ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
02 ธันวาคม 2024, 22:03:07
หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: มีปัญหาการใช้งานเว็บไซต์ หรือติดต่อลงโฆษณา ติดต่อ admin [ไม่ใช่ผู้ขายสินค้า] ที่ 0876889988   หรือ theerachai@siamrx.com หรือ line id: @welovecivic




Custom Search
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Car Knowledge => คลังความรู้คู่รถ  |  หัวข้อ: ปัญหาเกียวกับความร้อนสูง ฝาสูบโก่ง และการแก้ไข 0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ปัญหาเกียวกับความร้อนสูง ฝาสูบโก่ง และการแก้ไข  (อ่าน 6135 ครั้ง)
thanawat6
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,230


Japan Garbage Car & THE GANG DIY SERVICE


« เมื่อ: 19 พฤษภาคม 2010, 08:27:20 »



เอามาแบ่งปันเป็นความรู้ ก๊อปมาอีกที หลายแห่ง จำไม่ได้แล้ว  เผื่อใครมีปัญหาจะได้เป็นแนวทาง
ยาวหน่อยหนึ่งครับ ค่อย ๆ อ่านศึกษาดูกัน
   เครดิต บล๊อก  diy-club
ในกรณีที่เข็มวัความร้อนขึ้นสูงกว่าปกติ ให้ตรวจสอบเพิ่มเติม ดังนี้ :
1.ดูระดับน้ำในหม้อน้ำและ หม้อพักน้ำว่าลดลงจากระดับปกติหรือไม่? ถ้าลดลง แสดงว่าน่า
   จะเกิดการรั่วซึมในระบบระบายความร้อนที่จุดใดจุดหนึ่ง
2.เข็มความร้อนขึ้นเมื่อใด?
   2.1.ถ้าขึ้น เมื่อรถติดและลงเมื่อรถวิ่ง ส่วนใหญ่จะเกิดจากพัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน โดยมี
        สาเหตุจาก พัดลมไฟฟ้า,รีเลย์พัดลมไฟฟ้า,เทอร์โมสวิตช์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง
        หมดเสีย
   2.2.ถ้าขึ้น เมื่อรถวิ่ง ส่วนใหญ่จะเกิดจากหม้อน้ำอุดตัน
   2.3.ถ้าขึ้นตลอด ทั้งรถติดและรถวิ่ง เกิดได้หลายสาเหตุ เช่น น้ำในระบบไม่เพียงพอ เนื่อง
         จากรั่วซึม(check ได้โดยดูว่ามีคราบน้ำรั่วซึมบ้างรึป่าว) , เทอร์โมสตัทหรือวาวล์น้ำ
         ไม่ทำงานทำให้ไม่มีน้ำไปหล่อเย็นเครื่อง (check เบื้องต้นโดย ลองแตะที่ท่อยางน้ำ
          ที่ต่อจากเครื่องมาที่ด้านบน เทียบกับท่อยางที่ต่อด้านล่างหม้อน้ำ ถ้าท่อยางด้านล่าง
          เย็นกว่าท่อยางด้านบนมาก แสดงว่าวาวล์น้ำผิดปกติ) , ปั้มน้ำเสียทำให้น้ำไปวนหล่อ
          เย็นเครื่องไม่พอ
   2.4.เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวไม่ขึ้น  และก็check อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทุกอย่างแล้วก็ปกติ ก็อาจเป็น
        ไปได้ว่าเกจ์วัดแสดงค่าผิดเพี้ยนไป  
 
วิธีตรวจสอบว่าเกจ์วัดความร้อนผิดปกติหรือไม่ :
ระบบมาตรวัดความร้อนเครื่องยนต์ จะประกอบด้วย
1.ส่วนแสดงผล(เข็มแสดงอุณหภูมิที่หน้าปัดเรือนไมล์) เป็น moving coil ที่ทำงานโดยรับ
   แรงดันไฟฟ้า จาก ECT gauge sending unit มาแปลงแสดงเป็นระดับค่าอุณหภูมิโดย
   เข็มวัดขึ้นลงตาม scale (check เบื้องต้นโดย :ปิด switch กุญแจมาที่ OFF ,ถอด
   ขั้ว ECT gauge sending unit ออก , ต่อขั้วของสาย ECT gauge sending unit ลง
   ground กับตัวรถ , บิด switch กุญแจไปที่ on และดูว่าถ้าเข็มวัดความร้อนขึ้น ก็แสดงว่า
   ปกติ  
ข้อควรระวัง ! ต้อง ปิดswitch กุญแจมาที่ off ก่อนที่เข็มจะขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของ scale
2.ส่วนที่วัดอุณหภูมิ (ECT gauge sending unit = engine coolant temperature gauge
   sending unit) เป็นตัวต้านทานปรับค่าได้ตามอุณหภูมิ ( variable resistor) โดยค่าความ
   ต้านทานปรับแปรผันกับอุณหภูมิ ความต้านทานจะมากที่อุณหภูมิต่ำ และค่าความต้านทาน
   จะน้อยลงทเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น (check เบื้องต้นโดย : ถอดขั้ว ECT gauge sending
   unit ออก , ใช้ Ohm meter มาวัดที่ตัว ECT gauge sending unit โดยขั้ว + ของ ohm
   meterต่อที่ขั้วของตัว ECT gauge sending unit และขั้ว - ของ ohm meter ต่อกับ
   เครื่อง (ground) , ดูค่าที่วัดได้ , ติดเครื่องยนต์เดินเบาจนกว่าพัดลมไฟฟ้าจะทำงาน
   (วาวล์น้ำเปิด) , ดูค่าที่วัดได้อีกครั้ง , ถ้าค่าที่ วัดได้ตอนติดเครื่องแตกต่างจากตอนไม่ติดเครื่องตามที่ spec
   ระบุไว้แสดงว่า ECT gauge sending unit ปกติ แต่ถ้าค่าที่วัดได้แตกต่างกันไม่ได้ตาม spec ที่ระบุไว้แสดงว่า
    ผิดปกติ (เปลี่ยนตัวใหม่)
หมายเหตุ
1.ตำแหน่งของ ECT gauge sending unit จะอยู่ที่เครื่องบริเวณด้านล่างของช่องน้ำออก
   จากเครื่องไปยังหม้อน้ำ(ตรงที่ต่อท่อยางตัวบน ไปหม้อน้ำ)
2.บริเวณเดียวกันนี้ จะมี ECT sensor อยู่อีกตัว ข้อสังเกตคือ ECT gauge sending unit
   จะมีสายไปต่ออยู่เส้นเดียว ขณะที่ ECT sensor จะมีสายไฟต่ออยู่ 2 เส้นตัว
3.ตัว ECT gauge sending unit จะอยู่ถัด ECT sensor เข้าไปทางด้านท้ายรถ
4.ค่าความต้านทานของ ECT gauge sending unit ตามที่ระบุใน manual
   4.1.ที่อุณหภูมิ 56 องศาC = 142 ohm
   4.2.ที่อุณหภูมิ 85-100 องศาC = 49-32 ohm
 
วีธีตรวจสอบว่าฝาสูบโก่งหรือปะเก็นฝาสูบแตก ด้วยตัวเอง เบื้องต้น:
1.เปิดฝาหม้อน้ำและดูว่ามีคราบน้ำมันปนเปื้อนอยู่กับน้ำในหม้อน ้ำหรือไม่?
2.ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง และดูว่ามีน้ำปนเปื้อนกับน้ำมันเครื่องหรือไม่?
3.เปิดฝาหม้อน้ำไว้ แล้วสตาร์ตรถ และดูว่า ในจังหวะสตาร์ตรถ น้ำในหม้อน้ำกระฉอกขึ้นมารึ
   ไม่?
   :-ถ้าตรวจสอบทั้ง 3 ข้อแล้วปรากฎว่าคำตอบเป็น ใช่ ทั้งหมด ก็สันนิฐานเบื้องต้นได้ว่าฝา
     สูบน่าจะโก่งหรือประเก็นฝาสูบแตก  แก้ไขโดยเปิดฝาสูบมาทำการตรวจสอบทั้งที่ฝาสูบ
     และปะเก็นโดยละเอียดอีกคั้งโดยช ่างผู้ชำนาญ
   :-ถ้าตรวจสอบทั้ง 3 ข้อแล้วปรากฎว่าคำตอบเป็น ไม่ใช่ ก็สันนิษฐานได้ว่าฝาสูบไม่น่าจะ
     โก่งหรือประเก็นฝาสูบไม่น่าจะแตก
หมายเหตุ
1.ฝาสูบโดยส่วนใหญ่จะไม่โก่งกันง่ายๆ
2.ฝาสูบจะโก่งก็ต่อเมื่อ รถเกิดความร้อนขึ้นสูงเป็นเวลานานๆ จนเครื่องดับไปเอง หรือ เติม
   น้ำลงในหม้อน้ำขณะที่เครื่องยังเย็นตัวไม่พอ
 
ปล.
1.เรื่องความร้อนที่ผิดปกติเนี่ย อาการพื้นฐานจะคล้ายๆกัน แต่ถ้าไล่ check อาการโดย
   ละเอียดแล้วจะพบว่า อาการนั้นๆเกิดจากอุปกรณ์ตัวใด โดยไม่ต้องสุ่มเปลี่ยนอุปกรณ์ไป
   เรื่อยๆ
2.เรื่องการเปลี่ยนฝาสูบ อยากให้จัดไว้ท้ายสุด ให้ check จนแน่ใจจิงๆว่า เป็นที่ฝาสูบ แล้ว
   จึงค่อยเปลี่ยน
3.ถ้าต้องเปลี่ยนฝาสูบแน่ๆ แนะนำว่าให้เปลี่ยนเป็นของมือสองราคา 3-4 พันบาท ไม่แนะนำ
   ให้ไสหรือปาดฝาสูบเดิม

แก้ไขอย่างไรเมื่อเครื่องโอเวอร์ฮีท

อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ปกติควรอยู่ที่ประมาณ 85-100 องศาเซลเซียส เข็มของมาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น
 ควรอยู่ประมาณกึ่งกลาง กรณีอากาศร้อนจัดหรือการจราจรติดขัด อาจเลยขึ้นไปด้านบนได้บ้าง
แต่ถ้าขึ้นไปแตะขีดแดง แสดงว่าเครื่องยนต์ร้อนผิดปกติ

เครื่องยนต์ความร้อนสูงเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฝาปิดหม้อน้ำเสื่อมสภาพ ปิดไม่สนิท เกิดการรั่วในระบบหล่อเย็น
ทำให้มีน้ำไม่เพียงพอต่อการระบายความร้อน ปั๊มน้ำเสีย สายพานขับปั๊มน้ำขาด วาล์วน้ำไม่เปิด หรือท่อทางเดินน้ำบี้แบน-อุดตัน
 ทำให้น้ำไม่หมุนเวียน พัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน หรือทำงานผิดปกติ หรือรังผึ้งหม้อน้ำมีสิ่งสกปรกอุดตัน
ทำให้ระบายความร้อนไม่สะดวก
เมื่อสังเกตเห็นมาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นขึ้นสูง ควรรีบนำรถยนต์เข้าจอดในที่ปลอดภัย จากนั้นเริ่มดับเครื่องยนต์
และเปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อน ไม่ควรใช้น้ำราดบริเวณเครื่องยนต์หรือหม้อน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายได้

ถ้ามีไอน้ำพุ่งออกมาจากหม้อน้ำ ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำ เพราะน้ำร้อนมีแรงดันสูง อาจพุ่งขึ้นมาลวกได้ ควรรอประมาณ 15 นาที
 เพื่อให้เครื่องยนต์คลายความร้อน การเปิดฝาหม้อน้ำควรใช้ผ้าหนา ๆ หรือใช้ผ้ายางปูพื้นในห้องโดยสารมารองมือ
เพื่อป้องกันความร้อน และค่อย ๆ หมุนเพื่อระบายความดันออก

ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพราะน้ำในหม้อน้ำมีระดับต่ำ ก็ให้เติมน้ำเพิ่มเข้าไป หลังจากเครื่องยนต์ดับไปแล้วสักครึ่งชั่วโมง
เพื่อให้เครื่องยนต์คลายความร้อนก่อน ไม่ควรรีบเติมน้ำลงไปทันที เพราะโลหะที่ร้อนจัดเมื่อถูกน้ำเย็น
จะหดตัวลงอย่างรวดเร็วจนเกิดการแตกร้าวได้

ควรเติมน้ำครั้งละประมาณครึ่งลิตร และเว้นช่วงประมาณ 3-5 นาที เพื่อให้น้ำที่เติมลงไป ค่อย ๆ ดึงความร้อนเข้ามา
เพื่อป้องกันประเก็นฝาสูบแตกหรือฝาสูบโก่ง เมื่อเติมน้ำใกล้เต็มแล้ว ควรติดเครื่องยนต์ไว้ด้วย
เพื่อให้น้ำมีการหมุนเวียนและหมั่นตรวจสอบมาตรวัดอุณหภูมิ

เมื่อเติมน้ำจนเต็มแล้ว ให้ตรวจสอบรอยรั่วซึมของน้ำตามจุดต่าง ๆ ถ้าไม่มีและอุณหภูมิลดลงอยู่ในระดับปกติก็เดินทางต่อได้
แต่ถ้าเกิดจากระบบระบายความร้อน เช่น พัดลมบกพร่อง ควรแก้ไขก่อน

วิธีการไล่ลม ไล่อากาศ หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นใหม่ (ไม่จำเป็นต้องหลังการติดตั้งแก๊ส แต่การติดตั้งแก๊ส
ต้องตัดต่อท่อน้ำหล่อเย็น เข้าหม้อต้ม , สายต้ม)

1. คลายปลั๊ก ถ่ายน้ำทิ้ง มักจะอยู่ด้านล่างสุดของหม้อน้ำ
2. ปิดปลั๊ก ถ่ายน้ำทิ้ง
3. มองหา น๊อต ส่วนมาก จะเป็นประมาณ เบอร์ 12 บริเวณ ที่อยู่ของ วาล์วน้ำ คลายออกเป็นตัวไล่อากาศ
4. เติมน้ำ ให้เต็ม
5. เดินเครื่อง น้ำจะยุบ เติมให้เต็ม
6. ขันน๊อต ข้อ 3 ปิดให้แน่นพอประมาณ ถ้ามี ซิลิโคน ก็ทากันรั่วเสียหน่อย
7. เดินเครื่องสักพัก พอวาล์วน้ำเปิด สังเกตุจากน้ำไหลผ่านจากท่อน้ำบน ลงหม้อน้ำไปท่อน้ำล่าง(ส่วนมากจะเปิดเมื่อน้ำร้อน
ประมาณ 80 - 82 องศา C)
8. เติมน้ำเพิ่มให้เต็ม
9. ปิดฝาหม้อน้ำ ตรวจดูยางกันรั่ว ไม่มีรอยฉีกขาด ไม่เป็นสนิม ถ้าไม่ดีเปลี่ยนใหม่
10. เติมน้ำหม้อพักน้ำให้ได้ระดับ เต็ม Full
11. สำหรับคนที่หาน๊อต ข้อ 3 ไม่พบ ให้เปิดฝาหม้อน้ำ ทิ้งไว้ แล้วเดินเครื่องจนเครื่องยนต์ร้อนได้ที่ วาล์วน้ำเปิด คอยเติมน้ำจนเต็ม
 จนน้ำไม่ยุบพร่องอีกแล้ว จึงค่อยปิดฝาหม้อน้ำ
หวังว่า รายละเอียด เหล่านี้คงพอทำให้ มือใหม่ทุกคน ดูแลน้ำหล่อเย็นให้ทำงานได้อย่างดี

การไล่ลมในระบบน้ำ ช่างได้ไล่ลมในระบบได้ครบสมบูรณ์หรือไม่ วิธีการไล่ลม ทำได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุด ให้ทำดังนี้
- หาขวดน้ำตัดตูด คว่ำขวดที่หม้อน้ำรถ แล้วเติมน้ำให้เต็มถึงตูดขวด
- สตาร์ทรถ แล้วเร่งเครื่องเบา ๆ รถจะค่อย ๆ ดูดน้ำเข้าระบบ แล้วให้เติมน้ำให้เต็มขวดตลอดเวลา
- เร่งเครื่องสูง สลับเบา เติมน้ำให้เต็มขวด และ ใช้มือบีบตามท่อน้ำ บีบปล่อย บีบปล่อย ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
 และให้สังเกตุที่ขวดน้ำจะมีฟองอากาศลอยขึ้นมาเรื่อย ๆ ทำจนกว่าฟองอากาศจะน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย
- เอาขวดน้ำออก เร่งเครื่องขึ้นอีกครั้ง ปล่อยคันเร่งแล้วให้ดูที่หม้อน้ำว่าน้ำพร่องไปหรือเปล่าถ้าพร่องไปก้อให้เติมน้ำเพิ่มอีก
แล้วปิดฝาหม้อน้ำ

หรือหากรถมีที่ไล่ลมในระบบน้ำก้อใช้ใส่ไขควงเปิดไล่ลมออก

น้ำมันเข้าหม้อน้ำ
Oil cooler leak

น่าแปลกครับ หากท่านเปิดฝาหม้อน้ำขึ้นมาแล้วพบว่า มีสิ่งแปลกปลอม น้ำสีชมพูขุ่นๆ เข้ามาแทน
น้ำสีๆเขียวหรือฟ้าๆของ Coolant ของท่าน


ความเสียหาย
1 หากดูไม่ทัน หรือไม่ได้ดู ท่านต้องพบความเสียหายของเครื่องยนต์จากการเกิด Over heat เนื่องจากการระบายความร้อนทำไม่ได้
และ เกียร์ออโตเสียหายแน่นอน เนื่องจากไม่มีการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง
2 คราบน้ำมันปนน้ำ จะไปทั่วในระบบระบายความร้อนภายในเครื่องยนต์ เป็นคราบเหนียวแน่นไม่สามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย เสี่ยงต่อการใช้งานต่อไปในอนาคต

สาเหตุ
1 แสดงว่ามีน้ำมันปนเข้ามาในหม้อน้ำของท่านแน่นอน
2 อาจจะมาจาก Oil cooler รั่ว เลยทำให้น้ำมันเกียร์ออโตที่ไประบายความร้อนในหม้อน้ำรั่วเข้ามาได้
3 น้ำมันเครื่องคงยากหน่อย แต่ก็เป็นไปได้ แต่กรณีนี้สี สรรไม่น่าใช่ เพราะออกสีชมพู ก็น่าจะมาจากแดงของน้ำมันเกียร์ออโตครับ

Oil cooler รั่วได้อย่างไร
1 การสึกกร่อนตามอายุการใช้งาน ยากครับ
2 ใช้สารเคมี มากเกินไปทำให้เกิดการผุกร่อนเร็วกว่าปกติ เช่นการล้างหม้อน้ำโดยไม่ระวัง หรือใช้สารที่มีฤทธิ์เป็นกรดมากเกินไป
 โดยไม่มีตัวยับยั้งการผุกร่อนอย่างเพียงหรือถูกต้อง
3 Defect หรือมีรอยชำรุดของ oil cooler มาก่อน

การแก้ไข
1 ต้องเปลี่ยนหม้อน้ำและ Oil Cooler ใหม่ครับ ซ่อมคงทำได้ยากและไม่คุ้มค่า
2 ควร Flushing ทั้งเกียร์ออโตและหม้อน้ำ ระบบ Cooling ใหม่ทั้งหมด ไล่เอาน้ำมัน ที่ปนมากับน้ำออกให้หมด
ให้มั่นใจว่าหมดจริงๆแล้วจึงใช้งานต่อไปได้
3 ตรวจสอบหาสาเหตุอย่างอื่นว่า มีอะไรที่พอเป็นสาเหตุที่จะทำให้น้ามันเข้ามาได้อีกหรือไม่ เช่น มาจากเครื่องยนต์ได้หรือไม่
และต้องเฝ้าดูอาการ การใช้อีกสักระยะ เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีการรั่วเข้ามาอีกแน่แล้วจึงจะวางใจได้

ครับ ว่างๆก็เปิดดูหม้อน้ำของท่านบ้างนะครับ สกปรกหรือไม่ ฝาหม้อน้ำยังดีอยู่หรือไม่ หรือว่ามีน้ำมันปนอย่างนี้หรือไม่นะครับ การดูแลรักษาง่ายแบบนี้จะช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่าย แทนที่จะซ่อมแพงๆก็กลายเป็นถูกๆได้นะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19 พฤษภาคม 2010, 08:30:23 โดย thanawat6 » บันทึกการเข้า

aloveb
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 61


You are What your think


« ตอบ #1 เมื่อ: 20 พฤษภาคม 2010, 01:33:09 »

ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ดี ครับ

มีประโยชน์มากเลยครับ ยิ่งกับรถหลายๆปีที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ

 ยิ้ม   จุมพิต   ยิ้ม
บันทึกการเข้า
taey-asimo
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 83


ก็แค่ 1500 !!


« ตอบ #2 เมื่อ: 20 พฤษภาคม 2010, 08:01:31 »

มาเก็บความรู้ครับ
บันทึกการเข้า

BEZii Racing Group
Pinklao Racing Club
หaาueาeปิก
Gold Member
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 194


หaาueาeปิก no.629 ก.ท.ม.ฯ


« ตอบ #3 เมื่อ: 20 พฤษภาคม 2010, 16:04:27 »

เอามาแบ่งปันเป็นความรู้ ก๊อปมาอีกที หลายแห่ง จำไม่ได้แล้ว  เผื่อใครมีปัญหาจะได้เป็นแนวทาง
ยาวหน่อยหนึ่งครับ ค่อย ๆ อ่านศึกษาดูกัน
   เครดิต บล๊อก  diy-club
ในกรณีที่เข็มวัความร้อนขึ้นสูงกว่าปกติ ให้ตรวจสอบเพิ่มเติม ดังนี้ :
1.ดูระดับน้ำในหม้อน้ำและ หม้อพักน้ำว่าลดลงจากระดับปกติหรือไม่? ถ้าลดลง แสดงว่าน่า
   จะเกิดการรั่วซึมในระบบระบายความร้อนที่จุดใดจุดหนึ่ง
2.เข็มความร้อนขึ้นเมื่อใด?
   2.1.ถ้าขึ้น เมื่อรถติดและลงเมื่อรถวิ่ง ส่วนใหญ่จะเกิดจากพัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน โดยมี
        สาเหตุจาก พัดลมไฟฟ้า,รีเลย์พัดลมไฟฟ้า,เทอร์โมสวิตช์ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้ง
        หมดเสีย
   2.2.ถ้าขึ้น เมื่อรถวิ่ง ส่วนใหญ่จะเกิดจากหม้อน้ำอุดตัน
   2.3.ถ้าขึ้นตลอด ทั้งรถติดและรถวิ่ง เกิดได้หลายสาเหตุ เช่น น้ำในระบบไม่เพียงพอ เนื่อง
         จากรั่วซึม(check ได้โดยดูว่ามีคราบน้ำรั่วซึมบ้างรึป่าว) , เทอร์โมสตัทหรือวาวล์น้ำ
         ไม่ทำงานทำให้ไม่มีน้ำไปหล่อเย็นเครื่อง (check เบื้องต้นโดย ลองแตะที่ท่อยางน้ำ
          ที่ต่อจากเครื่องมาที่ด้านบน เทียบกับท่อยางที่ต่อด้านล่างหม้อน้ำ ถ้าท่อยางด้านล่าง
          เย็นกว่าท่อยางด้านบนมาก แสดงว่าวาวล์น้ำผิดปกติ) , ปั้มน้ำเสียทำให้น้ำไปวนหล่อ
          เย็นเครื่องไม่พอ
   2.4.เดี๋ยวขึ้น เดี๋ยวไม่ขึ้น  และก็check อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทุกอย่างแล้วก็ปกติ ก็อาจเป็น
        ไปได้ว่าเกจ์วัดแสดงค่าผิดเพี้ยนไป 
 
วิธีตรวจสอบว่าเกจ์วัดความร้อนผิดปกติหรือไม่ :
ระบบมาตรวัดความร้อนเครื่องยนต์ จะประกอบด้วย
1.ส่วนแสดงผล(เข็มแสดงอุณหภูมิที่หน้าปัดเรือนไมล์) เป็น moving coil ที่ทำงานโดยรับ
   แรงดันไฟฟ้า จาก ECT gauge sending unit มาแปลงแสดงเป็นระดับค่าอุณหภูมิโดย
   เข็มวัดขึ้นลงตาม scale (check เบื้องต้นโดย :ปิด switch กุญแจมาที่ OFF ,ถอด
   ขั้ว ECT gauge sending unit ออก , ต่อขั้วของสาย ECT gauge sending unit ลง
   ground กับตัวรถ , บิด switch กุญแจไปที่ on และดูว่าถ้าเข็มวัดความร้อนขึ้น ก็แสดงว่า
   ปกติ 
ข้อควรระวัง ! ต้อง ปิดswitch กุญแจมาที่ off ก่อนที่เข็มจะขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของ scale
2.ส่วนที่วัดอุณหภูมิ (ECT gauge sending unit = engine coolant temperature gauge
   sending unit) เป็นตัวต้านทานปรับค่าได้ตามอุณหภูมิ ( variable resistor) โดยค่าความ
   ต้านทานปรับแปรผันกับอุณหภูมิ ความต้านทานจะมากที่อุณหภูมิต่ำ และค่าความต้านทาน
   จะน้อยลงทเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น (check เบื้องต้นโดย : ถอดขั้ว ECT gauge sending
   unit ออก , ใช้ Ohm meter มาวัดที่ตัว ECT gauge sending unit โดยขั้ว + ของ ohm
   meterต่อที่ขั้วของตัว ECT gauge sending unit และขั้ว - ของ ohm meter ต่อกับ
   เครื่อง (ground) , ดูค่าที่วัดได้ , ติดเครื่องยนต์เดินเบาจนกว่าพัดลมไฟฟ้าจะทำงาน
   (วาวล์น้ำเปิด) , ดูค่าที่วัดได้อีกครั้ง , ถ้าค่าที่ วัดได้ตอนติดเครื่องแตกต่างจากตอนไม่ติดเครื่องตามที่ spec
   ระบุไว้แสดงว่า ECT gauge sending unit ปกติ แต่ถ้าค่าที่วัดได้แตกต่างกันไม่ได้ตาม spec ที่ระบุไว้แสดงว่า
    ผิดปกติ (เปลี่ยนตัวใหม่)
หมายเหตุ
1.ตำแหน่งของ ECT gauge sending unit จะอยู่ที่เครื่องบริเวณด้านล่างของช่องน้ำออก
   จากเครื่องไปยังหม้อน้ำ(ตรงที่ต่อท่อยางตัวบน ไปหม้อน้ำ)
2.บริเวณเดียวกันนี้ จะมี ECT sensor อยู่อีกตัว ข้อสังเกตคือ ECT gauge sending unit
   จะมีสายไปต่ออยู่เส้นเดียว ขณะที่ ECT sensor จะมีสายไฟต่ออยู่ 2 เส้นตัว
3.ตัว ECT gauge sending unit จะอยู่ถัด ECT sensor เข้าไปทางด้านท้ายรถ
4.ค่าความต้านทานของ ECT gauge sending unit ตามที่ระบุใน manual
   4.1.ที่อุณหภูมิ 56 องศาC = 142 ohm
   4.2.ที่อุณหภูมิ 85-100 องศาC = 49-32 ohm
 
วีธีตรวจสอบว่าฝาสูบโก่งหรือปะเก็นฝาสูบแตก ด้วยตัวเอง เบื้องต้น:
1.เปิดฝาหม้อน้ำและดูว่ามีคราบน้ำมันปนเปื้อนอยู่กับน้ำในหม้อน ้ำหรือไม่?
2.ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง และดูว่ามีน้ำปนเปื้อนกับน้ำมันเครื่องหรือไม่?
3.เปิดฝาหม้อน้ำไว้ แล้วสตาร์ตรถ และดูว่า ในจังหวะสตาร์ตรถ น้ำในหม้อน้ำกระฉอกขึ้นมารึ
   ไม่?
   :-ถ้าตรวจสอบทั้ง 3 ข้อแล้วปรากฎว่าคำตอบเป็น ใช่ ทั้งหมด ก็สันนิฐานเบื้องต้นได้ว่าฝา
     สูบน่าจะโก่งหรือประเก็นฝาสูบแตก  แก้ไขโดยเปิดฝาสูบมาทำการตรวจสอบทั้งที่ฝาสูบ
     และปะเก็นโดยละเอียดอีกคั้งโดยช ่างผู้ชำนาญ
   :-ถ้าตรวจสอบทั้ง 3 ข้อแล้วปรากฎว่าคำตอบเป็น ไม่ใช่ ก็สันนิษฐานได้ว่าฝาสูบไม่น่าจะ
     โก่งหรือประเก็นฝาสูบไม่น่าจะแตก
หมายเหตุ
1.ฝาสูบโดยส่วนใหญ่จะไม่โก่งกันง่ายๆ
2.ฝาสูบจะโก่งก็ต่อเมื่อ รถเกิดความร้อนขึ้นสูงเป็นเวลานานๆ จนเครื่องดับไปเอง หรือ เติม
   น้ำลงในหม้อน้ำขณะที่เครื่องยังเย็นตัวไม่พอ
 
ปล.
1.เรื่องความร้อนที่ผิดปกติเนี่ย อาการพื้นฐานจะคล้ายๆกัน แต่ถ้าไล่ check อาการโดย
   ละเอียดแล้วจะพบว่า อาการนั้นๆเกิดจากอุปกรณ์ตัวใด โดยไม่ต้องสุ่มเปลี่ยนอุปกรณ์ไป
   เรื่อยๆ
2.เรื่องการเปลี่ยนฝาสูบ อยากให้จัดไว้ท้ายสุด ให้ check จนแน่ใจจิงๆว่า เป็นที่ฝาสูบ แล้ว
   จึงค่อยเปลี่ยน
3.ถ้าต้องเปลี่ยนฝาสูบแน่ๆ แนะนำว่าให้เปลี่ยนเป็นของมือสองราคา 3-4 พันบาท ไม่แนะนำ
   ให้ไสหรือปาดฝาสูบเดิม

แก้ไขอย่างไรเมื่อเครื่องโอเวอร์ฮีท

อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ปกติควรอยู่ที่ประมาณ 85-100 องศาเซลเซียส เข็มของมาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น
 ควรอยู่ประมาณกึ่งกลาง กรณีอากาศร้อนจัดหรือการจราจรติดขัด อาจเลยขึ้นไปด้านบนได้บ้าง
แต่ถ้าขึ้นไปแตะขีดแดง แสดงว่าเครื่องยนต์ร้อนผิดปกติ

เครื่องยนต์ความร้อนสูงเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ฝาปิดหม้อน้ำเสื่อมสภาพ ปิดไม่สนิท เกิดการรั่วในระบบหล่อเย็น
ทำให้มีน้ำไม่เพียงพอต่อการระบายความร้อน ปั๊มน้ำเสีย สายพานขับปั๊มน้ำขาด วาล์วน้ำไม่เปิด หรือท่อทางเดินน้ำบี้แบน-อุดตัน
 ทำให้น้ำไม่หมุนเวียน พัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน หรือทำงานผิดปกติ หรือรังผึ้งหม้อน้ำมีสิ่งสกปรกอุดตัน
ทำให้ระบายความร้อนไม่สะดวก
เมื่อสังเกตเห็นมาตรวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นขึ้นสูง ควรรีบนำรถยนต์เข้าจอดในที่ปลอดภัย จากนั้นเริ่มดับเครื่องยนต์
และเปิดฝากระโปรงเพื่อระบายความร้อน ไม่ควรใช้น้ำราดบริเวณเครื่องยนต์หรือหม้อน้ำ เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายได้

ถ้ามีไอน้ำพุ่งออกมาจากหม้อน้ำ ไม่ควรเปิดฝาหม้อน้ำ เพราะน้ำร้อนมีแรงดันสูง อาจพุ่งขึ้นมาลวกได้ ควรรอประมาณ 15 นาที
 เพื่อให้เครื่องยนต์คลายความร้อน การเปิดฝาหม้อน้ำควรใช้ผ้าหนา ๆ หรือใช้ผ้ายางปูพื้นในห้องโดยสารมารองมือ
เพื่อป้องกันความร้อน และค่อย ๆ หมุนเพื่อระบายความดันออก

ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเพราะน้ำในหม้อน้ำมีระดับต่ำ ก็ให้เติมน้ำเพิ่มเข้าไป หลังจากเครื่องยนต์ดับไปแล้วสักครึ่งชั่วโมง
เพื่อให้เครื่องยนต์คลายความร้อนก่อน ไม่ควรรีบเติมน้ำลงไปทันที เพราะโลหะที่ร้อนจัดเมื่อถูกน้ำเย็น
จะหดตัวลงอย่างรวดเร็วจนเกิดการแตกร้าวได้

ควรเติมน้ำครั้งละประมาณครึ่งลิตร และเว้นช่วงประมาณ 3-5 นาที เพื่อให้น้ำที่เติมลงไป ค่อย ๆ ดึงความร้อนเข้ามา
เพื่อป้องกันประเก็นฝาสูบแตกหรือฝาสูบโก่ง เมื่อเติมน้ำใกล้เต็มแล้ว ควรติดเครื่องยนต์ไว้ด้วย
เพื่อให้น้ำมีการหมุนเวียนและหมั่นตรวจสอบมาตรวัดอุณหภูมิ

เมื่อเติมน้ำจนเต็มแล้ว ให้ตรวจสอบรอยรั่วซึมของน้ำตามจุดต่าง ๆ ถ้าไม่มีและอุณหภูมิลดลงอยู่ในระดับปกติก็เดินทางต่อได้
แต่ถ้าเกิดจากระบบระบายความร้อน เช่น พัดลมบกพร่อง ควรแก้ไขก่อน

วิธีการไล่ลม ไล่อากาศ หลังจากเปลี่ยนถ่ายน้ำหล่อเย็นใหม่ (ไม่จำเป็นต้องหลังการติดตั้งแก๊ส แต่การติดตั้งแก๊ส
ต้องตัดต่อท่อน้ำหล่อเย็น เข้าหม้อต้ม , สายต้ม)

1. คลายปลั๊ก ถ่ายน้ำทิ้ง มักจะอยู่ด้านล่างสุดของหม้อน้ำ
2. ปิดปลั๊ก ถ่ายน้ำทิ้ง
3. มองหา น๊อต ส่วนมาก จะเป็นประมาณ เบอร์ 12 บริเวณ ที่อยู่ของ วาล์วน้ำ คลายออกเป็นตัวไล่อากาศ
4. เติมน้ำ ให้เต็ม
5. เดินเครื่อง น้ำจะยุบ เติมให้เต็ม
6. ขันน๊อต ข้อ 3 ปิดให้แน่นพอประมาณ ถ้ามี ซิลิโคน ก็ทากันรั่วเสียหน่อย
7. เดินเครื่องสักพัก พอวาล์วน้ำเปิด สังเกตุจากน้ำไหลผ่านจากท่อน้ำบน ลงหม้อน้ำไปท่อน้ำล่าง(ส่วนมากจะเปิดเมื่อน้ำร้อน
ประมาณ 80 - 82 องศา C)
8. เติมน้ำเพิ่มให้เต็ม
9. ปิดฝาหม้อน้ำ ตรวจดูยางกันรั่ว ไม่มีรอยฉีกขาด ไม่เป็นสนิม ถ้าไม่ดีเปลี่ยนใหม่
10. เติมน้ำหม้อพักน้ำให้ได้ระดับ เต็ม Full
11. สำหรับคนที่หาน๊อต ข้อ 3 ไม่พบ ให้เปิดฝาหม้อน้ำ ทิ้งไว้ แล้วเดินเครื่องจนเครื่องยนต์ร้อนได้ที่ วาล์วน้ำเปิด คอยเติมน้ำจนเต็ม
 จนน้ำไม่ยุบพร่องอีกแล้ว จึงค่อยปิดฝาหม้อน้ำ
หวังว่า รายละเอียด เหล่านี้คงพอทำให้ มือใหม่ทุกคน ดูแลน้ำหล่อเย็นให้ทำงานได้อย่างดี

การไล่ลมในระบบน้ำ ช่างได้ไล่ลมในระบบได้ครบสมบูรณ์หรือไม่ วิธีการไล่ลม ทำได้หลายวิธี วิธีที่ง่ายที่สุด ให้ทำดังนี้
- หาขวดน้ำตัดตูด คว่ำขวดที่หม้อน้ำรถ แล้วเติมน้ำให้เต็มถึงตูดขวด
- สตาร์ทรถ แล้วเร่งเครื่องเบา ๆ รถจะค่อย ๆ ดูดน้ำเข้าระบบ แล้วให้เติมน้ำให้เต็มขวดตลอดเวลา
- เร่งเครื่องสูง สลับเบา เติมน้ำให้เต็มขวด และ ใช้มือบีบตามท่อน้ำ บีบปล่อย บีบปล่อย ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
 และให้สังเกตุที่ขวดน้ำจะมีฟองอากาศลอยขึ้นมาเรื่อย ๆ ทำจนกว่าฟองอากาศจะน้อยที่สุด หรือไม่มีเลย
- เอาขวดน้ำออก เร่งเครื่องขึ้นอีกครั้ง ปล่อยคันเร่งแล้วให้ดูที่หม้อน้ำว่าน้ำพร่องไปหรือเปล่าถ้าพร่องไปก้อให้เติมน้ำเพิ่มอีก
แล้วปิดฝาหม้อน้ำ

หรือหากรถมีที่ไล่ลมในระบบน้ำก้อใช้ใส่ไขควงเปิดไล่ลมออก

น้ำมันเข้าหม้อน้ำ
Oil cooler leak

น่าแปลกครับ หากท่านเปิดฝาหม้อน้ำขึ้นมาแล้วพบว่า มีสิ่งแปลกปลอม น้ำสีชมพูขุ่นๆ เข้ามาแทน
น้ำสีๆเขียวหรือฟ้าๆของ Coolant ของท่าน


ความเสียหาย
1 หากดูไม่ทัน หรือไม่ได้ดู ท่านต้องพบความเสียหายของเครื่องยนต์จากการเกิด Over heat เนื่องจากการระบายความร้อนทำไม่ได้
และ เกียร์ออโตเสียหายแน่นอน เนื่องจากไม่มีการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพนั่นเอง
2 คราบน้ำมันปนน้ำ จะไปทั่วในระบบระบายความร้อนภายในเครื่องยนต์ เป็นคราบเหนียวแน่นไม่สามารถล้างทำความสะอาดได้ง่าย เสี่ยงต่อการใช้งานต่อไปในอนาคต

สาเหตุ
1 แสดงว่ามีน้ำมันปนเข้ามาในหม้อน้ำของท่านแน่นอน
2 อาจจะมาจาก Oil cooler รั่ว เลยทำให้น้ำมันเกียร์ออโตที่ไประบายความร้อนในหม้อน้ำรั่วเข้ามาได้
3 น้ำมันเครื่องคงยากหน่อย แต่ก็เป็นไปได้ แต่กรณีนี้สี สรรไม่น่าใช่ เพราะออกสีชมพู ก็น่าจะมาจากแดงของน้ำมันเกียร์ออโตครับ

Oil cooler รั่วได้อย่างไร
1 การสึกกร่อนตามอายุการใช้งาน ยากครับ
2 ใช้สารเคมี มากเกินไปทำให้เกิดการผุกร่อนเร็วกว่าปกติ เช่นการล้างหม้อน้ำโดยไม่ระวัง หรือใช้สารที่มีฤทธิ์เป็นกรดมากเกินไป
 โดยไม่มีตัวยับยั้งการผุกร่อนอย่างเพียงหรือถูกต้อง
3 Defect หรือมีรอยชำรุดของ oil cooler มาก่อน

การแก้ไข
1 ต้องเปลี่ยนหม้อน้ำและ Oil Cooler ใหม่ครับ ซ่อมคงทำได้ยากและไม่คุ้มค่า
2 ควร Flushing ทั้งเกียร์ออโตและหม้อน้ำ ระบบ Cooling ใหม่ทั้งหมด ไล่เอาน้ำมัน ที่ปนมากับน้ำออกให้หมด
ให้มั่นใจว่าหมดจริงๆแล้วจึงใช้งานต่อไปได้
3 ตรวจสอบหาสาเหตุอย่างอื่นว่า มีอะไรที่พอเป็นสาเหตุที่จะทำให้น้ามันเข้ามาได้อีกหรือไม่ เช่น มาจากเครื่องยนต์ได้หรือไม่
และต้องเฝ้าดูอาการ การใช้อีกสักระยะ เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีการรั่วเข้ามาอีกแน่แล้วจึงจะวางใจได้

ครับ ว่างๆก็เปิดดูหม้อน้ำของท่านบ้างนะครับ สกปรกหรือไม่ ฝาหม้อน้ำยังดีอยู่หรือไม่ หรือว่ามีน้ำมันปนอย่างนี้หรือไม่นะครับ การดูแลรักษาง่ายแบบนี้จะช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่าย แทนที่จะซ่อมแพงๆก็กลายเป็นถูกๆได้นะครับ

อันนี้แน่นมากคับ
มีประโยชน์มากคับ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
thetik
ศิษย์พี่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 231


« ตอบ #4 เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2010, 18:53:24 »

ขอบคุณสำหรับความรู้ดี ดี ครับ   จุมพิต จุมพิต เศร้า เศร้า
บันทึกการเข้า
a_beck
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6


« ตอบ #5 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2010, 10:45:27 »

ขอบคุณคับ
บันทึกการเข้า
Thong Chai
ศิษย์น้อง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 82



« ตอบ #6 เมื่อ: 27 พฤษภาคม 2010, 23:58:22 »

แหล่มคับ
บันทึกการเข้า

97civic
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,154

นายใจดี


« ตอบ #7 เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2010, 02:56:45 »

ขอบคุุณครับ ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
บันทึกการเข้า

อาจจะมีใครสักคนรออยู่ที่ปลายฟ้า บอกใจเสมอว่าคนที่รออยู่ไม่ไกล
อาจจะมีใครสักคนรับฝากรักในหัวใจ เส้นทางชีวิตอันแสนไกล จะมีคนรักเดินเคียงข้างกัน
yoshiki14
ชาวยุทธ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13


« ตอบ #8 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2010, 16:01:27 »

ขอบคุณครับสำหรับความรู้ดีๆๆ  ขอถามหน่อยครับคือว่าถ้าเราจะเติมน้ำลงไปในหม้อน้ำตรงๆเลยได้ไหมครับ เพราะส่วนใหญ่ตอนนี้ผมเติมลงแต่หม้อพักน้ำ และอีกข้อคือ ผมเพิ่งซื้อรถมือ2มาครับเป็นไดเมนชั่นปี05 จะเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นได้หรือเปล่าครับมันจะทำให้รถมีปัญหาทำให้หม้อน้ำรั่วหรือเปล่าครับ พอดีมีพี่คนหนึ่งเขาบอกว่าถ้ารถ5ปีแล้วไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำหรือสารหล่อเย็นเพราะมันจะไปกัดหม้อน้ำทำให้หม้อน้ำเป็นรูง่าย เขาบอกว่าเติมแค่น้ำเปล่าก็พอครับ  ถ้าผมเติมแต่น้ำเปล่าก็ได้ใช่ไหมครับ
บันทึกการเข้า
Regis100
ม่อนเงาะ ณ เชียงใหม่
ผู้คุมกฎ
อาจารย์ปู่
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18,639


ผมก็แค่ผู้โง่เขลาคนนึงที่พยายามอยากฉลาด@ เชียงใหม่เจ้า


« ตอบ #9 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2010, 17:01:11 »

เพิ่มให้ครับ พอดีไม่ได้ถ่ายรูปไว้ การเติมน้ำหม้อน้ำ ให้ หาขวดน้ำมาตัดก้นออก แล้วหาผ้าหรือเศษยางมาพันให้แน่นๆเสียบลงไปในฝาหม้อน้ำ แล้วเติมน้ำแล้วทำตามที่ข้างบนบอกไว้ครับ ค่อยๆเติม รถจะกี่สิบปีก็ต้องถ่ายน้ำหม้อน้ำครับและต้องใส่คูลแลนด์ด้วย
เพื่อช่วยให้น้ำเดือดยากขึ้น  ให้เรื่องกัดหม้อน้ำ นี่ ไม่จริงครับ เติมน้ำอย่างเดียวนี่ดิ หม้อจะพังง่ายขึ้น
 ปล น้ำที่ใช้เติมควรเป็นน้ำที่สะอาดๆนะครับ น้ำดื่ม หรือน้ำกลั่นเติมแบตได้ยิ่งดีครับ จะช่วยให้หม้อน้ำไม่เป็นตะกรันหรือสนิมได้เยอะครับ อายจัง


* P1010546.JPG (91.39 KB, 800x600 - ดู 2328 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ค้นคำตอบก่อนรอคำตอบนะครับ พิมพ์ไว้เยอะแล้ว หาอ่านกันดู
เชื่อผมไม่เชื่อผมไม่มีปัญหา
97civic
Gold Member
อาจารย์ปู่
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,154

นายใจดี


« ตอบ #10 เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2010, 23:37:07 »

เพิ่มให้ครับ พอดีไม่ได้ถ่ายรูปไว้ การเติมน้ำหม้อน้ำ ให้ หาขวดน้ำมาตัดก้นออก แล้วหาผ้าหรือเศษยางมาพันให้แน่นๆเสียบลงไปในฝาหม้อน้ำ แล้วเติมน้ำแล้วทำตามที่ข้างบนบอกไว้ครับ ค่อยๆเติม รถจะกี่สิบปีก็ต้องถ่ายน้ำหม้อน้ำครับและต้องใส่คูลแลนด์ด้วย
เพื่อช่วยให้น้ำเดือดยากขึ้น  ให้เรื่องกัดหม้อน้ำ นี่ ไม่จริงครับ เติมน้ำอย่างเดียวนี่ดิ หม้อจะพังง่ายขึ้น
 ปล น้ำที่ใช้เติมควรเป็นน้ำที่สะอาดๆนะครับ น้ำดื่ม หรือน้ำกลั่นเติมแบตได้ยิ่งดีครับ จะช่วยให้หม้อน้ำไม่เป็นตะกรันหรือสนิมได้เยอะครับ อายจัง

ขอบคุณครับผม
บันทึกการเข้า

อาจจะมีใครสักคนรออยู่ที่ปลายฟ้า บอกใจเสมอว่าคนที่รออยู่ไม่ไกล
อาจจะมีใครสักคนรับฝากรักในหัวใจ เส้นทางชีวิตอันแสนไกล จะมีคนรักเดินเคียงข้างกัน
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
:::CIVIC CLUB THAILAND:::  |  คุยคุ้ย Civic  |  Civic Club Car Knowledge => คลังความรู้คู่รถ  |  หัวข้อ: ปัญหาเกียวกับความร้อนสูง ฝาสูบโก่ง และการแก้ไข
กระโดดไป:  


.: Powered by :.
.: Link Exchange :.
civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017 civic, civic club, new civic 2017


Powered by MySQL Powered by PHP Copyright 2004-2014 www.welovecivic.com All rights reserved
Contact: theerachai@siamrx.com
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Civic Club | ย่อลิงค์ |