเรื่องSwitch Gas จากเดิมที่เป็น Mannual (ถ้าอ่านมาแต่ต้นจะรู้ว่ากว่าจะเปลี่ยนก็เอาเรื่องเหมือนกัน)ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้แบบ Auto แล้วนะครับ เป็นของ Hana และก็ได้ความรู้มาอีกอย่างนึงคือ ไม่ใช่ว่าจะเอา Switch Auto มาติดกันง่ายๆ ต้องดูด้วยว่าถังแก็สใช้แบบไหน เพราะถ้าไม่ยังงั้นระดับเกย์แก็สจะไม่ตรงกับถังครับ และงานติดตั้งที่ออกมา ถือว่าน่าพอใจพอสมควรครับ (ร้านนี้เป็นร้านเดิมที่ผมเอามาแก้งานกับเขาครับ) เรื่องที่สองคือเรื่องGround Wire ถ้าคุณดูตั้งแต่แรกๆ คุณจะสังเกตเห็นผมติดGround Wireมาก่อนซึ่งไม่เหมือนกับรูปที่ผมจะเอามาให้เพื่อนๆดูกัน เรื่องมีอยู่ว่าพอดีช่วงที่แก็สมันรวน ผมให้ร้านใหม่เขาแก้งาน ตอนนั้นงุงิ แก็สก็มีปัญหา Ground Wire ก็ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ ผมก็เลยถอดออกยกชุด (อันนี้ต้องบอกก่อนว่าแบบเก่าติดมา5จุดแบบไม่มีความรู้เรื่องนี้) พอดีเมื่อวานผมไปหาลูกค้าและผมได้รู้จักคนในViosคลับว่าคนนี้ติดGround Wireดีและเห็นผล ผมเองก็นึกอยากจะลอง (เพราะก่อนหน้านี้ติดมาไม่เห็นผลอะไรเลย)ก็เอาน่า เงินก็ไม่เท่าไร อยากลองดูว่าจริงอย่างที่ลูกค้าผมบอกหรือเปล่า ผมก็ลองไปให้เขาติด Ground WireของCivic ESนี้เขาจะไม่มีสำเร็จ เขาต้องวัดรถนะตอนที่ติดตั้งเลย ซึ่งใช้เวลาพอสมควร(ประมาณช่วงกว่าๆ พอดีบ้านเขาอยู่ใกล้ๆCentral รัตนาธิเบต ผมก็เลยถือโอกาสไปเดินเล่นซะเลย อิอิ) ซึ่งผมให้เขาติดGround Wire พร้อมด้วย Volt Stabilizer ซึ่งตัว Volt นี้เขาทำเองนะครับ(เก่งจริงๆ) ซึ่งจุดที่เขาติดมีทั้งหมดแปดจุดได้แก่ 1. ลิ้นปีกผีเสื้อ (อันนี้ผมให้ร้านแก็สใส่วันนี้เพราะว่าพอดีจะใส่Swith Auto ต้องรื้อยาว เขาเลยให้สายมาด้วย ถ้าไม่งั้นเขาก็ติดให้ได้ครับ) 2. เสื้อสูบ 3. ฝาสูบ 4. Firewall 5. คานหน้า 6. ไดชาร์จ 7. คอมแอร์ 8. รางหัวฉีด (จุดต่ออันนี้จะต่อไปถึงจุดลิ้นปีกฝีเสื้ออีกเส้นนึงจั้มกันครับ) หลังจากติดเสร็จก็Startเครื่องดู(เขาบอกว่าบางคนติดแก็สมา จะรวนตอนแรก ต้องเอาไปที่ร้านจูนหลังติดGround Wire แต่ของผมไม่เป็นครับ และจุดรางหัวฉีดกับจุดปีกฝีเสื้อผมมาใส่ทีหลัง) ผลที่ได้วิ่งดีขึ้นครับ ปกติมันจะออกนืดๆหน่อยเวลาใช้แก็ส แต่ก็เห็นทันตาจริงๆครับ และพอดีวันนี้เอาไปทำSwitchแล้วก็เลยเอาสายที่บอกไปให้เขาใส่ให้ หลังจากทำเสร็จก็กลับ ลองวิ่งดู ต้องบอกว่าเหมือนน้ำมัน เผลอๆดีกว่าน้ำมันครับ ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจ นึกว่าผมอาจจะเหยียบหนักไปป่าว แต่ดูความเร็วก็เป็นปกติที่เคยวิ่ง แต่ทำไมมันแรงขึ้น และผมก็ได้มีโอกาสลองบนทางด่วน ซึ่งก่อนหน้าใส่ตัวนี้จะทำความเร็วให้ถึง 100 กม/ชม นี่ยากมาก แต่วันนี้งงเลยครับ แป็บเดียว แล้วความเร็วก็เร่งขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ พอดีจังหวะรถเยอะเลยไม่ได้ลองความเร็วสูงสุด ไว้มีโอกาสมาโพสบอกกันอีกทีนะครับ ก็ไม่มีอะไร แค่อยากเอาความรู้ ประสบการณ์ที่เจอมาแชร์เพื่อนๆก็เท่านั้น สำหรับเรื่องที่สอง บางคนอาจจะเห็นผล บางคนอาจจะไม่เห็นผล ก็ขึ้นอยู่ที่วิจารณญานในการตัดสินใจนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมมาโปรโมทให้เขา ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเขา แค่อยากเอาสิ่งดีๆมาให้เพื่อนๆได้ชมกันครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 902
I love my CIVIC.
|
|
« ตอบ #73 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2006, 23:49:34 » |
|
วันนี้มีเพิ่มเติมหลายเรื่องเลยครับ หลังจากที่หายไปหลายวัน เนื่องจากถังแก็สเป็นระบบวาวล์แยกซ้ายขวา ไม่ใช่ระบบมัลติวาวล์(ระบบนี้จะมีตัวตัดแก็สในตัวเมื่อเกิดอุบัติเหตุ) เราก็ได้ความรู้จากคนรู้จักกันว่าใครจะใส่นะ จริงๆผมเองก็ยังลังเลอยู่ แต่ก็เพื่อความปลอดภัย ผมก็เลยใส่เพิ่มไป อันนี้เป็นรูปก่อนใส่ซีลินอยตัดแก็ส รูปนี้หลังใส่แล้ว อันนี้ซูมใกล้ๆให้เห็น(ตัวที่เป็นสีทองอยู่บนเกย์วัดแก็ส) (วันที่ถ่ายเป็นวันนี้ แต่ติดมาหลายวันก่อนครับ รู้สีกว่าหลังติดauto switchแก็สได้สักอาทิตย์มั้งครับ) หลังจากติดเสร็จก็มาดูเรื่องตัววัดแก็สที่ถังแก็สครับ มันไม่ตรงกับ auto switch ก็ไม่ได้สนใจอะไร นึกว่าไม่มีปัญหาอะไร ก็กลับไปใช้งานปกติ ปรากฎว่าวิ่งไปหลายวัน วิ่งไปสองร้อยกว่าโล auto switch ไม่ตรง กำเลยครับ ติดมาตั้งหลายตัง ดันไม่ตรง ก็เลยกลับไปให้ที่ร้านเขาดู เปลี่ยนชุดใหม่ก็แล้วก็ไม่ตรง คราวนี้สงสัยก็เลยเปลี่ยนเกย์วัดแก็สที่ถังปรากฎว่าใช้ได้ เสร็จก็ลองติดลงไปใหม่ ใช้ไปอีกทีคราวนี้หมดเกือบหมดถังแต่ที่เกย์วัดแก็สที่ถังและauto switch มันอยู่ที่ 40% (ทั้งที่ก่อนหน้านี้กิโลที่เคยจับไว้ ถ้าในเมืองต้องประมาณไหน ผมจะจำได้) ผมก็เลยกลับไปที่ร้านอีกทีนึง ปรากฎเช็คอีกที(ที่ร้านยังงงเลยครับบอกว่ามะค่อยเจอ) เช็คไปเช็คมาบอกว่าลูกลอยถังแก็สค้าง กำเลยคราวนี้ :'( อะไรกันหว่า ไม่เคยเจอเหมือนกัน ก็เลยถามว่าพอจะมีวิธีแก้ได้ไหม วิธีคือต้องถอดลูกลอยออกมาแล้วเช็คดูถ้าเสียหรือค้างต้องเปลี่ยนตัวใหม่ แต่ใช้ว่าจะถอดออกมาง่ายๆนะครับ ต้องรอแก็สหมดถังก่อนถังจะถอดออกมาได้ ทำไงละ เพิ่งเติมมาเต็มถัง ผมก็เลยกลับมาใช้หลายวัน ยังหงุดหงิดมากที่อะไรก็ดีวิ่งก็ดี แต่ดันมาเจออะไรแบบนี้ ผมก็เลยใช้ไปอีกหลายวัน และเมื่อสองวันก่อน ได้มีโอกาสไปแถวปทุมวัน(เป็นแหล่งขายอุปกรณ์เกี่ยวกับแก็ส) ผมก็เลยกะว่าจะไปจอดที่ลานจอดแล้วเดินหาดู แต่ก็กลัวบอกถังเขาไม่ถูกว่าเป็นยังไง(ซื้อมาผิดรุ่นใส่ไม่ได้คราวนี้กำเลย) จังหวะพอดีผ่านอยู่ร้านนึงเขาขายอุปกรณ์และหน้าร้านมีที่จอด ผมก็เลยจอดแล้วเปิดถังให้เขาดูว่าต้องการลูกลอยของถังรุ่นนี้ เขาก็ดู(และถาม)ว่ากี่ลิตร แล้วเขาก็ไปหยิบลูกลอยมา ผมเองถามเขาว่าถ้าใส่ไม่ได้เปลียนไดหรือเปล่า เขาบอกว่าเปลี่ยนได้ ผมก็จ่ายเงินไป (ลูกลอยตัวนึง 550 บาท จริงๆราคามันน่าจะถูกกว่านี้ แต่เห็นเราขับรถมา เห็นเป็นฮอนด้าด้วย มันเลยโคกเต็มที่ แต่ว่าคิดไปคิดมา หาที่จอด เดินก็ร้อน ยังต้องเสียค่าที่จอดอีก คิดไปคิดมาซื้อเสร็จได้ของแพงหน่อย(มะมาก)แล้วไปเลยจะดีกว่า หลังจากวันที่ไปซื้อก็ยังไม่มีเวลา ไปหาลูกค้าบ้างอะไรบ้าง พอมาถึงวันนี้ กะว่ายังไงๆต้องไปที่อู่แก็สให้ได้ ดูจากกิโลที่วิ่งก็คิดว่าอีกไม่นานน่าจะหมด ก็ตอนเช้าไปหากลูกค้า เกิดอาการครับ ขับไม่ออก ปกติขับแก็สวิ่ง140-160 นี่ยังสบาย อยู่ดีๆวิ่ง80แล้วเร่งไม่ขึ้น จังหวะแซงบนทางด่วน(ดีนะรถหลังไม่เร็ว) ผมเลยswitchเป็นน้ำมัน คราวนี้วิ่งฉิวเลยครับ(แต่ก็ยังต้องยอมรับว่าแก็สวิ่งสู้น้ำมันไม่ได้จริงๆ)ก็วิ่งมาถึงลูกค้า พอเสร็จก็โทรไปที่ร้านแก็สบอกว่าอาการเป็นแบบนี้ เขาก็บอกว่าแก็สใกล้หมดถังแล้ว ผมก็เลยนัดพี่เขาเข้าไปเปลี่ยนลูกลอยพอดี มีอยู่จังหวะนึงพอดีถึงซอยที่ติดอู่ พอดีผมอยากกินกาแฟ ผมเลยสตารท์น้ำมันแล้วสับเป็นแก็สอีกทีเพื่อความแน่ใจว่ามันจะหมดจริง(เพื่อเวลาเปิดลูกลอยออกมามัน แก็สจะได้ไม่ฟุ่งออกจากถังมาเลอะท้ายรถ) ทิ้งไว้แป๊บเดียวเองครับ คราวนี้สะอึกเหมือนเจ้าเข้าครับ ได้ผล ผมก็เลยขับไปที่ร้านแก็สให้เขาเปลี่ยน นี่เป็นรูปลูกลอยแก็สครับ(ตัวที่เสีย ตัวที่ดีใส่ไปถ่ายไม่ทัน) มันจะประกอบไปด้วยสามส่วนคือ เบอร์ 1 น่าจะเป็นแม่เหล็กซึ่งทำหน้าที่บอกเกย์แก็ส เบอร์ 2 เป็นเฝืองระหว่างแกนลูกลอยกับแกนที่บอกเกย์แก็ส เบอร์ 3 เป็นลูกลอยที่ใช้บอกระดับ การทำงานมันเป็นแบบนี้ เมื่อเวลาแก็สหมด(แรงดันของแก็ส) ลูกลอยจะตกลงมา เมื่อเวลาเติมแก็สเติม มันก็จะลอยขึ้นมาขณะเติม โดยแรงดันของแก็สไปดันลูกลอยซึ่งมีแกนเหล็กที่มีเฝืองอยู่กับเฝืองของแกนแม่เหล็ก เมื่อลูกลอยขึ้นมันจะดันเฝืองให้หมุนทำให้แม่เหล็กในเบอร์1ทำงานแล้วมันจะทำให้เกย์วัดแก็ส(ในตัววัดก็มีแม่เหล็กเช่นกัน)ขึ้น(เวลาหมดก็สลับกัน) คราวนี้ก็ลองเอาออกมาลองดูด้วยตัวเอง(เทสสักหน่อยจะได้รู้ว่าอะไรเสีย) คราวนี้ลองดูกลับหัวแม่เหล็กมันก็ขึ้นลงดี แต่กลับไปอีกด้านนึง(ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกต้องเมื่อตอนถอดออกมา) ปรากฎว่าผิดจริงๆ ซึ่งลองเอามาเทสกับอันใหม่ ตัวใหม่ไม่มีปัญหา ซึ่งก็ทำให้สบายใจหลังจากนั้นก็ให้เขาใส่ อันนี้คือรูที่ใส่ลูกลอย(เกย์วัดแก็ส) แล้วก็ใส่ไป(แต่กว่าจะส่ได้ก็เล่นซะแย่) แต่ก็ใส่ได้ด้วยดีครับ คราวนี้ก็มีอย่างนึงที่สงสัยคือตรงแกนที่มีลูกลอย ของผมมันตรง แต่ตัวที่เสียมันหยัก ซึ่งได้คำตอบจากช่างว่า ที่ตรงหรือหยักมันขึ้นอยู่กับถังแก็ส ซึ่งของผมซื้อมาตรงรุ่นแล้ว ก็เลยสบายใจใส่แล้วให้เขาเช้คเรื่องรั่วให้เรียบร้อย กันปัญหาที่จะเกิดขึ้นดีกว่าให้มันเกิด แล้วก็ลองเติมดู ปรากฎว่าจากที่เกย์เสีย(อันเก่า) ใช้ได้เป็นปกติ ดีใจมากๆ จะได้ใช้งานสักทีต้องกังวล คราวนี้ก็ยังมีอีกนิดว่าถ้าใช้ไปมันจะลดหรือเปล่า ปรากฎว่ามันลด(ซึ่งเกย์ที่เสียวิ่งไปเป็นร้อยกว่าโล ลดไปนิดเดียว) ซึ่งเมื่อเทียบก่อนเสียและระยะที่วิ่งไป(จำเอาครับ)ถือว่าถูกต้อง คราวนี้มาดูที่auto switchก็ลดเหมือนกัน ก็โล่งอกไป ถือว่าแก้หาย แต่เล่นเอาซะเหนื่อยเลยครับ แค่ลูกลอยแก็ส นึกว่าจะใส่ง่ายๆ แต่ใส่ยากโครต ครับก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอ(ซึ่งในเวปเกี่ยวกับแก็ส บางคนเจอเหมือนกัน)ก็ต้องว่ากันไป แก้ได้ก็ดีไปก็ไม่ได้ก็ว่ากันอีกทีนึง ซึ่งวันนี้ผมก็ได้ความรู้เพิ่มเติมและเอามาฝากเพื่อนในเวปกันด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
4490
ศิษย์พี่
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 225
|
|
« ตอบ #77 เมื่อ: 30 มกราคม 2007, 21:31:18 » |
|
รถผมขับรถใช้งานปกติ ไม่เกิน120/km นอกเมืองตลอด จะเติมแก๊สเต็มถังตลอดเวลา
การกินแก๊สถือว่าประหยัดมาก es02 เติมแก็สเต็มถัง 58ลิตร แก็สลิตรละ 10.50 บาท/ลิตร (ตจว) เป็นเงิน 609บาท วิ่งได้ 580 กิโลเมตร (บวกลบ10กิโล) ไม่เกิน600กิโล แก็สหมดถังดับต้องสับเป็นน้ำมัน เฉลี่ยแล้ว อยู่ที่ 609บาท หาร 58ลิตร เท่ากับ 10.5 กิโล/ต่อแก็ส 1ลิตร เฉลี่ยเป็นเงิน 580กิโล หาร 609บาท เท่ากับ 0.95 บาท/ต่อ 1กิโลเมตร
ใช้งานมาได้3เดือนกว่าๆแล้วครับ ประหยัดอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะจะเติมแบบนี้ตลอดและได้ตัวเลขกิโลอย่างนี้ทุกครั้ง ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวกันกับหม้อต้มหรือเปล่า เพราะรถคันเก่าวีออสก็อัตตราการกินแก็สก็เท่าๆกัน วีออสจะประหยัดกว่านี้หน่อย
และรถพี่ชายผม ซีวิคตาโต ปี96 ติดแก็สมาเหมือนกันร้านเขาใส่หม้อยี่ห้ออะไรไม่รู้ใบใหญ่ๆ กินแก็สอยู่ที่ 1.4-1.5บาทต่อลิตร ยังกินแก็สมากกว่า es ผมอีกเลยอยากให้ลองเปลื่ยนแค่หม้อต้มดูว่ามันจะต่างกันมั้ย ก็เลยหาซื้อหม้อ"ฮานา"ที่ผมใช้อยู่ แต่หาไม่ได้ร้านบอกของขาดเลยได้หม้อของ "เมจิก" ใบเล็กๆมาใช้ดู ติดตั้งเปลื่ยนหม้อเสร็จให้ช่างจูนอย่างละเอียดใช้งานไป1เดือนให้ผ้าหม้อต้มเข้าที่แล้วมาจูนอีก ตอนนี้ใช้งานมาได้2เดือนกว่า อัตตราการกินแก็สประหยัดมากขึ้น อยู่ที่ 0.9-1.0 บาท/ต่อกิโลเมตร ถือว่าประหยัดจริงๆครับ อย่างที่เล่ามาจากประสบการณ์จริง เพื่อนที่ไปติดแก็สผมก็เลยแนะนำหม้อ ฮานาและเมจิก อย่างเดียวเลย แต่ไม่รู้ร้านเข้าจะใส่ให้หรือเปล่า เพราะจะเพิ่มราคาต้นทุนให้ทางร้าน อย่างไรก็ขอแนะนำนะครับสำหรับคนรักการอยากลอง 2ยี่ห่อนี้ใบนึงราคาประมาณ3พันบาท แต่ผมอยู่นี้จะหายากหน่อย(ตจว)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
anodite_studbar
เจ้าสำนัก
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 902
I love my CIVIC.
|
|
« ตอบ #79 เมื่อ: 16 กุมภาพันธ์ 2007, 22:28:36 » |
|
เรื่องก็มีอยู่ว่าพอดีจำได้ว่าครบ10000โลพอดี ก็กะว่าจะเอาเข้าไปที่อู่ที่เขาทำแก็สเพื่อที่จะไขขี้แก็ส(น้ำเหลวๆดำๆอยู่ที่หม้อต้ม) เพื่อที่จะทำให้ขึ้แก็สไม่ตันที่หม้อต้ม หลังจากถ่ายเสร็จ(ใช่เวลาไม่นาน) ก็นึกขึ้นได้ว่ารถใช้ไปหกหมื่นกว่าโลแล้วผมเองก็คิดว่าสมควรเวลากับการเปลี่ยนน้ำมันเกียร์(ออโต้)สักที เพื่อที่จะได้ยืดอายุของมันออกไปให้เสียช้าลง ซึ่งตอนแรกก็กะว่าจำแค่ถ่ายแล้วเปลี่ยนเท่านั้น แต่ว่าพอดีร้านเขาบอกว่าที่ร้านมีเครื่องเปลี่ยนน้ำมันเกียร์(ออโต้)พอดีและราคาอยู่ที่พันกว่าบาท(ซึ่งข้างนอกทั่วๆไปต่ำๆก็อยู่ที่สองพันขึน) เห็นแล้วก็สมควรล้างพร้อมเปลี่ยนน้ำมันเกียร์(ออโต้)ซะเลย มาดูกันว่าเขาทำกันยังไง หน้าตาของเจ้าเครื่องทำความสะอาดเกียร์อัตโนมัติครับ รูปนี้เขากำลังจะยกเพื่อสอดสายเข้าไปในระบบเกียร์ ก่อนอื่นเขาจะต้องยกรถแล้วเอาสายใส่ต่อเข้าไปกับระบบเกียร์(สายน้ำมัน)เพื่อให้การถ่ายได้ประสิทธิภาพ โดยเบอร์ 1 สีแดงเป็นน้ำมันเข้า เบอร์สองเป็นสีดำ ซึ่งเป็นน้ำมันที่เสียออกมา จากนั้นเขาก็เริ่มทำการสตาร์ทเครื่อง ซึ่งถ้าสังเกตจากเบอร์สามน้ำมันเกียร์ยังใสอยู่ครับ หลังจากนั้นได้ทำการเข้าเกียร์เพื่อให้น้ำมันวนเข้าเครื่องและกลับไปเข้าเกียร์ สีที่ได้เป็นสีดำที่เบอร์สี่ ซึ่งหมายความว่ามีความสกปรกของเกียร์เกิดขึ้น ซึ่งอันนี้ถ้าแค่ถ่ายออกเฉยๆก็จะไม่สามารถทำความสะอาดออกได้ขนาดนี้ ซึ่งเขาก็ได้เข้าทั้งเกียร์ถอย เกียร์เดินหน้าทุกๆเกียร์ ซึ่งใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง(ช่างเขาบอกว่ายิ่งนานยิ่งดี จะได้สะอาดครับ) หลังจากล้างเสร็จผมก็ไปทำธุระต่อ ซึ่งผลออกมาตกใจเลยครับ วิ่งดีกว่าตอนแรก เกียร์เปลี่ยนนิ่มกว่าเดิม กดKick Downเบาๆ แซงได้สบาย(กว่าตอนแรกที่ไม่ได้ทำความสะอาด) ก็ผลที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจครับ สำหรับใครที่ต้องการทำความสะอาดเกียร์ ก็ติดต่อไปที่ร้านเขาได้เลยนะครับ ช่างที่นี้เขาฝีมือทั้งนั้นครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 กุมภาพันธ์ 2007, 22:32:59 โดย anodite_studbar »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|